9 เหตุผลที่ควรใช้ บัตรเครดิต - เดบิต ในการซื้อของที่มีมากกว่า "ความสะดวก"
โดย : waranggg
ช้อปด้วย บัตรเครดิต ไม่ใช่การสร้างหนี้เสมอไป
ถ้าใช้เป็นบอกเลยว่าคุ้มกว่าใช้เงินสดเยอะ
โดยเฉพาะโลกที่เรา ช้อปปิ้งออนไลน์ อยู่ในทุกลมหายใจของเรา !!
หลายคนอาจจะมองว่าการมี บัตรเครดิต เป็นการสร้างหนี้ให้ตัวเอง แต่เราจะบอกว่าการใช้จ่ายด้วยการใช้บัตรเครดิตเนี่ยมันก็มีข้อดีของมันอยู่ ถ้ารู้จักใช้บอกเลยว่าเป็นประโยชน์กับตัวผู้ถือบัตรมากๆ ยิ่งในช่วงที่การช้อปปิ้งออนไลน์รุ่งเรืองมากขนาดนี้นอกจากบัตรเครดิตและบัตรเดบิตจะอำนวยความสะดวกให้เราแล้ว
บรรดาร้านค้า เว็บไซต์สำหรับช้อปออนไลน์ยังมีโปรโมชั่น มีส่วนลดต่างๆ เพียบ! เผลอๆ ใช้บัตรรูดมีสิทธิ์ได้สินค้าราคาถูกกว่าหน้าร้านซะอีกนะ และนี่ก็คือ 9 เหตุผลที่เราควรช้อปออนไลน์ด้วย บัตรเครดิต ปล.เราไม่ได้สนับสนุนให้ทุกคนสร้างหนี้แต่อย่างใด แค่จะบอกไว้ว่าถ้าใช้เป็นยังไงก็คุ้มจ้า
1. ลดขั้นตอนการจ่ายเงินที่ยุ่งยาก
ถ้าอธิบายให้เห็นภาพเมื่อเทียบกับชีวิตประจำวันการจ่ายเงินผ่าน QR Code เริ่มมาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายไปแล้ว ซึ่งหลักการของ QR Code คือการใช้โค้ดมาแทนเลขบัญชีทำให้เกิดความรวดเร็วขึ้น สำหรับคนที่มีหรือไม่มีบัตรก็เข้าถึงได้ และเมื่อเป็นการซื้อของออนไลน์ ปัจจุบันก็มีช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลาย ง่ายสุดก็โอนโดยใช้เลขบัญชีหรือ QR Code ตามที่กล่าวมา
โดยข้อดีของการใช้บัตรเครดิต-เดบิต คือความสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการผูกบัตรของเราไว้กับแอปหรือ E-wallet ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลากดเข้า-ออกแอปธนาคารเพื่อโอนเงิน หรือเสียเวลาถือเงินสดออกไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์รับชำระเงินด้วย ลดขั้นตอนในการกรอกเลข หรือการเซฟโค้ดมาเพื่อจ่าย เรียกได้ว่าซื้อปุ๊บจ่ายปั๊บอย่างรวดเร็ว และยังมีการเก็บข้อมูลการใช้จ่ายในทุกๆ ขั้นตอนที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งเราจะขยายให้เห็นถึงประโยชน์ในข้อต่อไป
2. ตรวจสอบและเรียกเงินคืนได้สะดวกกว่า
ซื้อไว จ่ายไวก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสีย การช้อปออนไลน์ในบางทีเราอาจจะต้องเจอกับของไม่ตรงปก อยากขอเงินคืน ซึ่งการโอนผ่านแม่ค้าออนไลน์ ถ้าเจรจากันดีๆ การคืนเงินก็อาจทำได้ง่ายๆ แต่กับเว็บช้อปออนไลน์เจ้าใหญ่ๆ ล่ะ? การโอนเงินแล้วขอคืนกลับมาเป็นเงินสดนั้นค่อนข้างนาน
ส่วนการคืนเงินผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตในปัจจุบันนั้นใช้เวลาน้อยลงมาก อาจอยู่ในระยะเวลา 3-5 วัน หรือบางเจ้าสามารถคืนยอดให้เราได้ในทันที ไม่ต้องกังวลว่าเงินของเราจะไปลอยล่องอยู่ที่ไหน เพราะระบบของบัตรเครดิตนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Gateway คอยกันเงินของเราเอาไว้ในระบบ ไม่ให้ไปถึงปลายทางในทันที การคืนเงินและตรวจสอบการเดินทางของยอดเงินนั้นก็ง่ายและสะดวกกว่าการจ่ายเงินสดมากทีเดียว
3. ช้อปได้ปลอดภัยกว่าด้วยรหัส OTP
การช้อปด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตยังปลอดภัยกว่า เพราะก่อนการชำระเงินทุกครั้งระบบการจ่ายเงินออนไลน์จะต้องให้ใส่รหัส OTP หรือ One Time Password ก่อน ซึ่งหมายเลข OTP จะถูกส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่เราผูกไว้กับบัตรนั้นๆ เมื่อเรากรอก OTP ได้ถูกต้องระบบจึงจะทำการตัดเงินออกจากบัตร
นอกจากนี้การช้อปผ่านบัตร เรายังสามารถตรวจสอบยอดค่าใช้จ่ายได้ด้วยตนเองจากการแจ้งเตือนผ่าน SMS หลังจากที่เงินถูกตัดออกจากระบบไปแล้วหรือผ่านแอปธนาคารเจ้าของบัตรได้เลยทันที
4. ได้กำไรด้วยการสะสมแต้ม
หรือ Cash Back
ด้วยการแข่งขันของสถาบันการเงินที่ดุเดือดมาก หลายๆ ธนาคารจึงแข่งกันออกสิทธิพิเศษมามากมาย เพื่อจูงใจให้เราใช้บัตรของธนาคารนั้นๆ และนั่นย่อมเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างเราด้วยเช่นกัน สิทธิพิเศษหลักๆ ที่แทบทุกธนาคารต้องมีก็คือระบบสะสมแต้ม และ การให้เงินคืน Cash Back ใครที่ใช้บัตรเครดิตมาก็จะคุ้นชินกันอยู่แล้ว และหลังๆ มานี้ บัตรเดบิตของหลายๆ ธนาคารก็เริ่มมีให้สะสมแต้มแล้วเช่นกัน
แต้มสะสม
เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เราได้จะได้แต้มสะสมในทุกๆ การใช้จ่าย โดยบัตรเครดิตแต่ละเจ้าจะกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ทุกๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรจำนวนเท่าไหร่ ถึงจะได้แต้มเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่มักจะกำหนดเป็น ทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท จะได้รับแต้มสะสม 1-2 แต้ม เป็นต้น หรือถ้าช้อปกับร้านค้าที่เป็นพาร์ทเนอร์กัน ก็อาจจะได้แต้มพิเศษเพิ่มเป็น 2 เท่าด้วย
แล้วแต้มสะสมนำไปใช้อะไรได้บ้าง ?
• ใช้แต้มแลกแทนเงินสด : เมื่อเรามีแต้มสะสมมากพอ สามารถลงทะเบียนผ่าน SMS เพื่อแลกแต้มแทนวงเงินในบัตรได้ เราก็จะได้สินค้าในราคาที่ถูกลงหรือถ้าแต้มเยอะมากก็สามารถแลกเท่ายอดซื้อได้เลย เท่ากับว่าเราได้สินค้าชิ้นนั้นแบบฟรีๆ ไปอีก
• แลกของรางวัล : นอกจากใช้แทนเงินสดได้แล้ว แต้มบัตรเครดิตยังสามารถใช้เพื่อแลกของรางวัลได้ เช่น ตั๋วหนังฟรี, ไอศกรีมฟรี, คูปองส่วนลดร้านอาหาร หรือแต้มสะสมของบางธนาคารสามารถใช้เพื่อแลกตั๋วเครื่องบินได้ เป็นต้น
Cash Back ,เงินคืน หรือเครดิตเงินคืน เป็นเงินที่เราจะได้คืนภายหลังจากใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตตามเงื่อนไขของร้านค้าหรือของธนาคาร โดยจะได้รับคืนเข้าบัตรเครดิตที่นำมาใช้จ่าย เช่น ใช้จ่ายผ่านบัตร 30,000 บาท / เซลล์สลิป จะได้รับ Cash Back คืน 300 บาท เป็นต้น ซึ่งการได้ Cash Back คืนก็เหมือนเราได้ซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลงด้วย ที่สำคัญแม้ว่าจะได้ Cash Back คืนแต่แต้มสะสมที่เราจะได้รับ ยังคงคำนวนจากยอดรูดซื้อจริง
5. มีส่วนลดเพิ่ม (On-Top)
บัตรเครดิตยังทำให้เราช้อปได้แบบคุ้มกว่าการช้อปด้วยเงินสด เพราะมักจะมีส่วนลดเพิ่มหรือส่วนลด On-Top นอกเหนือจากโปรโมชั่นจากร้านค้า เช่น ถ้าหากช้อปผ่านบัตรเครดิตนี้ตามจำนวนเงินที่กำหนด ก็อาจจะได้รับส่วนลด On-Top เพิ่ม อาจจะลดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือลดเป็นจำนวนเงินถ้วนๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรและร้านค้าเป็นผู้กำหนด
6. ผ่อนชำระผ่านบัตรได้เลย
ในกรณีที่เราต้องการซื้อของชิ้นใหญ่หรือของที่ราคาสูง แต่ไม่ต้องการจ่ายเงินก้อนแบบตู้มเดียว การใช้บัตรเครดิตจ่ายก่อนก็ค่อนข้างตอบโจทย์พอสมควร เพราะเราสามารถผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตได้เลย แต่การเลือกผ่อนชำระมีข้อเสียคือเราจะไม่ได้รับแต้มสะสม งานนี้ใครที่เป็นสายสะสมแต้มอาจจะต้องเลือกกันหน่อยล่ะ
การผ่อนชำระยังเป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในแต่ละเดือนได้ แต่ต้องเป็นการผ่อนชำระแบบดอกเบี้ย 0% เท่านั้น บัตรบางใบสามารถเลือกผ่อนชำระได้ 0% ได้ตั้งแต่ 3-12 เดือน ถ้าเป็นการผ่อนแบบมีดอกเบี้ยก็จะไม่คุ้มและเราต้องจ่ายค่าสินค้าราคาแพงขึ้นเพราะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยด้วยนั่นเอง
7. เหมือนมีเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ไม่ต้องจ่ายเงินสดทันที
จริงๆ แล้วมีบัตรเครดิตติดตัวไว้ก็อุ่นใจดีเหมือนกัน เมื่อเกิดความจำเป็นในยามฉุกเฉินต้องใช้เงิน บัตรเครดิตก็ช่วยเราได้ อยู่ๆ วันนึงเกิดแอร์เสีย ตู้เย็นพังจะซ่อมก็ไม่คุ้ม ซื้อใหม่ไปเลยง่ายกว่า แต่ดันไม่มีเงินสดหรือไม่อยากจ่ายเงินก้อนใหญ่ ก็สามารถใช้บัตรเครดิตรูดมาก่อนก็ได้ แล้วค่อยชำระหนี้หลังจากที่มีบิลเรียกเก็บจากธนาคาร
แต่ทั้งนี้ก็ต้องย้ำกันอีกครั้งว่ายังไงก็ต้องนำเงินที่ได้มาภายหลังมาเคลียร์ยอดนั้นให้หมดไปให้เร็วที่สุด อย่าจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้วงเงินเต็ม และจ่ายให้ตรงเวลาอยู่เสมอ
8. บัตรเครดิตเป็นสากลใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ได้ทั่วโลก
ตรงมุมบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เรามักจะเห็นเครื่องหมาย Visa หรือ Mastercard กำกับไว้ ทั้ง 2 บริษัทนี้ไม่ได้เป็นผู้ออกบัตรให้เราโดยตรง แต่เป็นเพียงตัวกลางระหว่างร้านค้าและสถาบันการเงินในการชำระเงินเท่านั้น ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก
เพราะฉะนั้นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่มีสัญลักษณ์ทั้ง 2 แบบนี้จึงบัตรเป็นสากล สามารถใช้จ่ายได้ทั่วโลกทั้งบนเว็บขายของออนไลน์ หรือจะนำไปรูดชำระหรือร้านค้าใดก็ได้ที่รับชำระด้วยบัตรที่มี 2 สัญลักษณ์นี้ ยิ่งในช่วงที่การเดินทางไปต่างประเทศยังเป็นเรื่องที่ต้องระวังแบบนี้ ครั้นจะบินไปญี่ปุ่นซื้อกระเป๋าซักใบแล้วกลับก็ไม่ได้แล้วอะเนอะ การสั่งของข้ามประเทศก็เป็นอีกช่องทางที่ทำให้เราได้ของที่หมายปอง ซึ่งการโอนเงินข้ามประเทศนั้นไม่ตอบโจทย์เรื่องนี้เอาเสียเลย
9. ช่วยสร้างเครดิตไว้ต่อยอดสำหรับกู้สินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต
ข้อนี้หลายคนมองข้ามไป อันนี้ใช่ได้กับทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเลยนะ เพราะการใช้บัตรเครดิตจะแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้เงินของเราและวินัยในการชำระหนี้ เมื่อเวลาที่เราจะซื้อบ้าน หรือกู้เงินมาลงทุน แต่ไม่มีเงินสดมากพอ ทำให้เราต้องขอกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงิน ผลการกู้จะผ่านไม่ผ่าน เครดิตถือว่ามีส่วนสำคัญมาก สถาบันการเงินที่เรายื่นกู้จะตรวจสอบเครดิตของเราผ่าน "เครดิตบูโร" ซึ่งเป็นสำนักงานที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตของเราไว้ทุกอย่าง และแบ่งเครดิตสกอริ่งหรือตัวชี้วัดความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ ตามนี้เลย
ถ้าเราใช้บัตรเครดิตเป็น จ่ายเต็มจ่ายตรงทุกงวด ก็จะทำให้เรามีเครดิตสกอริ่งที่ดี และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้สินเชื่ออื่นๆ ง่ายตามไปด้วย เพราะอย่างน้อยๆ คะแนนตรงนี้ก็สามารถแสดงให้เห็นว่าเราสามารถชำระหนี้คืนให้กับธนาคารได้ แต่ถ้ารูดช้อปจนเกินตัว ไม่สามารถจ่ายคืนได้ตามกำหนดก็จะทำให้เครดิตเสีย จะยื่นกู้ก็ยากถึงแม้จะปิดบัญชีหนี้แล้ว แต่ก็ยังต้องรออีกอย่างน้อย 1-3 ปีเพื่อให้กลับมาเป็นเครดิตดีเหมือนเดิม จึงจะยื่นกู้ได้อีกครั้ง
🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈
• การใช้บัตรเครดิตถ้าใช้เป็น บอกเลยว่าเป็นประโยชน์มากจะใช้จ่ายอะไรก็มีแต่คุ้มกับคุ้ม ลดแล้วลดอีกจริงๆ แถมยังได้ Cash Back
• ในการชำระหนี้บัตรเครดิตควรจ่ายให้เต็มและจ่ายให้ตรงทุกงวด ไม่แนะนำให้จ่ายแบบยอดเรียกเก็บขั้นต่ำ เพราะดองไว้นานๆ ดอกเบี้ยจะบานไม่รู้ตัว และมีผลต่อการยื่นขอสินเชื่ออื่นๆ ด้วย
โดย waranggg
thaitealism
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ