ไขข้อสงสัย เครดิตบูโรคืออะไร ติด Blacklist กู้ไม่ผ่าน เพราะเครดิตบูโรจริงมั้ย?
โดย : waranggg
ติด Blacklist กู้สินเชื่อไม่ผ่าน
เป็นเพราะเครดิตบูโรจริงมั้ย
"ติดเครดิตบูโร" กู้อะไรก็ไม่ได้เลย... เป็นคำคุ้นหูที่ได้ยินกันแบบนับครั้งไม่ถ้วน ทำเอาหลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเครดิตบูโรคืออะไร สำคัญยังไง ถ้าติดเครดิตบูโรทำไมถึงทำเรื่องกู้เงินไม่ผ่าน มาไขข้อสงสัยไปกับเรากันค่ะ!
เครดิตบูโร คืออะไร
เครดิตบูโร หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (National Credit Bureau) เป็นศูนย์กลางที่จัดเก็บรวบรวมข้อมูลเครดิตทั้งหมดของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เช่น บัญชีสินเชื่อทั้งหมดที่มี ประวัติการชำระหนี้ เป็นต้น ซึ่ง ข้อมูลเครดิตแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
ส่วนของข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวข้องและสามารถระบุตัวตนของเราทั้งหมด เช่น ชื่อ-สกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพ อาชีพ เลขบัตรประจำตัวประชาชน เป็นต้น
ส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติทั้งหมด ประวัติการชำระหนี้และสถานะบัญชีสินเชื่อว่าเป็นสินเชื่อปกติ สินเชื่อที่ค้างชำระ สินเชื่อที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฏหมาย หรือสินเชื่อที่ปิดบัญชีแล้ว โดยจะเก็บข้อมูลไว้ย้อนหลังไม่เกิน 36 เดือนหรือไม่เกิน 3 ปี ซึ่งข้อมูลส่วนนี้คือข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงินของเรา ว่าสามารถชำระหนี้ได้ตรงตามที่กำหนดหรือไม่
เครดิตบูโร ไม่ได้เกี่ยวเฉพาะแค่บัตรเครดิต
จุดประสงค์ของการเก็บข้อมูลเครดิตบูโรก็เพื่อให้สถาบันการเงิน ได้เช็กประวัติการชำระหนี้และข้อมูลสินเชื่อสำคัญต่างๆ ของผู้ขอยื่นกู้ก่อนที่จะทำการอนุมัติสินเชื่อ ทุกครั้งที่เรายื่นเรื่องกู้สินเชื่อกับสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะบัตรเครดิต, สินเชื่อรถ, สินเชื่อบ้าน และสินเชื่ออื่นๆ สถาบันการเงินทุกแห่งจะทำการเช็กข้อมูลจากเครดิตบูโรเพื่อประเมินว่าผู้ขอยื่นกู้มีความสามารถและวินัยในการชำระหนี้คืนได้หรือไม่
หากชำะหนี้ได้ตรงตามเวลากำหนด จ่ายครบทุกครั้ง ก็ยิ่งมีโอกาสในการยื่นกู้ได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ในการขอกู้สินเชื่อไม่ได้พิจาณาจากข้อมูลจากเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พิจารณาจากเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น รายได้ในปัจจุบัน หลักทรัพย์อื่นๆ เป็นต้น
Fact : เครดิตบูโร
"ไม่ได้มีหน้าที่อนุมัติสินเชื่อและขึ้นบัญชีดำผู้ผิดนัดชำระหนี้"
ประวัติการชำระหนี้ไม่ดี สามารถล้างข้อมูลใหม่ได้หรือไม่?
คำตอบคือสามารถทำได้ค่ะ ในขั้นแรกแนะนำให้รีบติดต่อสถาบันการเงินที่ติดค้างชำระหนี้อยู่เพื่อขอชำระหนี้ที่เหลือ หรือหากมียอดค้างชำระมากจนเกินไปรีบติดต่อเพื่อขอเจรจาลดหนี้หรือปรับโครงสร้างหนี้
หากยังอยู่ในขั้นที่พอจ่ายไหว ให้กลับมาจ่ายตามเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอจนเป็นวินัย เมื่อประวัติการชำระกลับมาเป็นปกติ ประวัติการชำระล่าช้าที่เคยถูกบันทึกไว้ก็จะค่อยๆ ถูกดันออกจากระบบ เพราะเครดิตบูโรจะเก็บข้อมูลการของเราย้อนหลังเพียง 36 เดือนเท่านั้น
อยากเช็กเครดิตบูโรของตัวเอง สามารถตรวจสอบได้ที่ไหน?
Credit : ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
นอกจากสถาบันการเงินที่เช็กข้อมูลเครดิตของเราได้แล้ว เราก็สามารถเช็กช้อมูลเครดิตด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน โดยใช้แค่บัตรประชาชน และเตรียมค่าธรรมเนียม 100 - 150 บาท สามารถเช็กได้ตามรายละเอียดด้านล่างนี้เลย
1.ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที สามารถรอรับได้เลย มีค่าใช้จ่าย 100 บาท
2.เช็กด้วยตัวเองผ่าน Mobile Banking ของธนชาตและทหารไทย ใช้เวลาประมาณ มีค่าใช้จ่าย 150 บาท โดยหักผ่านบัญชีอัตโนมัติ โดยจะส่งรายงานผลให้ผ่านทางอีเมล์ ภายใน 3 วันทำการ
3. เช็กผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย, กรุงศรี, ธนชาต, ธอส, แลนด์แอนด์เฮาส์ และธกส โดยยื่นบัตรประชาชน และส่งผลรายงานผ่านไปรษณีย์ภายใน 7 วันทำการ มีค่าใช้จ่าย 150 บาท
4. เช็กด้วยตัวเองที่ตู้ ATM ของ ธ.กรุงไทย และ ธ.ไทยพาณิชย์ จำเป็นต้องมีบัตร ATM ของธนาคารเจ้าของตู้ โดยจะส่งรายงานผ่านไปรษณีย์ ภายใน 7 วันทำการ มีค่าใช้จ่าย 150 บาท
5. ที่ทำการไปรษณีย์ทุกสาขาทั่วประเทศและส่งรายงานผลผ่านไปรษณีย์ ภายใน 7 วันทำการ มีค่าใช้จ่าย 150 บาท
เครดิตที่ดีทำได้ไม่ยาก เพียงจ่ายให้ครบและจ่ายตรงตามเวลา
ยื่นกู้ครั้งต่อไปยังไงก็ผ่านง่าย~
Souce : ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ
โดย waranggg
thaitealism
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ