รีวิว Afternoon Tea Set สไตล์อังกฤษ ที่ Mandarin Oriental Shop สยามพารากอน
โดย : Ying
จากชาที่เสิร์ฟเพื่อบรรเทาความหิวยามบ่าย
สู่วัฒนธรรมที่สำคัญ ของประวัติศาสตร์อังกฤษ
Afternoon Tea ถือกำเนิดขึ้นโดย แอนนา มาเรีย (Anna Maria Russell) ดัชเชสแห่งเบดฟอร์ด ในช่วงปี ค.ศ. 1880 ด้วยความที่มื้ออาหารของคนประเทศอังกฤษ โดยปกติแล้วจะรับประทานกันแค่ 2 มื้อ คือมื้อเช้า และมื้อเย็นช่วงประมาณ 2 ทุ่ม ระยะเวลาจากมื้อเช้าถึงมื้อเย็นนั้นนานมาก เธอจึงมักจะให้สาวใช้ยกชาและขนมมาเสิร์ฟแก้หิว ในช่วงเวลาระหว่าง 16.00 -17.00 นาฬิกา ระหว่างรอรับประทานมื้อค่ำ
อีกทั้ง แอนนา มาเรีย ก็มักจะเสิร์ฟชาให้กับเพื่อนๆ ของเธอ ที่มักจะมาหาที่บ้านเป็นประจำด้วย นั่นจึงทำให้ Afternoon Tea กลายเป็นจุดศูนย์รวมของสาวๆ ที่มาพบปะสังสรรค์ นั่งพูดคุยกัน ประดุจดังเป็นสมาคมแม่บ้านเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มใช้ Afternoon Tea ในหลายโอกาสมากขึ้น ทั้งในงานเลี้ยงต้อนรับสมาชิกใหม่ งานเลี้ยงในสวน หรือแม้กระทั่งในคอร์ทเทนนิสก็ตาม
นอกจาก Afternoon Tea แล้ว ก็ยังมี High Tea ด้วยนะ บางคนจะเข้าใจผิดว่า High Tea เป็นของชนชั้นขุนนาง แต่ความจริงแล้ว High Tea เป็นชาที่เสิร์ฟตอนมื้อเย็นของชนชั้นแรงงาน ในช่วงเวลาระหว่าง 17.00 -19.00 นาฬิกา High Tea มักจะถูกจัดวางบนโต๊ะอาหารทรงสูง และจะเน้นหนักไปที่อาหารคาวอย่าง ซุป ชีส Toast หรือ Hot Food มากกว่า
แอนนา มาเรีย (Anna Maria Russell ) Duchess of Bedford
สมาคมแม่บ้าน Afternoon Tea แหล่งรวมสาวๆ ที่มักจะมารวมกลุ่มเม้าท์มอยกัน
นอกจากชาแล้ว "ขนมที่เสิร์ฟ" ก็พิถีพิถันไม่แพ้กัน !
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ชาเลิศรส ก็จะมีขนมที่นำมาเสิร์ฟคู่กันนี่แหละ ที่เรียกได้ว่าอลังการงานสร้าง แถมยังมีหลายแบบด้วยนะ ถ้านับแบบดั้งเดิมก็จะมีดังนี้
- Scone สโคน
- Finger Sandwich หรือ แซนด์วิชแบบพอดีคำ
- Pastry หรือ ขนมอบ
โดยเรามักจะเคยเห็นขนมทั้ง 3 รายการนี้ถูกจัดบน Petit Fours Stand ส่วนมากก็จะวางแยกชั้นใครชั้นมัน Finger Sandwich หนึ่งชั้น Scone อีกหนึ่งชั้น Pastry อีกหนึ่งชั้น แต่บางบ้านก็ไม่ได้ใช้ Stand นะ ถ้าแขกเยอะก็จัดใส่ถาดสวยๆ ไปเลย ซึ่งขนมที่นำมาเสิร์ฟพร้อมชานี้ เขาก็จะทานกันแบบเรียงตามลำดับก่อน-หลังด้วย นั่นก็คือ
Finger Sandwich >> Scone >> Pastry
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน Afternoon Tea จะไม่ได้มีวิธีการที่เป๊ะเหมือนในอดีต บรรดาคาเฟ่ หรือโรงแรม ต่างก็ประยุกต์ให้เข้ากับเทรนด์ปัจจุบัน บ้างก็ไม่มีในส่วนของ Finger Sandwich บ้างก็มีเพิ่มขนม บ้างก็มีอาหารท้องถิ่นเข้ามา หรือบ้างก็ให้ลูกค้าเป็นคนเลือกเองเลยว่าอยากทานอะไรบ้าง และร้านก็จะเสิร์ฟตามที่ลูกค้าเลือก
บนโต๊ะชาของบางบ้าน อาจจะมีขนมอื่นๆ มาเสิร์ฟด้วย
ซึ่งมักจะเป็นขนมที่เจ้าของบ้านทำด้วยตนเอง
รีวิว Afternoon Tea สไตล์อังกฤษ
ที่ The Mandarin Oriental Shop สยามพารากอน
บทความนี้เราจะพาไปสัมผัส Afternoon Tea ที่ใกล้เคียงกับดั้งเดิมมากที่สุด เราเลยเลือกไปจิบชากันที่ The Mandarin Oriental Shop สยามพารากอน หลังจากโทรสอบถาม และจองคิวเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นก็พุ่งเข้าร้านตามเวลานัดเป๊ะๆ เพราะด้วย The Mandarin Oriental Shop สยามพารากอนนั้น เป็นสถานที่ยอดฮิตที่หลายคนมักจะเลือกมาจิบชา ซื้อขนมปัง ช้อปขนมหวาน รวมถึงนั่งพูดคุยกัน เลยทำให้โต๊ะไม่ค่อยว่าง แนะนำว่าใครจะไปจิบ Afternoon Tea ควรโทรจองก่อนจะเป็นการดีที่สุด
สำหรับ Set Afternoon Tea เราจะเลือกชาได้ 1 รส แต่สามารถเติมน้ำร้อนได้ตลอดงาน
พร้อมกันก็จะมีรายละเอียดของคาว ของหวาน ที่เสิร์ฟคู่กันมาให้ดูด้วย
🍵 ชา
หลังจากพนักงานช่วยแนะนำชาแต่ละแบบครบแล้ว สุดท้ายเราก็เลือกชา French Earl Grey ที่เป็นชาดำ ผสมด้วยมะกรูดจากหมู่เกาะซิซิลี และดอกคอร์นฟลาวเวอร์สีน้ำเงินจากโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส บอกเลยว่ากลิ่นหอมมาก ถึงจะเป็นชาดำ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขมมาก หลังจากที่ลองจิบแล้ว สดชื่นมาก
ชาจะมาในกาเซรามิกพร้อมแก้วลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของทาง Mandarin Oriental
และที่สำคัญคืออุ่นร้อนตลอดเวลา ไม่ต้องกลัวว่านั่งนานๆ แล้วชาจะเย็นชืด จนเสียรสชาติ
🍰 ขนมหวาน และของคาว 🥪
รอสักพักขนมหวานอย่างสโคน และของคาวชิ้นพอดีคำก็มาเสิร์ฟ ด้วยความที่ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ทำให้คอนเซ็ปต์ของขนม จะมีความหวานแหววน่ารัก เน้นไปทางสีชมพู และแดงซะส่วนใหญ่ แต่ต้องบอกเลยว่า ถึงสีจะดูไปทางเดียวกันหมด แต่ว่าส่วนผสม และรสชาติ ไม่เหมือนกันสักชิ้นเลย และถึงแม้ของคาวจะไม่ได้คงคอนเซ็ปต์ Finger Sandwich เป๊ะ แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เป็นชิ้นพอดีคำ หยิบมาทานได้สะดวกเหมือนเดิม
ในปัจจุบัน ลำดับการรับประทานอาจจะไม่เหมือนต้นฉบับ
แต่ทางร้านยังคงมีสโคน ขนมหวาน และของคาวมาให้ครบถ้วน
ปล่อยใจไปกับ French Earl Grey สุดหอม
พร้อมสัมผัสรสชาติแสนอร่อยของขนม และของคาว
- เริ่มกันที่สโคนอุ่นๆ
ขึ้นชื่อว่า Afternoon Tea ยังไงก็ต้องมีสโคน เราเริ่มกันที่สโคนก่อนเพราะยังอุ่นๆ อยู่ ปกติสโคนมักจะทานคู่กับแยม และคล็อตเต็ดครีม ใน Set เราได้แยมผลไม้มา 2 รสชาติคือราสป์เบอร์รี และกุหลาบ พนักงานให้ข้อมูลกับเราเพิ่มเติมว่า รสชาติของแยมจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล เมื่อเราแบ่งสโคนเป็น 2 ส่วนแล้ว เราก็จะทาคล็อตเต็ดครีมก่อน และตามด้วยแยม ตรงนี้ต้องบอกเลยว่า ธรรมเนียมของแต่ละประเทศในยุโรปจะต่างกันนะ บางประเทศจะทาแยมก่อน แล้วค่อยทาคล็อตเต็ดครีมตาม ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว
ตัวแยมหอมมาก บาดบนสโคนอุ่นๆ แล้วรีบทาน คือให้คะแนนเต็ม 10 เลย
โดยปกติเราสามารถใช้มือในการแบ่งสโคนได้เลย ไม่ต้องใช้มีด ไม่ถือว่าเสียมารยาท
สโคนที่ร้านเสิร์ฟจะมี 2 รสชาติ คือดั้งเดิม และมะม่วง
- ตามด้วยของคาว แต่สีหวานแบบวาเลนไทน์
ของคาวมาในขนาดพอดีคำ ทานง่าย มีหลากหลายทั้ง ปลา ไก่ กุ้ง ทันทีที่ได้เห็นบอกตรงๆ ว่ามีความตกใจเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่า ของคาวจะมีสีสันน่ารักขนาดนี้ ตอนแรกไม่กล้าทานเลย บางชิ้นจะมีของหวานเป็นส่วนผสมด้วยนะ แต่พอทานแล้วคือ เข้ากันมาก ลงตัวสุดๆ โดยในชั้นนี้จะมีทั้งหมด 4 ชิ้น ดังนี้เลย
แซนวิชไก่กับเจลลี่พอร์ตไวน์ / แซลมอนกับฮอร์สแรดิช / สลัดทูน่า / สลัดส้มโอและกุ้ง
กลีบดอกกุหลาบบนแซนวิชไก่กับเจลลี่พอร์ตไวน์ ทานเข้าไปพร้อมกันในคำเดียว รสชาติจะกลมกล่อมมาก
แซลมอนกับฮอร์สแรดิชจะมีความเค็ม เหมือนแซลมอนรมควัน มาพร้อมไข่ด้านบน ที่สำคัญคือไม่คาวเลย
- ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ที่สุดแสนจะน่ารัก
ลำดับสุดท้ายจะเป็นของหวาน เสิร์ฟมาในขนาดพอดีคำเช่นเคย แถมหน้าตาก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดือนแห่งความรัก ถ้าใครที่ไม่ชอบทานขนมหวานแบบหวานเลี่ยน จะต้องแฮปปี้กับน้อง 4 ชิ้นนี้ เพราะหวานแบบพอดี และมีรสชาติหลากหลายในตัวเอง เมื่อทานคู่กับชาก็ยิ่งเข้ากัน อีกทั้งทางร้านคือ จัดมาให้หลายแบบ ไม่ได้มีแต่เค้กล้วน หรือช็อกโกแลตล้วน รับรองว่าทานสนุก ไม่มีเบื่อแน่นอน
มีให้ลองทั้ง เค้ก ช็อกโกแลต มัทฉะ และ ชูส์ ทานพร้อมชา คือเพลินมาก
เค้กมัทฉะ สอดไส้คาราเมล มิโซะ และส้มยูซุ ตอนอ่านรายละเอียดเมนู ก็งงส่วนผสมเล็กน้อย
ด้วยความที่ไม่ค่อยชอบมัทฉะ แต่พอลองแล้วคือทานได้ กลิ่นมัทฉะไม่ได้แรง ถือว่าดีเลย
โรลเค้กสตรอว์เบอร์รีพร้อมกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์ เห็นหน้าตาหวานๆ ความจริงคือ รสชาติพอดี ไม่เลี่ยนเลย
ตอนที่ทานเข้าไปคือได้กลิ่นหอมของ ชาเอิร์ลเกรย์จริงๆ ชิ้นนี้มีความนุ่มนิ่ม ละลายในปาก
เค้กช็อกโกแลตรูปหัวใจสอดไส้เสาวรสและกลิ่นมะลิ จริงๆ ไส้ของชิ้นนี้มีกล้วยด้วย
หากใครกลัวว่าพอมีเสาวรสแล้วเค้กจะเปรี้ยว สบายใจได้ ชิ้นนี้ไม่มีความเปรี้ยวเลย
ใครรักช็อกโกแลตคือต้องปลื้ม เพราะชิ้นนี้มีความช็อกโกแลตแบบเต็มๆ คำเลย
ชูส์มะกรูดสอดไส้แยมกุหลาบ ลิ้นจี่ และครีมราสป์เบอร์รีสีแดงสด แต่ไม่เลี่ยนเลย
ไส้มีความเปรี้ยวพอประมาณ กลิ่นมะกรูดชัด ทานคู่กับชาดำคือ เข้ากันได้ดีมาก
Set Afternoon Tea ของ Mandarin Oriental โดยส่วนตัวคิดว่าสามารถทานได้ 2 คน แบบอิ่มกำลังดี อีกทั้งห้างสยามพารากอนก็เดินทางสะดวก นั่นทำให้สามารถเดินทางได้แบบสบายๆ ใน Shop ก็จะมีพวกครัวซองต์ สโคนยอดฮิตของร้าน ใครชอบมาการองก็มีให้เลือกหลายรสชาติ แถมเค้กหน้าตาน่าทานอีกเพียบ ในระหว่างที่นั่งทาน เราจะเห็นผู้คนต่างแวะเวียนเข้ามาซื้อชา และขนมไม่ขาดสาย บรรยากาศจะคึกคักทั้งวัน
แต่ถ้าใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายนี้ สามารถไปรับประทานที่ The Authors' Lounge ซึ่งเป็น Lounge ของโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ได้เลย ที่นี่จะเสิร์ฟ Afternoon Tea ที่พิเศษกว่า Shop พารากอน เพราะใน Set จะมีขนมไทยให้ด้วย อีกทั้งยังได้กลิ่นอายประวัติศาสตร์ เพราะโรงแรมนี้อยู่มาอย่างยาวนานกว่า 140 ปี ตัวโรงแรมตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา นั่นยิ่งทำให้ บรรยากาศการจิบชายามบ่ายผ่อนคลายมากขึ้น
Mandarin Oriental Shop พารากอน ( ซ้าย )
และโรงแรม Mandarin Oriental Bangkok ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ขวา)
💸 สำหรับราคา Afternoon Tea ของ Mandarin Oriental shop พารากอน จะอยู่ที่ 1,2xx บาท ยังไม่รวม Vat และ Service charge นะ
** ราคาจะแตกต่างกันตามเทศกาล และถ้าหากไปทานที่โรงแรม ก็จะเป็นคนละราคาเช่นกัน แนะนำให้โทรสอบถามก่อนนะ
💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้ที่นี่
- Tea Time การเดินทางของ "ชา" เครื่องดื่มยอดฮิต แท้จริงแล้วเริ่มต้นมาจากไหนกันนะ ?
- รู้จัก Sadou พิธีกรรมทรงคุณค่า เมื่อ "การชงชา" เกี่ยวข้องกับทุกวิถีชีวิตของญี่ปุ่น
- มัดรวม 5 คอร์ส "สอนชงชาญี่ปุ่น" โตแล้วอยากชงชากินเอง แถมสร้างเป็นอาชีพได้ด้วย
- TWININGS การเติบโตแบบก้าวกระโดด ของร้านชาเล็กๆ แห่งถนน Strand
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : twinings / refresherthai / grandtourismo
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ