คัดมาแล้ว! 10 เส้นทางเที่ยวชิลๆ สไตล์นายแฮมมึน แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย
โดย : N a n i
"รถไฟ" ยืนหนึ่ง เรื่องเที่ยวชิล
ปันโปรชวน แฟนพันธุ์แท้รถไฟไทย
เจ้าของเพจ "ทีมนั่งรถไฟกับนายแฮมมึน" บอกต่อ
10 เส้นทางเด็ด พร้อมรายละเอียดแบบเน้นๆ
หลายคนอาจจะยังนึกไม่ออก ว่าความงดงามของการเดินทางโดยรถไฟ จะเป็นอย่างไร ที่นี่มีคำตอบให้แล้ว ทั้งความโดดเด่นพิเศษ ของกินเด็ดๆ ขบวนรถไฟที่อยากแนะนำ จบและครบ ไปจนถึงราคาตั๋วเดินทางกันเลย ใครเป็นสายเดินทางที่ชอบเสพบรรยากาศสองข้างทาง ต้องอินกับประโยคที่ว่า...
" ความหมายที่แท้จริงของการเดินทาง ไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นระหว่างทางต่างหาก "
- พี่แฮมมึน กล่าวไว้ -
เพื่อไม่ให้เสียเวลา ปันโปรไกด์ ขอพาทุกคน ไปปักหมุดพร้อมๆ กัน!!
1) กรุงเทพ – อยุธยา (One Day Trip)
- ระยะใกล้ ไปกลับวันเดียวกันได้
- สถานีต้นทาง : สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต
- สถานีปลายทาง : สถานีอยุธยา
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? ต้องบอกว่าพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัดมากมาย อีกทั้งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ด้วย ที่สำคัญคือสถานีรถไฟอยู่ในตัวเมืองเดินทางง่าย มีจักรยาน มอเตอร์ไซค์ ให้เช่าขับเที่ยวรอบเมือง ชมโบราณสถาน หาอาหารอร่อยๆ ทาน ที่สำคัญอยุธยามีขบวนรถไฟผ่านตลอดทั้งวัน ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางในละแวกกรุงเทพที่ไม่ควรพลาด ของกินเด็ด ของกินเส้นนี้ แม้จะไม่มีอะไรเด่นมากค่อนข้างธรรมดา แต่ที่ไม่อยากให้พลาด คือข้าวเหนียวหมู ซึ่งเป็นหมูทอดแผ่นบางๆ ประกบกับข้าวเหนียว นั่งกินเพลินๆ แป๊บๆ ก็ถึงอยุธยาแล้ว
ขบวนรถไฟแนะนำ เส้นทางกรุงเทพ – อยุธยา มีรถไฟผ่านตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงค่ำ มีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่ถ้าจะให้มีเวลาเที่ยวเต็มที่จะขอแนะนำ
- เที่ยวไป ขบวนรถด่วนที่ 75 (กรุงเทพ – หนองคาย) จากสถานีกรุงเทพ 08.20 น. - ถึงสถานีอยุธยา 09.41 น.
- ขากลับ ขบวนรถเร็วที่ 136 (อุบลราชธานี – กรุงเทพ) ออกจากอยุธยา 16.37 - ถึงกรุงเทพ 18.40 น.
ราคา
- รถธรรมดา, รถชานเมือง 15.-
- รถเร็ว, รถด่วน (ชั้น 3) ราคา 20.-
- รถด่วนพิเศษ (นั่งปรับอากาศชั้น 2 รวมบริการอาหารว่าง) ราคา 345.-
- ไม่ต้องจองล่วงหน้า ยกเว้นรถด่วนพิเศษจองล่วงหน้าได้ 1 วัน
2) กรุงเทพฯ – เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ (One Day Trip)
- ระยะใกล้ ไปกลับวันเดียวกันได้
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต อยุธยา
- สถานีปลายทาง – ที่หยุดรถเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย คาบเกี่ยว 2 จังหวัดคือสระบุรี และลพบุรี ซึ่งเมื่อมีการสร้างเขื่อนทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นท่วมถนน หมู่บ้าน และทางรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงต้องสร้างทางรถไฟขึ้นมาใหม่ในแนวเส้นทางใกล้ที่เดิม ให้สูงกว่าระดับน้ำจนกลายเป็นเส้นทางที่แปลกตาเหมือนทางรถไฟวิ่งไปบนท้องน้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตาของอ่างเก็บน้ำ ที่สำคัญคือรถไฟนำเที่ยวขบวนนี้เป็นเพียงขบวนเดียวที่หยุดให้นักท่องเที่ยวลงไปถ่ายรูปทัศนียภาพบนสะพานแห่งนี้เลย ของกินเด็ด ในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีร้านอาหารให้เลือกมากมาย แต่อาหารเด็ดที่ห้ามพลาดคือปลาเผาเนื้อแน่นหวานอร่อย และเมล็ดทานตะวันคั่ว และสะเดา เป็นของขึ้นชื่อที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ขบวนรถไฟแนะนำ ทริปนี้คือรถไฟนำเที่ยวที่ให้บริการในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม ของทุกปี ส่วนถ้าใครอยากนั่งรถไฟมาดูเส้นทางรถไฟลอยน้ำสามารถนั่งรถด่วนดีเซลรางขบวน 75 กรุงเทพ – หนองคาย ไปลงที่สถานีลำนารายณ์ได้ แต่ไม่ได้จอดแวะให้ลงไปถ่ายรูปนะ
ราคา
- รถพัดลม 270.-
- รถปรับอากาศ 470.-
- สามารถจองล่วงหน้าได้สูงสุด 90 วัน
3) กรุงเทพฯ – น้ำตก (One Day Trip)
- ระยะใกล้ ไปเช้า-เย็นกลับ หรือค้างคืนก็ได้
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางซ่อน บางบำหรุ ศาลายา
- สถานีปลายทาง – ที่หยุดรถน้ำตกไทรโยคน้อย
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? กาญจนบุรีเป็นอีกจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติมากมาย ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยมีรถไฟนำเที่ยวแบบ One day trip ไปเช้าเย็นกลับในราคาประหยัด โดยรถไฟนำเที่ยวขบวน 909 ออกกรุงเทพในช่วงเช้า แวะนครปฐม 40 นาที เพื่อให้ผู้โดยสารแวะซื้อเสบียงที่ตลาดเช้าหลังสถานีรถไฟ จากนั้นรถไฟก็จะวิ่งเข้าสู่ทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือที่เรารู้จักกันว่า “ทางรถไฟสายมรณะ” แวะพักให้เราลงไปถ่ายรูปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว 30 นาที แล้วเดินทางไปน้ำตกไทรโยคน้อย ซึ่งระหว่างทางจะได้พบกับ 30 นาทีสุดท้ายที่สวยงาม นั่นคือสะพานถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานรถไฟเลียบหน้าผาที่ทั้งน่ากลัวและสวยงามในเวลาเดียวกัน ทริปนี้จะให้ผู้โดยสารอยู่ที่น้ำตกไทรโยคน้อยถึง 3 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับในช่วงบ่ายและถึงกรุงเทพในช่วงค่ำ นับเป็นทริปไปเช้าเย็นกลับที่ราคาถูกมากทีเดียว ของกินเด็ด สถานีนครปฐมมีข้าวเหนียวหมู, ข้าวเหนียวเนื้อ ร้านโชกุน ซึ่งอยู่หลังสถานีรถไฟพอดิบพอดี นอกจากนั้นบนรถไฟจะมีให้เราพรีออเดอร์ของฝากจากราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี ที่พลาดไม่ได้เลยจริงๆ คือน้ำตาลสด และลูกชิ้นปลานึ่งที่น้ำจิ้มแซ่บสุดๆ ขบวนรถไฟแนะนำ ทริปนี้คือรถไฟนำเที่ยวที่จะให้บริการทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ โดยรถไฟจะออกจากสถานีกรุงเทพ 6.30 น. และกลับมาถึงกรุงเทพในเวลา 19.25 น.
ราคา
- รถพัดลม 120.-
- รถปรับอากาศ 240.-
- สามารถจองล่วงหน้าได้สูงสุด 90 วัน
4) กรุงเทพฯ – สวนสนประดิพัทธ์ (One Day Trip)
- ระยะใกล้ ไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนก็ได้
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางซ่อน บางบำหรุ ศาลายา
- สถานีปลายทาง – ที่หยุดรถสวนสนประดิพัทธ์
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? ชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ ตั้งอยู่ระหว่างเขาตะเกียบและเขาเต่าไม่ห่างจากหัวหินเท่าไหร่ โดยพื้นที่นี้เป็นสถานพักฟื้นของกองทัพบกทำให้เป็นชายหาดที่ค่อนข้างสงบไม่พลุกพล่าน ที่นี่มีรถไฟนำเที่ยวออกเดินทางทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ในช่วง 6.30 จากสถานีกรุงเทพ ก่อนจะไปหยุดแวะที่นครปฐม 40 นาที เพื่อให้ผู้โดยสารแวะซื้อเสบียงที่ตลาดเช้าหลังสถานีรถไฟ จากนั้นรถไฟจะมุ่งหน้าไปที่สวนสนประดิพัทธ์ เมื่อลงจากรถไฟแล้วเดินเท้าไปอีกนิดเดียวก็จะถึงชายหาด ที่นี่เราได้แวะพักผ่อนถึง 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางกลับในช่วงบ่ายและถึงกรุงเทพในเวลา 19.25 น. ของกินเด็ด สถานีนครปฐมที่นี่มีข้าวเหนียวหมู ข้าวเหนียวเนื้อร้านโชกุนซึ่งอยู่หลังสถานีรถไฟพอดิบพอดี ที่พลาดไม่ได้เลยคือก๋วยเตี๋ยวสถานีราชบุรีที่มาเสิร์ฟให้ถึงหน้าต่างรถไฟด้วยราคากล่องละ 10.- ขบวนรถไฟแนะนำ ทริปนี้คือรถไฟนำเที่ยวที่จะให้บริการทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ โดยรถไฟจะออกจากสถานีกรุงเทพ 6.30 น. และกลับมาถึงกรุงเทพในเวลา 19.25 น. ต้องจองตั๋วล่วงหน้าด้วยนะเพราะขบวนนี้เต็มไวมาก
ราคา
- รถพัดลม 120.-
- รถปรับอากาศ 240.-
5) กรุงเทพฯ – พัทยา – บ้านพลูตาหลวง (One Day Trip)
- ระยะใกล้ ไปเช้าเย็นกลับหรือค้างคืนก็ได้
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ มักกะสัน คลองตัน หัวหมาก ลาดกระบัง หัวตะเข้
- สถานีปลายทาง – สถานีพัทยา (พัทยา/เกาะล้าน) บ้านพลูตาหลวง (สัตหีบ)
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? พัทยา สัตหีบ เป็นเมืองชายทะเลที่ไม่ไกลจากกรุงเทพและดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมาย นอกจากนั้นยังมีแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจอย่างเช่นเกาะขาม หรือชายหาดที่น้ำใสสุดๆ อย่างหาดนางรำ รถไฟที่ผ่านเส้นทางนี้มีน้อยมากจนคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชลบุรี พัทยา มีทางรถไฟด้วย ถ้าใครมีเวลาสามารถนั่งรถไฟจากกรุงเทพไปลงที่บ้านพลูตาหลวง หารถสองแถวต่อไปที่สัตหีบเพื่อนอนค้าง หรือจะจองคิวดำน้ำที่เกาะขามกับทหารเรือก็ได้ ถ้าหากไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ อยากปาร์ตี้ก็ลงที่สถานีพัทยาเพื่อใช้ชีวิต Night Life หรือข้ามไปเกาะล้านก็สนุกได้เหมือนกัน ของกินเด็ด เส้นนี้ของกินไม่เด็ดเท่าไหร่ เก็บท้องไว้ไปกินอาหารทะเลที่สัตหีบก็ดีนะ ขบวนรถไฟแนะนำ เส้นทางนี้ไม่มีรถไฟขบวนอื่นเลยนอกจากขบวนเหล่านี้
- วันจันทร์ – ศุกร์ ขาไปขบวนรถธรรมดา 283 (กรุงเทพ – บ้านพลูตาหลวง) กรุงเทพ ออก 6.55 น. ถึงพัทยา 10.34 น. ถึงบ้านพลูตาหลวง 11.20 น. ขากลับ ขบวนรถธรรมดาที่ 284 (บ้านพลูตาหลวง – กรุงเทพ) บ้านพลูตาหลวง ออก 13.35 น. พัทยา ออก 14.21 น. กรุงเทพ ถึง 18.15 น.
- วันเสาร์ – อาทิตย์ ขาไปขบวนรถเร็ว 997 (กรุงเทพ – บ้านพลูตาหลวง) กรุงเทพ ออก 6.45 น. ถึงพัทยา 09.13 น. ถึงบ้านพลูตาหลวง 9.55 น. ขากลับ ขบวนรถเร็ว 998 (บ้านพลูตาหลวง – กรุงเทพ) บ้านพลูตาหลวง ออก 15.45 น. พัทยา ออก 16.26 น. กรุงเทพ ถึง 18.55 น.
ราคา
- รถพัดลม 36.- (เฉพาะวันจันทร์ – ศุกร์)
- รถปรับอากาศ 170.- (เฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์)
- เฉพาะรถปรับอากาศที่จองล่วงหน้าได้
6) เชียงใหม่ – ขุนตาน
- ระยะใกล้ ไปเช้าเย็นกลับ หรือค้างคืนก็ได้
- สถานีต้นทาง – สถานีเชียงใหม่ ลำพูน
- สถานีปลายทาง – สถานีขุนตาน
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? หากเบื่อเมืองเชียงใหม่ เราสามารถนั่งรถไฟไปเดินป่าในอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลได้ ซึ่งดอยนี้อยู่ห่างจากเชียงใหม่ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น และที่สำคัญคือมีรถไฟเดินทางไปอย่างง่ายๆ อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลเป็นภูเขาที่กั้นระหว่างลำปางและเชียงใหม่ ทำให้ทางรถไฟต้องเจาะอุโมงค์ขุนตานซึ่งมีความยาวถึง 1.3 กม. นับเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ และกำลังเสียแชมป์ให้อุโมงค์ใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งอุโมงค์ขุนตานอยู่ติดกับสถานีรถไฟสามารถเดินไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ ก่อนที่จะเดินศึกษาธรรมชาติบนดอยขุนตาลที่มีด้วยกันถึง 4 ยอด (เรียกสั้นๆ ว่า ย.) โดย ย.1 เป็นบ้านพักของกรมรถไฟ ย.2 เป็นลานต้นสนสำหรับกางเตนท์ ย.3 เป็นบ้านมิชชันนารี ย.4 คือยอดสูงที่สุด หากเดินทางไปเช้าเย็นกลับอาจเดินได้แค่ ย.2 แต่ถ้ามาค้างคืนบนที่ทำการอุทยานจะมีเวลาเดินขึ้นถึง ย.4 เลย ของกินเด็ด ที่สถานีรถไฟขุนตานมีไก่ย่างน้ำแดง เป็นของขึ้นชื่อสุดๆ มาแล้วต้องไม่พลาด แต่คงต้องซื้อเยอะหน่อยเพราะมีน้องหมาเจ้าถิ่นรอให้เราแบ่งกันกินด้วย ขบวนรถไฟแนะนำ รถไฟจากเชียงใหม่ – ขุนตาน – เชียงใหม่ ในแต่ละวันจะมีอยู่ 3 เที่ยวที่สามารถโดยสารได้ แต่เราขอแนะนำดังนี้ ทีมไปเช้าเย็นกลับ ออกจากสถานีเชียงใหม่ด้วยรถเร็ว 102 (เชียงใหม่ – กรุงเทพ) เวลา 6.30 น. ถึงขุนตาน 7.35 น. หรือรถด่วนพิเศษที่ 8 (เชียงใหม่ – กรุงเทพ) ออกจากเชียงใหม่ 8.45 ถึงขุนตาน 9.46 น. ส่วนเที่ยวกลับให้เดินทางกับขบวนรถท้องถิ่น 407 (นครสวรรค์ – เชียงใหม่) ออกจากขุนตาน 13.30 น.ถึงเชียงใหม่ 14.35 น. ทีมค้างคืน แนะนำขบวนรถท้องถิ่น 408 (เชียงใหม่ – นครสวรรค์) ออกเชียงใหม่ 9.30 น. ถึงขุนตาน 10.58 น. และเที่ยวกลับให้เดินทางกับขบวนรถท้องถิ่น 407 (นครสวรรค์ – เชียงใหม่) แบบเดียวกับทีมไปเช้าเย็นกลับ
ราคา
- ขบวน 102 / 407 / 408 ราคา 15.-
- รถปรับอากาศ ขบวน 8 ราคา 50.-
- ไม่ต้องจองล่วงหน้า
7) ชุมทางทุ่งสง – ชุมทางเขาชุมทอง
- ระยะใกล้ไปเช้าเย็นกลับ
- สถานีต้นทาง – สถานีชุมทางทุ่งสง
- สถานีปลายทาง – สถานีชุมทางเขาชุมทอง
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? ลงมาทางใต้กันบ้างกับสถานีรถไฟชุมทาง 2 แห่งที่อยู่ใกล้กันเพียงแค่มีเทือกเขานครศรีธรรมราชกั้นเอาไว้ ชุมทางทุ่งสงคือทางแยกระหว่างทางรถไฟสายใต้กับสายตรัง สถานีชุมทางเขาชุมทองคือทางแยกระหว่างทางรถไฟสายใต้กับสายนครศรีธรรมราช ดูเหมือนว่าระยะทางเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรจะไม่มีอะไรน่าดึงดูด แต่นี่แหละคือ “ทางรถไฟในป่าเขตร้อน” ที่สวยที่สุดของทางรถไฟสายใต้ จากสถานีชุมทางทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มุ่งหน้าไปตามเส้นทางหลักสู่หาดใหญ่ ทางรถไฟค่อยๆ ไต่ระดับและคดเคี้ยวขึ้นเมื่อถึงสถานีช่องเขา ด้านขวามือของขบวนรถไฟคือทางหลวงหมายเลข 41 ที่วิ่งขนานไปเรื่อยๆ ระดับทางรถไฟค่อยๆ สูงกว่ายอดไม้ที่หนาทึบนานาพันธุ์ก่อนที่จะผลุบเข้าสู่ความมืดของอุโมงค์ช่องเขา อุโมงค์แห่งเดียวของทางรถไฟสายใต้ที่มีความยาวเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย เมื่อพ้นอุโมงค์ ทางรถไฟจะลัดเลาะป่าไปอีกระยะก่อนจะลงสู่พื้นราบขนานทางหลวงหมายเลข 41 อีกครั้งและเข้าสู่สถานีชุมทางเขาชุมทอง ซึ่งสถานีนี้มีลักษณะสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออก ซึ่งได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์จากสมาคมสถาปนิกสยาม เดิมชื่อสถานีสามแยกนคร สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานีชุมทางเข้าสู่ตัวเมืองนครศรีธรรมราช ของกินเด็ด ที่สถานีชุมทางทุ่งสงมีของเด็ดคือ ไก่ทอดโรยหอมเจียวกินกับข้าวเหนียวร้อนๆ ตามแบบฉบับไก่ภาคใต้ ส่วนของหวานคือไอศกรีมกะทิสดท็อปด้วยถั่วลิสงคั่ว ส่วนที่สถานีชุมทางเขาชุมทองมีข้าวแกงกระทงใบตองขายในสถานีเลย ขบวนรถไฟแนะนำ ให้เลือกเดินทางจากสถานีชุมทางเขาชุมทอง 3 ขบวน คือ
- ขบวนรถเร็ว 173 (กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช) เวลา 8.32 น.
- ขบวนรถท้องถิ่น 447 (สุราษฎร์ธานี – สุไหงโก-ลก) เวลา 8.44 น.
- ขบวนรถด่วน 85 (กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช) เวลา 9.32 น. มีเวลาเดินทางชมธรรมชาติของเทือกเขานครศรีธรรมราชประมาณ 40 นาที และเมื่อถึงสถานีชุมทางเขาชุมทองสามารถรอกลับกับขบวนรถท้องถิ่นที่ 446 (หาดใหญ่ – ชุมพร) ออกเขาชุมทองเวลา 10.52 น. ได้ ซึ่งเป็นทริปสั้นๆ ที่ให้ประสบการณ์ระหว่างทางได้ดีทีเดียว
ราคา
- ชั้น 3 ราคา 5.-
- ไม่ต้องจองล่วงหน้า
8) กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ (ค้างคืนบนขบวนรถ)
- ระยะไกล ค้างคืนบนขบวนรถ
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง หรือสถานีอื่นๆ ระหว่างทาง
- สถานีปลายทาง – สถานีเชียงใหม่
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? การเดินทางไปเชียงใหม่คนส่วนใหญ่มองว่าเดินทางไปเครื่องบินสะดวกที่สุด หรือถ้าจะไปรถไฟก็ต้องออกตั้งแต่หัวค่ำเพื่อไปถึงในช่วงเช้า แต่ว่ามีขบวนรถไฟอยู่ขบวนนึงที่ให้ได้มากกว่าการเดินทาง นั่นคือประสบการณ์บนทางรถไฟสายที่สร้างยากที่สุดในประเทศพร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในทุกฤดู ขบวนนั้นชื่อว่า “รถด่วนขบวน 51” รถไฟที่มีครึ่งชีวิตอยู่ในเวลากลางคืน และอีกครึ่งชีวิตอยู่ในเวลากลางวัน การเดินทางเริ่มต้นในเวลาสี่ทุ่มตรง เมื่อรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีกรุงเทพ นั่นคือการพักผ่อนเพื่อเตรียมพบกับวิวทิวทัศน์ที่ทำให้ลืมเมืองหลวงไปได้เลย ผ่านไป 8 ชั่วโมง แสงแรกของวันก็ออกมาต้อนรับที่สถานีศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์ สถานีสุดท้ายที่อยู่บนที่ราบ จากนั้นรถไฟจะวิ่งขึ้นเขาหลายลูก ผ่านอุโมงค์รถไฟถึง 4 แห่ง ตั้งแต่อุโมงค์ที่สั้นที่สุดในประเทศจนถึงอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศ นอกจากนั้นยังมีโอบกอดของหมอกในฤดูหนาว ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ขึ้นหนาทึบ ในบางพื้นที่เราจะไม่มีเห็นบ้านคนเลยสักหลัง จนทำให้คิดไม่ตกว่าในสมัยที่ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ทุ่นแรงในการสร้างทางรถไฟนั้น เขาสร้างผ่านป่ารกทึบและภูเขาสูงชันแบบนี้ได้ยังไง เวลาผ่านไป 6 ชั่วโมงรถไฟก็มาถึงสถานีเชียงใหม่ในเวลาเที่ยง ซึ่งพอดิบพอดีกับการเช็คอินเข้าที่พักแบบไม่ต้องรอเลย ขบวนรถด่วน 51 จึงเป็นขบวนที่เหมาะเหม็งที่สุดของสายอรรถรส ของกินเด็ด ที่สถานีศิลาอาสน์มีกระเพาะปลา สถานีนครลำปางมีไก่ทอด ไส้อั่ว สถานีขุนตานมีไก่น้ำแดง มีของกินตลอดทาง ขบวนรถไฟแนะนำ สายเที่ยว สายชมวิวต้องเดินทางกับรถด่วนขบวน 51 ออกกรุงเทพ 22.00 น. ถึงเชียงใหม่ 12.10 น. แต่ถ้าไม่ชอบการลุยๆ แบบนี้ มีอีกขบวนที่แนะนำคือรถด่วนพิเศษขบวน 13 ออกกรุงเทพ 19.35 น. ถึงเชียงใหม่ 8.40 น. มองเห็นวิวสวยเหมือนกันแต่ระยะเวลาที่เห็นวิวงามๆ จะสั้นกว่าขบวน 51
ราคา
- มีให้บริการตั้งแต่รถนั่งชั้น 3 รถนั่งชั้น 2 รถนอนชั้น 2 ทั้งพัดลมและปรับอากาศ ราคาอยู่ที่ 271 – 821.- เลือกได้ตามความต้องการเลย
- ควรจองล่วงหน้า
9) กรุงเทพฯ – ปีนัง (ค้างคืนบนขบวนรถ)
- ระยะไกล ค้างคืนบนขบวนรถ
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางบำหรุ ศาลายา นครปฐม หรือสถานีอื่นๆ ระหว่างทาง
- สถานีปลายทาง – สถานีบัตเตอร์เวอร์ธ (มาเลเซีย)
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? ปีนัง คือเกาะใหญ่ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียในฝั่งทะเลอันดามัน แถมเป็นเมืองที่มีมนต์เสน่ห์ในแบบคลาสสิคผสมกับความสมัยใหม่รวมถึงมีสตรีทอาร์ทให้ตามล่ากันอีกด้วย ที่สำคัญเราสามารถเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเทพไปปีนังได้ด้วยรถไฟของประเทศไทยต่อรถไฟมาเลเซีย แม้ว่าการเดินทางจะกินเวลาเกือบ 1 วันเต็มๆ แต่ก็สามารถสร้างความสนุกและประสบการณ์ระหว่างการเดินทางได้ เพียงแค่มีกล้องถ่ายรูป หนังสือซักเล่ม ก็เดินทางถึงมาเลเซียได้แล้ว ของกินเด็ด บนรถไฟของไทยเริ่มต้นความอร่อยกันตั้งแต่สถานีราชบุรี ที่มาเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กถึงหน้าประตู พอถึงสถานีชุมพรก็จะมีข้าวต้ม ให้ลงมาซื้อที่ชานชาลาได้เลยเพราะชุมพรรถไฟจอดนาน ส่วนที่สถานีหาดใหญ่มีไก่ทอดและข้าวเหนียว และสถานีปาดังเบซาร์มีนาซิเลมัค อาหารพื้นเมืองของมาเลเซีย ขบวนรถไฟแนะนำ ฝั่งประเทศไทย ให้เดินทางด้วยรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ออกกรุงเทพเวลา 14.45 น. ถึงหาดใหญ่ 6.35 น. จากนั้นต่อรถไฟระยะสั้นจากหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที เมื่อถึงสถานีปาดังเบซาร์จะต้องทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง และให้ต่อรถไฟชานเมืองของมาเลเซียรอบเวลา 10.25 น. (เวลามาเลเซียเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง อย่าลืมปรับนาฬิกานะ ไม่งั้นตกรถแน่) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง ถึงสถานีบัตเตอร์เวอร์ธเวลา 12.25 น. จากนั้นให้ต่อเรือเฟอร์รี่ที่หลังสถานีรถไฟข้ามไปเกาะปีนังได้เลย
ราคา
- จากกรุงเทพ – หาดใหญ่ เป็นรถไฟตู้นอนชั้น 2 และชั้น 1 สนนราคาตั้งแต่ 833 – 2,594.-
- จากหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ราคา 50.- และจากปาดังเบซาร์ – บัตเตอร์เวอร์ธ ราคา 11.4 ริงกิต (ประมาณ 80.-)
- รถไฟจากกรุงเทพ – หาดใหญ่ ต้องจองล่วงหน้า ส่วนหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ – บัตเตอร์เวอร์ธ ไม่ต้องจอง
10) กรุงเทพฯ – เวียงจันทน์ (ค้างคืนบนขบวนรถ)
- ระยะไกล ค้างคืนบนขบวนรถ
- สถานีต้นทาง – สถานีกรุงเทพ สามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง หรือสถานีอื่นๆ ระหว่างทาง
- สถานีปลายทาง – สถานีท่านาแล้ง (สปป.ลาว)
เส้นทางนี้ มีดียังไง ? เวียงจันทน์ วังเวียง ประเทศที่มีทางรถไฟสั้นเพียง 3.5 กม. และนั่งรถไฟขึ้นไปบนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว สู่ สปป.ลาว ประเทศเพื่อนบ้านที่มีความน่ารัก ธรรมชาติ และความเรียบง่าย วิธีการเดินทางก็ไม่ยากเลย ให้เริ่มต้นจากกรุงเทพด้วยขบวนรถนอนจากกรุงเทพ – หนองคาย จากนั้นให้ต่อรถไฟข้ามประเทศขบวนสั้นๆ จากหนองคายข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไปสุดสายที่สถานีรถไฟท่านาแล้ง สถานีเดียวในประเทศลาว และนั่งรถรับจ้างท้องถิ่นเข้าเวียงจันทน์หรือจะต่อไปวังเวียงก็ได้ ของกินเด็ด เก็บไว้กินของอร่อยๆ ที่ลาวดีกว่า ขบวนรถไฟแนะนำ ฝั่งประเทศไทย ให้เดินทางด้วยขบวนรถด่วนพิเศษอีสานมรรคา ออกจากสถานีกรุงเทพ 20.00 น. ถึงสถานีหนองคาย เวลา 6.45 น. จากนั้นก็ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง ต่อด้วยรถไฟผ่านแดนราคา 20.- ใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟท่านาแล้งแล้ว
ราคา
- จากกรุงเทพ – หาดใหญ่ เป็นรถไฟตู้นอนชั้น 2 และชั้น 1 สนนราคาตั้งแต่ 898 – 2,357.-
- จากหนองคาย – ท่านาแล้ง ราคา 20.-
- ต้องจองล่วงหน้า
แม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางนาน แต่ระหว่างทางมีอะไรแฝงอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ เพื่อนใหม่ ของกินถูกปาก หรือแม้แต่ประสบการณ์ที่หลายๆ ครั้ง เราอาจทบทวนเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองเมื่ออยู่บนรถไฟได้ และแม้ว่าในปัจจุบันจะมีทางเลือกที่เร็วกว่า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ารถไฟมีเอกลักษณ์และคุณค่าในตัวของมัน แบบที่การเดินทางชนิดอื่นไม่มีให้ ทั้งตู้นอนที่นอนได้จริงไม่ใช่แค่เอน ห้องนอนส่วนตัว รถเสบียงที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง รถไฟนำเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ ที่ราคาประหยัดจนเหลือเงินไปกินต่อได้ อยากให้มานั่งรถไฟกันแล้วจะรู้ว่าทำไมเราถึงติดใจรถไฟมาตั้ง 30 กว่าปี
- พี่แฮมมึน กล่าวไว้ -
นับว่าเป็น 10 เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยว ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว และยังเพียบพร้อมไปด้วยข้อมูลแบบอัดแน่น เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ทางปันโปรไกด์ ต้องขอขอบพระคุณ พี่แฮม - วันวิสข์ เนียมปาน นักเขียนและเจ้าของเพจ ทีมนั่งรถไฟกับนายแฮมมึน ที่ได้ให้โอกาสมาบอกเล่า และสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งต่อไปให้ใครหลายๆ คน
ว่าแล้ว เราขอตัวไปหยิบเป้หนึ่งใบ แล้วออกเดินทางเลยละกัน ขนาดนี้แล้ววว ~
โดย N a n i
มนุษย์ Content ผู้แพ้คาเฟอีน และรักการเดินทาง