‘ผ้าเน่าผืนเก่า’ สิ่งของที่เป็นเซฟโซนของใจ กับเหตุผลที่ทำไมเราทิ้งเค้าไม่ลงซักที
โดย : waranggg
ผ้าเน่า หมอนเน่า ตุ๊กตาเน่า
สิ่งของที่ได้จับ ได้กอด ได้ดมเมื่อไหร่ ก็รู้สึกอุ่นใจ~
เราเชื่อว่าชาวปันโปรหลายๆ คนจะต้องมีผ้าเน่า หมอนเน่า ตุ๊กตาเน่า หรือน้องเน่าที่ติดกันมาตั้งแต่เด็กๆ อย่างแน่นอน แล้วไอเจ้าน้องเน่าของเราเนี่ยไม่ว่าจะเยินขนาดไหน ก็จะไม่มีวันทิ้งเด็ดขาด ไม่ว่าพ่อแม่หรือคนรอบตัวจะเกลี้ยกล่อมว่าจะหาผ้าผืนใหม่ หมอนใบใหม่ หรือตุ๊กตาตัวใหม่มาให้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอม เพราะไม่มีอันไหนมาแทนน้องเน่าของเราได้ทั้งนั้น ! บางคนก็ถึงขั้นห้ามคนอื่นจับหรือนำไปซักเด็ดขาด เพราะกลัวว่ากลิ่นที่คุ้นเคยจะเปลี่ยนไป
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดน้องเน่าอ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจว่ามันแค่ผ้าผืนเดียวเองนะ ทำไมเราถึงต้องหวงขนาดนั้นกัน แต่บอกก่อนว่านี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด จริงๆ มันมีเหตุผลที่พวกเราชาวผ้าเน่าต้องนอนกอดนอนดมน้องทุกคืนอยู่น้า~
💖 ผ้าเน่า หมอนเน่า เป็นเหมือนสิ่งของที่สื่อถึงการเปลี่ยนผ่านและการเติบโต
นักวิจัยได้คิดชื่อเรียกให้น้องเน่าของพวกเราว่า Transitional Object เป็นสิ่งของที่จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงการเติบโต การเปลี่ยนแปลง การเติบโตจากวัยหนึ่งไปสู่อีกวัยหนึ่ง ซึ่งสภาวะแรกเริ่มของการเริ่มติดน้องเน่าจะเริ่มเกิดจากในวัยเด็กตอนที่เราต้องถูกพรากออกจากอกแม่ ถ้านึกไม่ออกให้ลองนึกถึงเด็กเล็กๆ ที่เวลาตื่นนอนมาแล้วไม่เห็นแม่นอนอยู่ข้างๆ แล้วร้องไห้จ้าลั่นบ้าน เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัย และทำให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ได้ว่าตัวแม่และตัวเขาเป็นคนละคนกันนะ แม่ไม่สามารถอยู่ให้ความอบอุ่นกับเขาได้ตลอดเวลา จึงทำให้เด็กเล็กหันไปสร้างความสัมพันธ์กับสิ่งของอื่นๆ แทน เช่น หมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา
เมื่อโตขึ้นจนถึงวัยหนึ่งที่เริ่มมีความมั่นคงทางจิตใจมากขึ้น หรือเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่สร้างความสบายใจให้มากกว่าเดิม เด็กๆ ก็จะละทิ้งน้องเน่าไปได้เองในที่สุด และเมื่อเราก้าวเข้าสู่วัยรุ่นจากทึ่เคยมีของเล่นชิ้นโปรดในใจต้องเล่นทุกวัน ก็กลายเป็นของเล่นเหล่านั้นต้องเก็บเข้ากรุไปอย่างน่าเสียดาย
💖 ผ้าเน่าหรือหมอนเน่าช่วยให้เราไม่โดดเดี่ยว
การติดผ้าเน่าหรือหมอนเน่าส่วนมากจะพบได้ในเด็กอายุ 1-3 ปี ซึ่งเป็นวัยที่ยังไม่เข้าใจหรือรู้ภาษามากมายเท่าไหร่นัก เขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงต้องปล่อยให้เขานั่งอยู่คนเดียวหรือต้องปล่อยให้เขานอนคนเดียว (ทั้งๆ ที่แม่อาจจะแค่ลุกไปเข้าห้องน้ำ) จึงทำให้เจ้าตัวน้อยอาจจะรู้สึกไม่สบายใจหรือกลัว เหล่าแม่ๆ ก็เลยมักจะหาผ้า หมอนข้างเล็กๆ หรือตุ๊กตา มาวางข้างๆ เป็นเพื่อนไว้ เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของแม่ ทำให้เด็กๆ เรียนรู้ว่าเนี่ยคือตัวแทนของแม่นะ เวลาที่แม่ไม่อยู่ใกล้ๆ อย่างน้อยก็ยังมีน้องเน่าอยู่เป็นเพื่อน เหมือนมีที่พึ่งทางจิตใจและทำให้เด็กๆ ผูกพันกับสิ่งของเหล่านั้นมากขึ้น
ขนาดเด็กเล็กยังต้องการที่พึ่งทางจิตใจแล้วนับประสาอะไร กับผู้ใหญ่แบบเราๆ กันล่ะ
💖 ผ้าเน่า หมอนเน่า เป็นเหมือนคลังเก็บความทรงจำของเรา
หลายคนอาจจะไม่ได้มีพฤติกรรมที่ติดผ้าเน่า หมอนเน่า หรือติดตุ๊กตามาตั้งแต่เด็กๆ อาจจะเพิ่งมาติดตอนที่โตพอจะรู้เรื่องประมาณนึงแล้ว สาเหตุที่เราเพิ่งจะมาติดเอาตอนโต อาจเกิดจากสิ่งของชิ้นนั้นที่ได้รับมามีคุณค่าทางจิตใจมาก ได้รับมาในโอกาสพิเศษ หรือได้รับมาแล้วเกิดความทรงจำที่ดี เช่น ตุ๊กตาตัวโปรดที่ได้รับเป็นของขวัญจากคุณพ่อคุณแม่ในวันเกิด เป็นต้น เมื่อเราได้นอนกอดหรือสัมผัสก็เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลานั้นๆ อีกครั้งนึงนั่นเอง ไม่ว่าเราจะหาตัวไหนมาทดแทนก็กอดไม่อุ่นเท่ากับตัวที่คุณพ่อคุณแม่ยื่นให้เรากับมือแน่นอน
ติดผ้าเน่ามาก แม้ว่าจะโตแล้ว มันเป็นเรื่องที่โอเคมั้ยนะ
ถึงแม้ว่าจะโตจนอายุอานามก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว แต่ก็ยังติดน้องเน่าอยู่ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะ และไม่ได้หมายความว่าเราไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักโตด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าที่เรายังคงติดผ้าเน่าจนโตนั่นก็เพราะว่าเราเสพติดความสบายใจจากสิ่งของที่เราคุ้นเคยต่างหาก อย่างที่เรารู้กันว่าแต่ละคนจะมีวิธีคลายเครียดหรือวิธีสร้างความสบายใจที่แตกต่างกันออกไป การได้จับหรือสัมผัสกับน้องเน่าของเราก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้สบายใจหรืออุ่นใจมากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ น้องเน่าเป็นอีกหนึ่งของคอมฟอร์ทโซนของเรานั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยออกมาอีกด้วยว่าการที่เราติดผ้าเน่า หมอนเน่าหรือตุ๊กตาเน่า มันมีผลดีนะ ช่วยให้เราเป็นคนที่จิตใจแข็งแรง แข็งแกร่งดุจหินผากว่าคนทั่วไป นั่นก็เป็นเพราะเรารู้วิธีที่จะฮีลตัวเองยังไงเมื่อเวลาเราเครียด วิตกกังวลหรือต้องการเซฟโซน เราสามารถโดดขึ้นเตียงแล้วนอนกอดน้องเน่าที่เป็นที่พักพิงทางจิตใจของเราเพื่อคลายความเครียดได้เสมอ
แต่ก็ใช่ว่าการติดน้องเน่าจะไม่มีเรื่องที่ต้องระวังนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางคนที่ติดน้องเน่ามากต้องพกติดตัวไปทุกที่ ก็อาจจะต้องระวังในเรื่องของบุคลิกภาพด้วยนะ น้องเน่าอาจจะทำให้เราดูน่าเชื่อถือน้อยลง เราแนะนำว่าเก็บน้องไว้กอดให้อุ่นใจในที่ๆ เป็นเซฟโซนของเราจริงๆ และเราก็ต้องทำใจยอมรับว่าน้องเน่าของเราต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แม้ว่าเราจะยื้อสุดใจ เย็บแล้วเย็บอีก แต่คิดว่ายังไงเราก็จำเป็นต้องทิ้งน้องในซักวันอยู่ดี แนะนำให้ลองเปิดใจมองหาวิธีเพิ่มความสบายใจที่เป็นตัวสำรองใหม่ๆ ดูบ้างก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีนะ
ขอขอบคุณข้อมูล : amarinbabyandkids.com, livescience.com, lotusbedding.com
โดย waranggg
thaitealism