เศรษฐกิจแย่ แต่ทำไมสินค้า Luxury ก็ยังขายดีเสมอ ?

 

...เศรษฐกิจแย่ แต่สินค้า Luxury ยังขายดี...
เพราะการตลาดดี หรือเพราะความรักต่อแบรนด์
✨ ✨ 

---

 

สินค้าหายาก ผลิตก็น้อย แถมคู่แข่งก็เยอะ  🤔

 

สวัสดีค่าา ช่วงนี้เพื่อนๆ เป็นอย่างไรกันบ้าง หลายคนจะเจอเรื่องหนักๆ เยอะหน่อย ทั้งฝนตกแบบกระหน่ำ โรคภัยไข้เจ็บ ข้าวของแพงจากพิษเศรษฐกิจ ยิ่งถ้าเราพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจในช่วงนี้ก็คือบอกเลยว่าเจ้าของกิจการหลายๆ เจ้าต่างก็ประสบปัญหาเรื่องของยอดขายที่ลดลงจากที่ผู้คนต่างก็จำกัดการใช้เงิน ค่าวัตถุดิบก็แพงขึ้นด้วยวิกฤตต่างๆ ที่โลกต้องเผชิญ เปย์เป้เป็นกำลังใจให้นะฮะ

 

แต่ถึงโลกจะเจอวิกฤตด้านเศรษฐกิจหนักหน่วงขนาดไหนเรากลับพบว่าจะมีกลุ่มธุรกิจอยู่ 1 กลุ่มที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่นัก นั่นก็คือ สินค้าและบริการกลุ่ม Luxury จากข้อมูลล่าสุด (ส.ค. 65) พบว่า สินค้ากลุ่ม LVMH Louis Vuitton, Christian Dior, Marc Jacobs, Celine, Bvlgari และ Fendi เป็นต้น ยอดเพิ่มขึ้น 28 % ตลาดใหญ่ๆ ก็จะมาจากฝั่งยุโรปและอเมริกา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะอะไรน้า...ทำให้ความต้องการสินค้า Luxury ยังคงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ถึงแม้จะมีข้อมูลว่าลูกค้ากลุ่มคนรวยมีประมาณแค่ 20 % เท่านั้น !

 

จะถูกจะแพงก็ใช้งานได้เหมือนกัน เรามักจะได้ยินประโยคนี้จากคนรอบข้างบ่อยๆ ในเวลาที่เรากำลังจะตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง บางทีเราก็พยายามใช้เหตุผลในการซื้อของว่า เอ๊ะ ! จริงๆ แล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องซื้อของแบรนด์เนมก็ได้ในเมื่ออีกชิ้นก็ใช้งานได้และราคาสมเหตุสมผลกว่า แต่ก็จะมีอีกคนในตัวเราสวนขึ้นมาว่า มันทนนะ ใช้ได้นาน เอาไปขายต่อก็ได้ราคาดี แถมยังมีความเท่ เชิดหน้าชูตาเราด้วยนะ เรามาส่องกันดีกว่าว่าประเด็นที่ทำให้คนยังคงเหนียวแน่นกับสินค้าและบริการกลุ่ม Luxury คืออะไร

 

 

• สตอรี่ของแบรนด์
  

 

อันนี้ข้อมูลจาก ตัวแม่ เล่าไว้ว่ากลยุทธในการดึงดูดอารมณ์ลูกค้าด้วยเรื่องราว ประวัติความเป็นมาของตัวแบรนด์ ตรงนี้หลายแบรนด์เลยที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน การเล่าสตอรี่ก็จะประมาณว่ากว่าจะมาเป็น ChaneI ที่ก่อตั้งโดย Coco ChaneI เขามีตำนานมาอย่างไร เขาผ่านอะไรมา ทำไมต้องเป็นดอกคามิลเลียที่มาเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ความหายากของวัสดุที่นำมาทำ กระบวนการผลิตที่ต้องทำมือเท่านั้น รวมไปถึงการนำเสนอแนวคิดของ Coco ที่ทำให้แบรนด์ Chanel ผลิตสินค้าที่มีความเรียบแต่เท่ ความสีดำ ขาว ความคลาสสิค ทำให้เวลามีคนเห็นเราใส่ก็จะมีการคุยกันต่อถึงเรื่องราวความเป็นมาของเสื้อ หรือเครื่องประดับที่เราใส่ 

• การเป็นที่ยอมรับ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจที่ได้จากสินค้า Luxury
  

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปลักษณ์ภายนอก เสื้อผ้า หน้าผม คืออันดับแรกที่คนภายนอกจะมองเห็นเรา และเมื่อเขามองเห็นเราแล้วสมองของมนุษย์ก็จะคิดไปแล้วว่าคนใส่แบรนด์นี้ คนนี้รวย สมมติว่าเราเป็นนักธุรกิจ ถ้าใส่ Rolex คนก็จะมองว่าเราดูรวย ดูน่าเชื่อถือ เพราะทุกคนจะทราบกันดีว่านาฬิกา Rolex นี้เป็นแบรนด์ชั้นนำ ที่นอกจากจะราคาแพงแล้ว บางรุ่นก็หายากมาก ยิ่งเราหามาใส่ได้มันก็ยิ่งสร้าง Power ที่ดี สร้างความน่าเชื่อถือให้เราได้ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้สวมใส่ไปด้วยในตัว  

• การบริการชั้นเลิศระดับ VVIP 
  

 

เราอาจจะเคยเห็นมาบ้างเวลาเราเข้าช้อปแบรนด์ Luxury ในขณะที่เราต้องต่อคิว เพื่อเข้าไปเดินเลือกสินค้าต่างๆ จะมีคน 1 กลุ่มที่ไม่ต้องรอคิวจะมี SA เดินมารับแล้วพาเข้าห้องไปเลย คนเหล่านั้นล้วนเป็นเซเลปที่ติดใจการบริการที่ดี การได้รับข้อมูลที่เอ็กซ์คลูซีฟโดยตรง การได้เลือกซื้อสินค้าก่อนใคร ก่อนที่จะวางขายหน้าร้านไปอี๊ก  แถมยังได้รับคำแนะนำที่ดี ครบถ้วน ซึ่งการบริการแบบ VVIP ก็ใช่ว่าจะเป็นกันง่าย ต้องมียอดซื้อจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยอมที่จะซื้อสินค้าราสูงเพื่อสะสมแต้มตรงนี้มาเรื่อยๆ เพราะอยากได้บริการที่ดี อยากได้ความสบายใจ อยากเสพความเป็น VVIP

 

 

หรือจะหันไปดูบริการพวกโรงแรมก็ได้นะฮะ หลายคนเลยยอมจ่ายเพื่อที่จะใด้รับบริการชั้นเลิศ ชนิดที่ว่าแค่พนักงานเห็นชื่อคนจองโรงแรมก็จะจำได้ทันทีว่าคุณชอบกินอะไร ชอบชาหรือกาแฟ ชอบให้แช่ไวน์รอตั้งแต่ยังไม่เช็คอิน ชอบให้เตรียมเทียนหอมกลิ่นไหนไว้ในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าคนเหล่านี้พร้อมจ่ายเพื่อให้การพักผ่อนของพวกเขาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และได้รับบริการที่ดีที่สุด 

 

• การลงทุน
  

 

ประเด็นนี้ตัดไม่ได้เลยจ้า เพราะหลายต่อหลายคน ไม่ใช่แค่เซเลป ดาราเท่านั้นนะ แต่จะมีคนที่ยอมจ่าย แย่งชิงมาก่อน แล้วเก็บไว้ขายต่อ ก็คือ ซื้อมาเน้นเก็บไว้เก็งกำไร เปย์เป้เองก็มีเพื่อนที่ซื้อนาฬิกาแบรนด์ดังมาแต่ไม่เคยใส่ ไม่เคยแม้แต่จะไปตัดสายให้พอดีกับข้อมือ พอเราถามไปเพื่อนก็บอกว่าเอาไว้ขายเกร็งกำไร เพราะแบรนด์นี้ราคาขึ้นทุกปี  ใช่แล้วค้า ! สินค้าแบรนด์ Luxury หลายๆ อย่างราคาขึ้นทุกปีจริงๆ สามารถซื้อเก็บเก็งกำไรได้พอๆ กับทองคำเลย บางคนยอมควักเงินเก็บเพื่อไปซื้อกระเป๋า Hermes ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ถือ นั่นเพราะแนวโน้มที่จะได้กำไรมันสูงกว่าการได้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารซะอีก

 

ขอบคุณรูปจาก เพจตัวแม่

 

• การตลาดที่ใช้ ตัวแม่คนดัง มาป้ายยา
  

 

อันนี้คือการตลาดที่ตก FC ได้เยอะอยู่นะ ยิ่งถ้าแบรนด์ไหนเลือกเหล่าคนดารา นักร้อง ศิลปิน ที่ดังเป็นพลุแตกมีฐานแฟนคลับแน่น นี่คือรับรองเลยว่ายอดขายคือถล่มแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ลิซ่า Black pink ของเรา ลูกรักของแบรนด์ Celine ข้อมูล บอกไว้ว่า หลังจากที่แบรนด์ Celine เซ็นสัญญามอบหมายให้ "ลิซ่า Blackpink" เป็น Global Ambassador ของแบรนด์ในปี 2020 มูลค่าของแบรนด์หรูนี้ก็เพิ่มขึ้น 118% เป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2021 และกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีการเติบโตรวดเร็วมากที่สุดในเครือ LVMH เป็นตัวสร้างยอดขายมหาศาลให้แบรนด์แม้ในช่วงวิกฤตแบบนี้จ้า

 

    

มีคำพูดประโยคนึงที่ Oscar de la Renta ดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งยุค 60s เจ้าของแบรนด์ Oscar de la Renta พูดถึงการซื้อสินค้าLuxury เอาไว้ว่า

“LUXURY TO ME IS NOT ABOUT BUYING EXPENSIVE THINGS

IT’S ABOUT LIVING IN A WAY WHERE YOU APPRECIATE THINGS.”

ความหรูหราไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อของแพง แต่เป็นการใช้ชีวิตเพื่อชื่นชมคุณค่าของสิ่งต่างๆ 

 

และยังมีบทความอีกบทความหนึ่งบอกไว้ประมาณว่า นอกจากให้ความมั่นใจแล้วสินค้าหรูหรายังให้เราดื่มด่ำกับ “ความสำเร็จ” ตรงนี้เขาได้ยกตัวอย่างเป็นการซื้อนาฬิกา ROLEX ให้เป็นของขวัญในวาระต่างๆ เขาบอกไว้ว่า ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อเพราะต้องการใช้ดูเวลากันจริงๆ แต่ซื้อเพียงเพราะ Rolex เหมือนเป็นตัวแทนแห่งการประสบความสำเร็จเสียมากกว่า ตรงนี้มีงานวิจัยหนึ่งจาก Caltech สรุปการทดลองไว้ว่า ของแพงจะทำให้มีความสุขและดื่มด่ำกับประสบการณ์มากกว่า

 

 

ก็เรียกได้ว่าการที่สินค้า Luxury ยอดขายยังแน่นแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่นั้นก็มาจากทั้ง จิตวิทยา การตลาด และความรักต่อแบรนด์ แต่เราก็มองข้ามเรื่องของ ความปราณีต ของตัวสินค้าไม่ได้ต้องยอมรับว่ายิ่งสินค้าหลายตัวเลยที่ทำด้วยมือ ตรงนี้ช่วยสร้างคุณค่าและคุณภาพให้กับตัวสินค้า ให้อยู่คงทนทั้งตัวสินค้าและชื่อเสียงของแบรนด์ แถมยังมีบริการซ่อมให้ตลอดอายุการใช้งานด้วยนะ  

 

📌แหล่งข้อมูลอ้างอิง >>> ตัวแม่ , positioning , missiontothemoon

 

---

สินค้า Luxury แม้กลุ่มลูกค้าจะน้อย แต่ยอดโตขึ้นเสมอ
🖤