2023 ปีทองของ ASICS ? สลัดคราบรองเท้าวิ่ง สู่รองเท้าไลฟ์สไตล์ 'ที่ใคร ๆ ก็ใส่ได้'
โดย : imnat
จากตัวอย่างที่มีให้เห็นกันทั่วไป ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงแล้วว่า เส้นคั่นบาง ๆ ที่อยู่ระหว่างรองเท้ากีฬากับไลฟ์สไตล์ นับวันยิ่งค่อย ๆ เชื่อมถึงกันในแบบที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ต่อให้เราจะไม่ได้เป็นนักกีฬา หรือแทบจะไม่ได้มีความรู้เรื่องกีฬาอยู่ในตัว แต่เราก็สามารถหยิบเอารองเท้ากีฬามาใส่เล่นกันในชีวิตประจำวันได้ ในแบบที่ไม่ต้องกลัวว่าจะรู้สึกกระเดิดกระดากอีกต่อไป
นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แบรนด์รองเท้ากีฬาหลายแบรนด์ หันมาใส่ใจภาพลักษณ์ของตัวเองอย่างจริงจัง จากเดิมที่ค่อนไปทางรองเท้ากีฬาจ๋า ก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปโฉมให้ออกมาเข้าถึงง่าย ดูทันสมัยมากขึ้น ซึ่งพวกเราน่าจะเคยเห็นภาพตัวอย่างกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬาจากแบรนด์ NIKE, adidas หรือว่า New Balance รวมไปถึงอีกหนึ่งแบรนด์ที่หลังจากสลัดคราบเก่าของตัวเองทิ้งไป ก็ได้เกิดเป็นกระแสใหม่ขึ้นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2020 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2023 ซึ่งก็ได้แก่ แบรนด์รองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ASICS (เอสิกส์)
รู้จัก ASICS แบรนด์รองเท้ากีฬา ที่ถีบตัวเองขึ้นมาจากความพ่ายแพ้
ความสนุกเวลาที่เราต้องการจะทำความรู้จักกับแบรนด์ไหนสักแบรนด์ ส่วนตัวเรามองว่ามันมักจะหนีไม่พ้น 'ก้าวแรก' กว่าที่จะเป็นแบรนด์ ๆ นั้น ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็มีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับ ASICS แล้ว จุดเริ่มต้นของมันดูจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนชาวบ้านชาวช่องสักเท่าไหร่
ถ้าเปลี่ยนจากภาพกลีบกุหลาบอันสวยงาม มาเป็นภาพของฝุ่นควันจากการทิ้งระเบิด ตึกรามบ้านช่องพังทลาย ประชาชนที่ต้องอยู่อาศัยกันอย่างขวัญหาย พร้อมซากศพของผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ดูจะเป็นภาพที่เป็นไปได้ยากแต่ทว่ามันได้เกิดขึ้นแล้วกับคนญี่ปุ่นที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1939 - 1945 ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนาย Kihachiro Onitsuka อดีตทหารผ่านศึกที่รอดชีวิตมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันน่าสะเทือนขวัญและบั่นทอนกำลังใจ จนทำให้นาย Onitsuka เกิดความตั้งใจอยากจะเป็นกระบอกเสียงเล็ก ๆ ที่สร้างขวัญและกำลังใจให้กับการเริ่มต้นใหม่ แม้ว่า ณ ตอนนั้นประชาชนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่กันแบบหมดอาลัยตายอยาก แต่เขาก็ยังมีความเชื่อว่า ชีวิตเราสามารถเริ่มต้นใหม่กันได้ ซึ่งนั่นเป็นวินาทีแรกที่ทำให้เขาตัดสินใจ 'คิดการใหญ่' ขึ้นมา
Kihachiro Onitsuka อดีตทหารผ่านศึกชาวญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ASICS ภาพจาก ASICS
ร่างกายที่สมบูรณ์เป็นบ่อเกิดแห่งจิตใจที่สมบูรณ์ คือปณิธานที่ทำให้นาย Onitsuka มีความตั้งใจอยากจะใช้กิจกรรมอย่าง 'กีฬา' มาเป็นสื่อกลางในการผลักดันทำให้เกิดขวัญและกำลังใจ เพราะเขามีความเชื่อว่าถ้าร่างกายของทุกคนแข็งแรง ก็จะนำพามาซึ่งกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป การหยุดอยู่กับที่แบบเดิม ๆ อาจจะไม่ช่วยอะไร ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนพอจะทำได้ก็คือการเริ่มต้นใหม่ โดยอาศัยพลังกายและพลังใจเป็นแรงขับเคลื่อน
นั่นจึงกลายเป็นที่มาของ ASICS แบรนด์รองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่น ที่หยิบเอาความพ่ายแพ้ในอดีตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มาเป็นบทเรียน ก่อนจะเสริมพลังกายและพลังใจให้ทุกคนเริ่มต้นใหม่ผ่านกิจกรรมอย่างกีฬา เหมือนดั่งที่นาย Kihachiro Onitsuka เชื่อมั่นว่า ร่างกายที่สมบูรณ์จะเป็นบ่อเกิดแห่งจิตใจที่สมบูรณ์นั่นเอง
การปรับตัวของแบรนด์รองเท้าในตำนาน สู่โฉมใหม่... ที่ไฉไลกว่าเก่า
หนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชม นับตั้งแต่วันแรกที่แบรนด์ ASICS ก่อตั้งมา คือการที่ทางแบรนด์ได้นำปรัชญาการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นอย่าง 'ไคเซ็น (Kaizen)' มาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้เราได้เห็นกันอยู่ตลอด
อย่างบทเรียนที่มีส่วนทำให้ ASICS พัฒนาตัวเองจนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในทุกวันนี้ คือบทเรียนที่เกิดจากการทุ่มเทให้กับการทำงาน 'แค่ด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว' จนเผลอละเลยให้ความสำคัญกับอีกด้าน ทั้ง ๆ ที่มันควรจะต้องถูกพัฒนาไปพร้อมกัน เพราะก่อนหน้านี้ ASICS ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของรองเท้าเป็นอย่างมาก มากเสียจนเราสามารถมั่นใจและวางใจได้เลยว่า ASICS เป็นแบรนด์รองเท้าที่มีความสามารถในการผลิตรองเท้ากีฬาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใส่ได้จริง ๆ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่เข้ามาซัปพอร์ตให้กับพฤติกรรมการใส่ บวกกับหมวดของรองเท้าที่มีให้เลือกหลากหลาย (แม้กระทั่งรองเท้านักกีฬามวยปล้ำ ASICS ก็เคยทำออกมาวางขายกันแล้ว) แต่การทุ่มเทให้กับการพัฒนาคุณภาพเพียงอย่างเดียว ส่งผลทำให้ ASICS ตกอยู่ในสถานะเกือบจะชัตดาวน์ตัวเองลง เพราะการเผลอละเลยในแง่ของ 'ภาพลักษณ์ของสินค้า' ที่ทำให้ ASICS ไม่สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ที่มีส่วนในการสร้างรายได้และทำกำไรให้กับตัวเองได้
พัฒนาการของรองเท้า Asics Gel-Kayano 1 (รุ่นแรก) กับ Asics Gel-Kayano 30 (รุ่นปัจจุบัน)
แม้จะรู้ตัวช้าไปบ้าง แต่ก็นับว่าไม่เสียหายอะไรที่ ASICS จะลุกขึ้นมาแก้ตัวใหม่อีกครั้ง อย่างที่ ASICS เชื่อมั่นมาตลอดว่าทุกอย่างมันสามารถเริ่มต้นใหม่กันได้ นั่นเลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ASICS หันมาเอาจริงเอาจังกับการพัฒนาภาพลักษณ์ของรองเท้าให้ดูทันสมัย ดูเป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงง่าย ไม่ได้ยึดติดอยู่กับพิมพ์เขียวอย่างการเป็นรองเท้ากีฬาอีกต่อไป สร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ใหม่ เจาะตลาดของกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยลงกว่าเดิม เลยกลายเป็นที่มาของการใช้กลยุทธ์อย่าง 'การคอลแลปส์' ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับดีไซเนอร์ชื่อดัง การออกคอลเล็กชันร่วมกับร้านรองเท้าที่มีชื่อเสียง ไปจนถึงการจับมือกับแบรนด์แฟชั่นที่แลดูจะไปด้วยกันไม่ได้ แต่กลับมีส่วนในการทำให้กระแสของ ASICS ค่อย ๆ ตีตื้นขึ้นมา นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2021 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
JJJJound x Asics Gel-Kayano 14 อีกหนึ่งงานคอลแลปส์ในปี 2022 ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
จนทำให้ราคาขายในตอนนี้พุ่งสูงถึง 4 หมื่นบาท จากราคาป้ายที่ 6 พันกว่าบาทเท่านั้น
ทำงานหนักมาทั้งปี จนตอนนี้หลายคนถึงขั้นอวย ว่า 2023 คือปีทองของ ASICS
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าในช่วงปี-สองปีมานี้ เรามีโอกาสได้ยินชื่อของ ASICS กันบ่อยมาก ซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสิ่งที่เรียกว่างานคอลแลปส์ เหตุผลสำคัญที่สร้างชื่อให้ ASICS กลายเป็นที่รู้จักและกลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนได้อีกครั้ง
แต่ในปี 2023 นี้มีความพิเศษยิ่งไปกว่านั้น เพราะแต่ละแบรนด์ที่ ASICS ยื่นมือเข้าไปจับ ล้วนเป็นแบรนด์ที่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงว่าจะมาร่วมงานกับ ASICS ได้ แม้ว่า ASICS จะยกระดับตัวเองด้วยการสลัดคราบการเป็นรองเท้ากีฬาไปได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่งานคอลแลปส์ในปี 2023 นี้ เรียกได้ว่าเป็นการเดินหน้าเข้าสู่วงการรองเท้าไลฟ์สไตล์อย่างจริงจัง เล่นเอาหลายคนที่ตามแบรนด์นี้กันมานานถึงกับอ้าปากค้างให้ความกล้าหาญของแบรนด์ในปีนี้
Cecilie Bahnsen X ASICS คืองานคอลแลปส์ที่สร้างเสียงฮือฮาได้มากที่สุดในปี 2023 โดย Cecilie Bahnsen คือแบรนด์เสื้อผ้าที่มีต้นกำเนิดมาจากโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างงานดีไซน์ที่ดูผู้ญิ้ง.. ผู้หญิง มีการเล่นกับลวดลายของเสื้อผ้าอย่างลายลูกไม้ ดอกไม้ หรือต่อให้การออกแบบจะเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ทางแบรนด์กลับเพิ่มความน่าสนใจด้วยการใช้ดอกไม้เล็ก ๆ สีสันสดใสมาประดับตกแต่งบนตัวเนื้อผ้ากันอีกที
เมื่อแบรนด์ที่มีความเป็นเฟมินิสต์แบบสุดโต่ง มาจับมือร่วมงานกับ ASICS เข้า ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยทำให้เรา 'เดาทิศทางกันไม่ได้'
โฉมหน้ารองเท้าที่ผ่านการร่วมมือกันระหว่าง Cecilie Bahnsen และ ASICS
งานคอลแลปส์ที่ฉีกทุกกฏที่เคยมีมาอย่างสิ้นเชิง
สำหรับงานคอลแลปส์ระหว่าง Cecilie Bahnsen กับ ASICS ในปี 2023 เป็นการหยิบเอารองเท้าโมเดล GT-2160 ในตำนาน มาปัดฝุ่นและแปลงโฉมให้มีกลิ่นอายความเป็นรองเท้าสไตล์ Mary Jane มากขึ้น ที่สำคัญมันยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์ Cecilie Bahnsen อย่างการใช้ลายฉลุลูกไม้ รวมไปถึงลวดลายการตกแต่งรอบตัวรองเท้า สมกับชื่อคอนเซ็ปต์ที่ถูกวางไว้อย่าง Everyday Couture
Cecilie Bahnsen X ASICS GT-2160 ในโทนสีขาว-เงิน ภาพจาก Cecilie Bahnsen
โดยงานคอลแลปส์ชิ้นนี้ถูกทำออกมาทั้งหมด 2 โทนสี ได้แก่ โทนขาว-เงิน กับอีกโทนสีอย่างดำ ก่อนจะถูกนำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกบนเวที Paris Fashion Week คอลเล็กชัน Fall/Winter 2023 และเพิ่งจะได้ฤกษ์เปิดให้คนที่สนใจได้จับจองเป็นเจ้าของกันไปในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีราคาป้ายอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาทไทย ในส่วนของราคารีเซลก็ได้พุ่งทะยานไปแตะที่ 20,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยด้วย
Dime x Asics GT-2160 อีกหนึ่งงานคอลแลปส์ที่ถูกพูดถึงในหมู่สนีกเกอร์เฮดในช่วงที่ผ่านมา
อีกหนึ่งงานคอลแลปส์ที่น่าสนใจ ที่เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่าง ASICS กับ Dime แบรนด์สเก็ตบอร์ดชื่อดังจากประเทศแคนาดา ที่ได้หยิบรองเท้าโมเดล GT-2160 มาสร้างสรรค์ผลงานใหม่ในสไตล์ของตัวเอง โดย Dime เป็นแบรนด์ที่มีอิทธิพลในวงการสนีกเกอร์เป็นอย่างมาก แถมการเปิดตัวในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกันกับงานคอลแลปส์ระหว่าง ASICS กับ Cecilie Bahnsen และยังมาพร้อมกับภาพลักษณ์ที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ (แม้ว่าจะคอลแลปส์มาจากรองเท้าโมเดลเดียวกันก็ตาม) ส่งผลทำให้ ASICS ได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการมาในภาพลักษณ์ที่แตกต่าง แต่โดนใจใครหลายคน ที่ส่งผลทำให้ปี 2023 'ASICS Sneakers' ถูกใช้ในการค้นหามากที่สุดบน Google เมื่อนำมาเทียบกับปี 2020, 2021 และ 2022 ที่ผ่านมา (นี่ขนาด 2023 ยังไม่ครบปีเลยด้วยซ้ำ)
ภาพแสดงอิทธิพลของการค้นหาคำว่า ASICS Sneakers ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2020 - 2023
ในส่วนของยอดขายในปี 2022 ทาง ASICS สามารถทำยอดขายได้มากที่สุด นับตั้งแต่เปิดตัวมา โดยทำยอดขายได้สูงถึง 484.6 พันล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยได้ 117 พันล้านบาท และมีการคาดการณ์ยอดขายในปี 2023 กันอีกด้วยว่า ASICS อาจจะทำยอดขายได้สูงถึง 510 พันล้านเยน หรือประมาณ 123 พันล้านบาทเลยทีเดียว
นอกจากอิทธิพลของงานคอลแลปส์แล้ว อิทธิพลจากดารา อินฟูลเอนเซอร์ รวมไปถึงอิทธิพลจากสื่อโซเชียลมีเดียล้วนมีส่วนในการตอกย้ำภาพลักษณ์ของการเป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจนว่า ASICS ได้ผันตัวเองจนกลายมาเป็นแบรนด์รองเท้ากีฬา ที่ใคร ๆ ก็ใส่ได้ ถ้ามองในแง่ของไลฟ์สไตล์ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนแล้ว ASICS ยังคงให้ความสำคัญกับการเป็นแบรนด์รองเท้ากีฬา ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับนักกีฬา, การแข่งขันกีฬา (โดยเฉพาะกีฬาวิ่ง) แถมยังมีการเปิดตัวสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อลดระยะห่างระหว่างผู้ใช้งานกับทางแบรนด์ ถือเป็นประโยชน์ในการพัฒนาคุณภาพของรองเท้าต่อไปในอนาคต
KITH x ASICS Vintage Tech 2023 อีกหนึ่งงานคอลแลปส์สุดฮือฮาแห่งปี
ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายรองเท้าแบรนด์ N ต่อท้ายด้วยเลข 3 หลัก ที่มาแรงเหมือนกันในปีนี้
โดยทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลงานที่ผ่านการสั่งสมมาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งแบรนด์ จนดำเนินมาถึงจุดสะดุด ก่อนจะนำเอาปัญหามาปรับปรุงและพัฒนาต่อเนื่องมายาว ๆ จนถึงปี 2023 จากทั้งหมดทั้งมวลนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นกันแล้วว่า 2023 เป็นปีทองที่ ASICS สามารถทำผลงานได้ดีที่สุด มีภาพลักษณ์ที่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนที่สุด สร้างการรับรู้ได้มากที่สุด อีกทั้งยังเป็นการพิสูจน์ตัวเองให้หลายคนได้เห็นกันแล้วว่า ASICS ไม่ได้มีดีแค่คุณภาพ แต่ในด้านภาพลักษณ์ที่ออกมาก็ไม่เป็นสองรองใครด้วยเช่นกัน ถึงขั้นมีความสามารถในการไปโชว์ตัวบนเวทีแฟชั่นระดับโลกได้ ส่วนตัวเรามองว่ามันช่างไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
ก็ต้องมาลุ้นและเอาใจช่วยให้กับแบรนด์รองเท้าจากฝั่งเอเชียแบรนด์นี้ต่อไป ว่าจะสามารถรักษาฐานความนิยมนี้เอาไว้ได้อีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ ผลงานในอนาคตข้างหน้าของ ASICS น่าจะแปลก แหวกแนว และก็พิสดารมากกว่านี้อีกแน่นอน มารอดูกัน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่
- รู้จัก Foot Locker ขาใหญ่แห่งวงการราคาป้าย ขวัญใจสายสนีกเกอร์
- SALOMON อดีต Local Brand จากประเทศฝรั่งเศส สู่แบรนด์ "แถวหน้า" ที่น่าจับตาในปี 2023
- คำนี้แปลว่าอะไร ? เปิดคลังศัพท์วงการสนีกเกอร์ ที่ชาว SNEAKERHEAD ทั้งหลายควรรู้ !
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : asics (1)(2), gearpatrol, expandedramblings และ fashionista
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)