Metaverse ถ้าในอนาคต เราต้องอยู่กับโลกเสมือนจริง !
โดย : waranggg
ถ้าใครที่ชื่นชอบหนัง Sci-Fi อยากให้ในชีวิตจริงมีเทคโนโลยีล้ำๆ แบบในหนังรอคอยกันได้เลย
ในอนาคตอันใกล้นี้ โลกของเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ Metaverse กันอย่างจริงจัง
หลังจากที่มีข่าวว่ามาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta โดยให้เหตุผลว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทที่จะลุยตลาด Metaverse แบบเต็มตัว รวมไปถึงบริษัทใหญ่ๆ หลายเจ้าก็เริ่มจะหันมาสนใจ โลกของ Metaverse แล้วเช่นกัน ! เอาล่ะ หลายคนเริ่มจะสงสัยและเกิดความอยากรู้จักกับคำว่า Metaverse กันแล้วใช่ไหมล่ะ ฉะนั้น อย่ารอช้า เราไปทำความรู้จักกับ Metaverse กันเลย
Metaverse คืออะไร ?!
จะบอกว่า Metaverse เป็นเรื่องใหม่หรือคำใหม่ก็ไม่เชิง เพราะจริงๆ แล้วคำว่า Metaverse ปรากฏครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 หรือเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ในนวนิยายเรื่อง Snow Cash ของ นีล สตีเฟนสัน ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความจริงที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบเนียน
อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ Metaverse ก็คือโลกอีกใบที่เป็นโลกเสมือนจริงที่เราจะมีอีกหนี่งตัวตนอยู่ในนั้น
โดยตัวตนในโลกเสมือนจริงของเราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สถานที่อื่นๆ ได้
เช่น เราสามารถไปเที่ยวรอบโลกได้ผ่านโลก Metaverse หรือสามารถไปทำงานที่ไหนก็ได้ผ่าน Metaverse เรียกได้ว่าเป็นโลกอีกใบที่เราสามารถทำอะไรก็ได้ แล้วแต่จินตนาการของเราเอง ซึ่ง Metaverse จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง VR ( Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) นั่นเอง
📣 ถ้าหากใครนึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงหนังเรื่อง Ready Player One หรือ The Matrix น่าจะพอเห็นภาพชัดเจนกันมากขึ้น📣
Metaverse โลกเสมือนที่จะมีความสำคัญพอๆ กับโลกแห่งความจริง
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเร่ิมหันมาให้ความสนใจ Metaverse มากขึ้น เช่น Facebook ที่ประกาศจะเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta เพื่อจะปรับเปลี่ยนทิศทางของบริษัทจากด้านโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นบริษัทที่จะมุ่งสู่การทำโลกเสมือน Metaverse อย่างเต็มตัว
การที่ Facebook ตัดสินใจรีแบรนด์ จุดนี้ก็จะทำให้สะท้อนวิสัยทัศน์ของมาร์คได้ดีในเรื่องของการที่จะทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมถึงกันได้มากกว่า เหมือนเราสามารถเทเลพอร์ตหรือวาร์ปไปหาเพื่อนหรือไปเที่ยวสถานที่ไหนก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากการเล่น Facebook ที่เราได้แค่ติดตามข่าวสารหรือพูดคุยกันได้ผ่านทางหน้าจอเท่านั้น
สำหรับใครที่กังวลว่าแล้วจะเปลี่ยนชื่อแอปด้วยมั้ย จะส่งผลต่อการใช้งานหรือเปล่า ก็ขอให้สบายใจได้ว่าการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เท่านั้น และจะไม่มีผลกระทบกับการใช้งานโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ภายใต้การดูแลของ Meta ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Facebook Messenger อย่างแน่นอน
หลังจากที่ Facebook ประกาศตัวว่าจะเดินหน้าหันมาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับโลกเสมือนอย่างเต็มตัว ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นเรื่องฮือฮาและสร้างแรงกระเพื่อมให้กับ Metaverse ได้มากเลยทีเดียว และไม่ใช่แค่เพียง Facebook เท่านั้นที่สนใจเรื่องของ Metaverse แต่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้า ได้เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้วด้วย
Alibaba บริษัทด้าน E-commerce เจ้าใหญ่ของจีนก็ได้ประกาศลุยตลาด Metaverse แล้วเรียบร้อย และกำลังซุ่มทำโปรเจคใหญ่อยู่ ที่สำคัญได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวกับ Metaverse เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเครื่องหมายการค้าที่ขอไปนั้น ประกอบไปด้วย Ali Metaverse และ Taobao Metaverse
เพื่อนๆ ลองคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าอนาคตเราสามารถช้อปปิ้งผ่าน Metaverse ได้ เพียงแค่สวมแว่นตาก็มีนางแบบสวมใส่เสื้อผ้าให้ดูก่อนตัดสินใจซื้อได้ คงจะทำให้การช้อปปิ้งของเราสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว !
เราเชื่อว่าในอนาคต Metaverse จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและมีบทบาทกับชีวิตของพวกเรามากยิ่งขึ้น แต่กว่าที่วันนั้นจะมาถึง ส่วนตัวเราคิดว่าคงจะต้องใช้เวลาพัฒนากันอีกหลายปีมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องของอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ ที่จะทำให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกทั้งสองใบไปพร้อมกันได้อย่างแนบเนียนจริงๆ
ขอขอบคุณที่มา : prachachat.net, techsauce.co, thansettakij.com
โดย waranggg
thaitealism
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ