Apple (จำใจ) หันมาใช้ USB-C กับ iPhone 15 เพราะอะไร? เปลี่ยนแล้วดียังไงบ้าง?
โดย : Xyanyde
iPhone 15 Series ที่เปิดตัวไปทั้งหมด 4 รุ่น เรียกว่าเป็น iPhone ซีรีส์แรกของค่าย Apple เลย ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C หลังจากที่ Apple ใช้พอร์ต Lightning มาแบบยาว ๆ กว่า 11 ปี เข้าไปแล้ว...แต่รู้มั้ยว่า จริง ๆ แล้วที่ Apple ทำแบบนี้เพราะสถานการณ์มันบังคับต่างหาก ไม่งั้นก็ยังคงใช้พอร์ต Lightning กันไปอีกยาว ๆ เลยล่ะ...ว่าแต่ Apple ทำแบบนี้ไปเพราะอะไรหว่า?
iPhone ใช้พอร์ต Lightning มาเป็นสิบปี
แฟน ๆ Apple ที่ใช้ iPhone กันมาหลายรุ่นแล้ว จำได้มั้ยว่า iPhone รุ่นแรกที่ได้ใช้พอร์ต Lightning คือรุ่นไหน...เฉลย มันคือ iPhone 5 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2012 นั่นเอง และพอร์ตดังกล่าวก็อยู่คู่กับ iPhone มาเรื่อย ๆ จนสุดทางที่ iPhone 14 Series รวมแล้วก็เป็นเวลายาววววถึง 11 ปีเลย กว่าจะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ในซีรีส์ล่าสุด
Lightning Connector เทคโนโลยีอายุ 11 ปี
จำใจใช้ USB-C เพราะกฎหมายบังคับ
การที่ Apple เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C ใน iPhone 15 Series ก็ไม่ใช่ว่าทางบริษัทอยากเปลี่ยนเพื่อให้ทันยุคทันสมัยหรือให้เข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้หรอกนะครับ แต่เป็นการ "จำใจเปลี่ยน" ต่างหาก เพราะตั้งแต่ 2565 ทาง EU หรือ สหภาพยุโรปได้ยื่นเสนอข้อกฎหมายให้สายชาร์จมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาที่จะวางขายในสหภาพยุโรปต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันและสามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งหมด ซึ่งก็คือพอร์ต USB-C นั่นเอง และจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป
สำหรับเหตุผลที่ทาง EU ยื่นกฎหมายดังกล่าวก็เนื่องจากต้องการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงไป เพราะหากว่ายังมัวมาแบ่งสายชาร์จ USB-C อันนึง Lightning อันนึง ผู้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะต้องซื้อสายชาร์จติดตัวไว้ 2 เส้น เส้นนึงสำหรับ iPhone และอีกเส้นสำหรับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่หันมาใช้ USB-C กันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง, เมาส์, คีย์บอร์ด, ลำโพง ฯลฯ
แน่นอนว่า Apple ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมายนี้ก็ได้ แต่หากยังคงดึงดันใช้พอร์ต Lightning อยู่ Apple ก็จะไม่สามารถเอา iPhone 15 Series เข้ามาขายในโซนยุโรป และรายได้ก็จะหายไปแบบมหาศาลเลย เนื่องจากโซนยุโรปเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของ Apple นั่นเอง (ยุโรปมีตั้งกี่ประเทศคิดดู...)
Apple อยากใช้ Lightning ต่อ เพราะมีรายได้จากค่าสิทธิบัตร
และสาเหตุที่ Apple ดึงดันอยากใช้พอร์ต Lightning ของตัวเองต่อไป (หากไม่โดนกฎหมายบังคับ) ก็เพราะว่า ถ้าบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมต้องการผลิตของสำหรับใช้กับ iPhone ที่ต้องเสียบผ่านพอร์ต Lightning อย่างเช่นสายชาร์จ, USB Hub, สายต่อจอ ฯลฯ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับ Apple เป็นรายชิ้น เพื่อให้อุปกรณ์เสริมชิ้นนั้นได้การรับรอง MFi (Made for iPhone | iPad | iPod | Apple Watch) เพราะเทคโนโลยี Lightning เป็นมาตรฐานของทาง Apple เอง เค้าก็เลยมีสิทธิ์มาเก็บค่าสิทธิบัตรตรงนี้ได้
แต่สำหรับพอร์ต USB-C เป็นมาตรฐานสากลที่ Apple ไม่ใช่คนคิดค้นขึ้นมา ก็เลยไม่มีสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าอะไรตรงนี้เลย ก็เท่ากับว่า Apple เสียรายได้ตรงส่วนนี้ไปอีกเพียบ ถึงได้พยายามจะดึงดันใช้ Lightning มาเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว จนกระทั่งโดน EU ลงดาบเอาคราวนี้แหละ
ข้อดีของการเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C
การเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C แทนพอร์ต Lightning ไม่ใช่แค่จะทำให้ iPhone 15 Series สามารถใช้สายชาร์จร่วมกับมือถือ Android และอุปกรณ์อื่น ๆ ได้เท่านั้นนะ แต่เทคโนโลยี USB-C ยังมีข้อดีและความล้ำอื่น ๆ ที่เหนือกว่าพอร์ต Lightning อีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น...
- ความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลที่สูงกว่ามาก : เทคโนโลยี USB-C มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงสุดถึง 40Gbps ในขณะที่ Lightning รองรับสูงสุดแค่ 480Mbps เท่านั้น เรียกว่าต่างกันเป็นสิบเท่าเลย ตรงนี้ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่เห็นผลเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ถ่ายรูป+วิดีโอด้วย iPhone มาใช้ทำงาน จะเห็นประโยชน์ตรงนี้สุด ๆ
- รองรับระบบชาร์จไวที่ไวกว่า : เทคโนโลยี USB-C รองรับพลังไฟในการชาร์จเป็น 100 ถึง 200+W เห็นได้จากมือถือ Android เดี๋ยวนี้รองรับการชาร์จไวตั้งแต่หลักหลายสิบไปจนถึงหลักร้อยวัตต์จนสามารถชาร์จเต็มได้ภายในไม่ถึง ชม. แล้ว แต่ iPhone ที่ใช้ Lighting ยังรองรับการชาร์จแค่ระดับ 20-30W เท่านั้นแม้ว่า iPhone 15 Series จะยังไม่ได้ชาร์จเร็วขนาดมือถือ Android แต่ไม่แน่ว่ารุ่นต่อ ๆ ไป อาจจะเริ่มใส่เทคโนโลยีชาร์จไวกว่าเดิมเข้ามาก็ได้
- รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า : สาเหตุหลักที่ EU ต้องออกกฎหมายมาบังคับ Apple ก็คือเรื่องนี้นั่นแหละ ผู้ใช้งานทั่วไปจะได้ไม่ต้องมีทั้งสาย USB-C และสาย Lightning เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาให้ยุ่งยาก แถมยังไม่ต้องซื้อสายเพิ่ม ให้เกิดเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์ด้วย (แต่ในช่วงแรก ๆ คงเลี่ยงไม่ได้ เพราะหลังจากนี้สาย Lightning ก็จะต้องกลายเป็นขยะไปอยู่ดี)
iPhone 15 ทุกรุ่นใช้สาย USB-C ร่วมกับ Android ได้ ไม่มีปัญหา
ตอนที่ iPhone 15 Series วางขายแรก ๆ เคยมีข่าวว่าร้านในจีนติดป้ายเตือนว่าอย่าใช้สายชาร์จ USB-C ของมือถือ Android กับ iPhone 15 เพราะอาจมีปัญหาเรื่องความร้อน ซึ่งหลาย ๆ คนก็ให้ความเห็นว่าร้านแค่ต้องการขายสายชาร์จแท้ของ Apple ที่มีราคาแพงมากกว่า ถึงออกมาเตือนมั่ว ๆ แบบนี้ เพราะทาง Apple เองก็ไม่ได้มีการประกาศถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะครับ แค่ใช้สาย USB-C ที่ได้มาตรฐานก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ที่มา : BBC, TheVerge, AppleInsider
โดย Xyanyde
เรื่องเทคโนโลยี หรืออะไรที่มันล้ำ ๆ ขอให้บอกเท้อออ
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ