เปิดประวัติ Joseph Hubertus Pilates เด็กขี้โรคผู้ให้กำเนิดการออกกำลังกายยอดฮิต "พิลาทิส"
โดย : waranggg
พิลาทิส เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะช่วยเน้นการสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางของร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ได้ด้วย เล่นแล้วช่วยให้กล้ามเนื้อฟิตและเฟิร์มมากขึ้น แถมกล้ามเนื้อยังไม่ขึ้นเป็นมัดใหญ่ๆ เหมือนการออกกำลังประเภทอื่น นอกจากนี้พิลาทิสยังช่วยบำบัดอาการปวดหลังจากออฟฟิศซินโดรมได้ดี จึงทำให้หลายคนหันมาเล่นพิลาทิสกันมากขึ้น
แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า พิลาทิส ถูกคิดค้นโดยชายหนุ่มขี้โรคนามว่า Joseph Hubert Pilates
โจเซฟ พิลาทิส ขอบคุณภาพจาก : alignpilates.co.nz
Joseph Hubertus Pilates เด็กชายสัญชาติเยอรมนี เกิดที่เมือง Mönchengladbach (เมินเชนกลัดบัค) บุตรชายของนักกายกรรมและนักธรรมชาติบำบัด (Naturopath) ชีวิตในวัยเด็กของโจเซฟไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแรงมากเท่าไหร่นัก เป็นเด็กชายตัวเล็กและเต็มไปด้วยโรครุมเร้า ทั้งโรคหอบหืด โรคเกี่ยวกับไขข้อและกระดูกต่างๆ และด้วยความที่เป็นเด็กขี้โรคจึงทำให้ชีวิตในวัยเด็กของเขาไม่พ้นต้องถูกรังแกและบูลลี่จากเพื่อนๆ ที่ตัวโตกว่า จนเกือบเสียตาไปหนึ่งข้าง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้โจเซฟมุ่งมั่นที่จะทำให้ร่างกายของตัวเองแข็งแรงให้ได้
นอกจากนี้โจเซฟยังมีความหลงใหลเรื่องกายวิภาคตามกรีกคลาสสิกโบราณเอามากๆ ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่ายๆ คือ รูปปั้นกรีกที่มีลายกล้ามเนื้อชัด เขาจึงทุ่มเทเวลาศึกษาและเรียนรู้เรื่องกายวิภาค หันมาออกกำลังกาย ทั้งเล่นยิมนาสติก โยคะ มวยปล้ำ รวมถึงศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อปั้นหุ่นให้ได้รูปร่างอุดมคติกรีกโบราณที่เขาหลงใหลและเยียวยาร่างกายที่ไม่แข็งแรงของตัวเอง ด้วยความเชื่ออย่างมุ่งมั่นว่า สมรรถภาพทางกายที่ดี คือ บ่อเกิดแห่งความสุขประการแรก
ตัวอย่างการทำท่า Cat Stretch
Fun Fact : เทคนิคการออกกำลังกายของพิลาทิส เรียกได้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งรอบตัวทั้งนั้น ไม่เว้นกระทั่งกับท่าบิดขี้เกียจของแมว พิลาทิสก็สามารถนำมาประยุกต์เป็นท่า Cat Stretch เพื่อบริหารกล้ามเนื้อได้ !
พิลาทิสเริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
เพราะมีคนรอดตายจากโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่โจเซฟนั้นเริ่มโตเป็นหนุ่ม มีร่างกายที่แข็งแรงมากขึ้นจากการฝึกลมหายใจและออกกำลังกายทุกวัน เมื่อถึงวัยที่สามารถทำงานหาเงินได้แล้ว โจเซฟก็ได้ประกอบอาชีพนักกายกรรมเจริญรอยตามพ่อของเขา และได้มีโอกาสเดินทางย้ายถิ่นฐานไปกับคณะละครสัตว์เพื่อทำการแสดงที่ประเทศอังกฤษ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้ง่ายและราบรื่นเท่าไหร่นัก ลองให้ทุกคนเดาเล่นๆ ว่า จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนที่มีสัญชาติเยอรมนีอย่างโจเซฟ เดินทางเข้าอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ใช่ค่ะ ประเทศเยอรมนีนับเป็นประเทศฝ่ายตรงข้ามกับอังกฤษ ทำให้โจเซฟที่เป็นคนเยอรมนีถูกจับให้เข้าไปอยู่ในค่ายกักกันรวมกับคนสัญชาติเยอรมนีคนอื่นๆ อย่างช่วยไม่ได้
ภาพถ่ายขณะที่โจเซฟ พิลาทิส สอนเทคนิคออกกำลังกายในแคมป์ในช่วงสงครามครั้งที่ 1
ขอบคุณภาพจาก : bbc.com
เมื่อโดนจับเข้ามาอยู่ในค่ายกักกันที่มีนายทหารบาดเจ็บล้มป่วยจากสงคราม ไหนจะเรื่องสภาพจิตใจของเพื่อนร่วมค่ายที่มีแต่ความหดหู่และเศร้าหมอง โจเซฟจึงมีโอกาสนำความรู้ที่เคยได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง มาปรับและประยุกต์ใช้รักษาอาการบาดเจ็บทั้งทางกายและทางใจให้เพื่อนๆ ในค่าย โดยยึดหลักการกำหนดและควบคุมลมหายใจเพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้โจเซฟยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูเยียวยาเพื่อนทหารที่ป่วยติดเตียงด้วย ซึ่งผู้ป่วยที่นอนติดเตียงนานๆ มักจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย จึงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ โจเซฟจึงคิดค้นการออกกำลังกายบนเตียงเพื่อทำกายภาพบำบัดให้เพื่อนๆ ด้วยการใช้สปริงขึงไว้ที่หัวเตียงและท้ายเตียง จากนั้นก็ให้คนป่วยออกแรงดึงเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และเตียงติดสปริงที่โจเซฟคิดค้นขึ้นยังเป็นต้นแบบของเครื่องเล่นพิลาทิสอย่างเครื่องรีฟอร์มเมอร์และเตียงคาดิแลคในปัจจุบันด้วย
แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้การออกกำลังกายในแบบฉบับของโจเซฟ พิลาทิสได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากขึ้นนั้น คือ ตอนที่มีการระบาดครั้งใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่สเปน ในปี 1918 ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000,000 ล้านคน แต่ผู้ป่วยที่อยู่ในค่ายทหารที่ได้รับการดูแลจากโจเซฟกลับรอดจากโรคไข้หวัดสเปนและไม่มีคนเสียชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว !
หลังจากสงครามจบลง แต่ชื่อเสียงและการออกกำลังกายในแบบของโจเซฟไม่ได้หายตายจากไปกับสงคราม โจเซฟได้ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศเยอรมนีประเทศบ้านเกิดของเขา หลังจากนั้นไม่นาน Kaiser Permante องค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแบบไม่แสวงผลกำไรได้เชิญให้โจเซฟไปเป็นเทรนเนอร์ฝึกร่างกายให้กับตำรวจและทหารของเยอรมนี แต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองของเยอรมนีในตอนนั้นที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงทำให้โจเซฟตัดสินใจอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่สหรัฐอเมริกาถาวร
เปิดโรงเรียนสอนออกกำลังกาย เผยแพร่การเล่นพิลาทิสแบบเต็มตัว
ภาพถ่ายของโจเซฟและคลาร่า ขอบคุณภาพจาก : thepilatesinitiative.org
หลังจากที่โจเซฟย้ายมาลงหลักปักฐานที่สหรัฐอเมริกา เขาก็ได้พบรักและแต่งงานกับ 'คลาร่า' พยาบาลสาวชาวอเมริกา เขาทั้งคู่พบกันครั้งแรกขณะเดินทางด้วยเรือจากเยอรมนีไปสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันก็ได้เปิดสตูดิโอสำหรับสอนออกกำลังกายที่ชื่อว่า Contrology Studio เน้นการสอนวิธีหายใจ การควบคุมจิตใจเพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและเน้นไปที่การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core Muscles) เพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกายเป็นหลัก
นอกจากนี้ทั้งโจเซฟและคลาร่ายังได้คิดค้นเครื่องสำหรับออกกำลังกายขึ้นใหม่เพื่อให้สตูดิโอของพวกเขาครบวงจรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องรีฟอร์เมอร์ เตียงคาดิแลค บาเรล เก้าอี้พิลาทิส ห่วงพิลาทิส
ภาพถ่าย Contrology Studio ขอบคุณภาพจาก : bigtoestudio.biz
สตูดิโอของโจเซฟตั้งอยู่ในตึกเดียวกันกับสตูดิโอสอนเต้นบัลเล่ต์ของนิวยอร์ก จึงทำให้มีนักเต้นมืออาชีพมาเข้าคอร์สออกกำลังกายกับโจเซฟกันมากหน้าหลายตา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการเต้น ไม่ว่าจะเป็น George Balanchine นักเต้นบัลเล่ต์ชื่อดังผู้สร้างชื่อเสียงให้กับเรื่อง The Nutcracker หรือจะนักออกแบบท่าเต้นชื่อดังอย่าง Martha Graham ที่ได้ฉายาจากนิตยสาร TIME ว่าเธอคือ Dancer of Century ในปี 1998 นอกจากนักเต้นชื่อดัง 2 ท่านนี้แล้ว ก็ยังมีคนดังอีกมากมายในนิวยอร์กที่ได้ผ่านการเทรนการออกกำลังกายกับพิลาทิสกันนับไม่ถ้วน
George Balanchine และ Martha Graham นักเต้นบัลเล่ต์และนักออกแบบท่าเต้นชื่อดัง ก็เคยเข้าร่วมฝึกฝนพิลาทิส
ขอบคุณภาพจาก : wikkpedia.com
และด้วยความที่มีลูกค้าเป็นนักเต้นบัลเล่ต์เป็นส่วนใหญ่ โจเซฟจึงได้นำเทคนิคการเต้นบัลเล่ต์มาประยุกต์กับการออกกำลังกายด้วย เช่น เทคนิคการยืดเส้นและท่าโพสต์ของบัลเล่ต์มาปรับใช้กับท่าบริหารด้วยเตียงคาดิแลคหรือบาเรล เพื่อให้นักเต้นสามารถยืดกล้ามเนื้อเพื่อลดอาการบาดเจ็บจากการเต้นได้ดียิ่งขึ้น
หนังสือทั้ง 2 เล่มที่เขียนขึ้นโดย โจเซฟ พิลาทิส
นอกจากโจเซฟจะรับบทเป็นเทรนเนอร์สอนออกกำลังกายแล้ว เขายังได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการออกกำลังกายไว้ถึง 2 เล่มด้วยกัน นั่นก็คือ Your Health ในปี 1934 ที่ว่าด้วยเรื่องปรัชญา หลักการและทฤษฎีเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และอีกเล่มในปี 1954 ที่ชื่อว่า Return to Life Through Contrology เป็นหนังสือที่รวบรวมท่าออกกำลังกายของพิลาทิสแบบละเอียด
ภาพถ่ายของโจเซฟ พิลาทิส ในวัย 57 ปี และ 82 ปี ขอบคุณภาพจาก : flavoursholidays.co.uk
จนกระทั่งในปี 1967 โจเซฟ พิลาทิสได้เสียชีวิตลงในวัย 83 ปี ซึ่งนับว่าเป็นคนที่อายุยืนมากคนหนึ่งเลยทีเดียว อย่างในภาพประกอบทั้งตอนอายุ 57 หรือจะตอน 82 เห็นได้ชัดเจนเลยว่าโจเซฟ พิลาทิสดูอ่อนกว่าวัยมากๆ แถมหุ่นยังดูฟิตแอนด์เฟิร์มสุดๆ แต่เห็นแบบนี้อีกมุมหนึ่งของเขาก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตสุดโต่งคนหนึ่งเหมือนกัน ทั้งสูบบุหรี่จัด ชอบไปปาร์ตี้ แต่ก็เขาก็ไม่ลืมที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วย ช่างเป็นคนที่ความคอนทราสต์กันสูงมากจริงๆ
ใครจะไปเชื่อว่าอดีตเด็กชายขี้โรคที่ชื่อโจเซฟ พิลาทิสคนนั้น จะกลายมาเป็นผู้ให้กำเนิดการออกกำลังกายยอดนิยมจนถึงปัจจุบันได้ และยังมีอายุยืนยาวมากถึง 83 ปี และนี่คือข้อพิสูจน์ชั้นเยี่ยมว่า การออกกำลังกาย คือ ยาวิเศษที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆ และแม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ พิลาทิสก็ยังเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เคยได้รับความนิยมลดน้อยไปลงเลย แต่กลับได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายและยังเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง สุดท้ายนี้ปันโปรหวังว่าประวัติของอดีตเด็กชายขี้โรคคนนี้ อาจจะช่วยให้ทุกคนเห็นคุณค่าและประโยชน์ของการออกกำลังกาย และหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพไม่มากก็น้อย 💪🏻
“The whole country, the whole world, should be doing my exercises. They’d be happier.”
-Joseph Hubertus Pilates-
💖 บทความที่เกี่ยวข้อง :
- พิลาทิส ตัวช่วยปั้นหุ่นให้สวยสับ แถมแก้ปวดหลัง-ออฟฟิศซินโดรม
- "พิลาทิส vs. โยคะ" ความเหมือนที่แตกต่าง อยากสร้าง Eleven Line สุดเซ็กซี่ เล่นอันไหนดี ?
- รีวิว "ห่วงพิลาทิส Bebe Fit Routine" ไอเทมที่จะพาให้เราเข้าวงการเบเบ้ได้แบบสบ๊าย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : bbc.com, bodyforlifepilates.com, InfobytesTV
โดย waranggg
thaitealism
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ