เทียนหอม Bath & Body Works มีดีอะไร ? ทำไมถึงกวาดรายได้แซงหน้าผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ถึง 40 ไตรมาส
โดย : waranggg
เทียนหอมของ Bath & Body Works
คือ ไอเทมที่สร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้อย่างต่อเนื่องสูงสุดถึง 40 ไตรมาส !
นี่คือข้อมูลที่ไม่เกินจริงจากบทความของ The Washington Post ที่ได้เปิดเผยว่าเทียนหอมคือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Bath & Body Works ที่สามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้สูงที่สุดผลิตภัณฑ์หนึ่ง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในช่วงที่โควิดระบาดแรกๆ เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา สถานการณ์ต่างๆ ได้บีบบังคับให้เราต้องอยู่แต่ในบ้านอย่างช่วยไม่ได้ เศรษฐกิจก็ซบเซา แต่เชื่อหรือไม่ว่า 'เทียนหอม' กลับพา Bath & Body Works เฉิดฉายได้ท่ามกลางแบรนด์อื่นๆ ที่ต่างล้มหายตายจากด้วยพิษของโควิด
และจากการสำรวจของ The Washington Post ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้ที่ชื่นชอบในแบรนด์ Bath & Body Works ก็พบว่ากลยุทธ์อันแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ไม่มีใครเหมือน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมที่หลากหลาย คุณภาพของสินค้าที่เหมาะสมกับราคา และการใช้โปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าอยู่เสมอ เป็นเหมือนแม่เหล็กตัวบิ๊กเบิ้มที่ดูดเงินในกระเป๋าของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
"ลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้านของเราจะไม่ต้องจมอยู่กับความคลุมเคลือว่าต้องการอะไร
เพราะทุกคนมีเป้าหมายชัดเจนว่าอยากซื้ออะไร "
- Nick Coe ผู้บริหาร Bath & Body Works -
ซึ่งนั่นก็คือจุดแข็งของแบรนด์ Bath & Body Works ที่ ใครก็ยากจะเลียนแบบ
ทำไมต้องเทียนหอมของ Bath & Body Works ?
| เพราะว่ากลิ่นหอมๆ มักจะชวนให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ
นอกจากเทียนหอมจะช่วยทำให้เราผ่อนคลายจากความเครียดได้ดีแล้ว ยังทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์ในวันวานได้อีกด้วย ลองสังเกตกันดูว่าเวลาที่เราได้กลิ่นอะไรก็ตาม มันจะชวนให้เรานึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ถ้าหากว่าเราได้กลิ่นที่สามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีต ภาพความทรงจำเหล่านั้นก็จะชัดเจนขึ้น
ยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุด อย่าง กลิ่นน้ำหอมของแฟนเก่า ถ้าหากว่าเราบังเอิญได้กลิ่นน้ำหอมที่เป็นกลิ่นโปรดของแฟนเก่า ภาพความทรงจำในวันดีๆ ก็จะหลั่งไหลย้อนกลับมาในแบบที่ไม่ต้องเสียเวลาเค้นภาพในหัวให้มากความ (อย่าเพิ่งร้อง เราแค่ยกตัวอย่าง!)
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เรามองว่า Bath & Body Works ทำการบ้านในเรื่องกลิ่นได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องการพัฒนาสินค้าเองหรือการทดลองนำมาทำการตลาดก็ตาม แรกเร่ิมสาวก Bath & Body Works บางคนก็เร่ิมต้นจากการตกหลุมพรางกลิ่นหอมๆ จากเจลอาบน้ำ ครีมทาผิว บอดี้โลชั่น หรือน้ำหอมมิสต์กันมาก่อน เมื่อร่างกายของเรามีกลิ่นหอมติดตัวแล้ว ก็ไม่แปลกที่เราอยากจะให้พื้นที่ส่วนตัวของเราอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมๆ ที่เราชื่นชอบด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น Bath & Body Works จึงตอบโจทย์มาก เพราะว่าในหนึ่งกลิ่นของมันสามารถแตกไลน์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หอมๆ ได้ครบทั้งหมด เรียกได้ว่าถ้าสามารถตกคนด้วยกลิ่นหอมจากผลิตภัณฑ์หนึ่งแล้ว มีโอกาสสูงมากที่คนๆ นั้นจะซื้อผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ที่เป็นกลิ่นเดียวกันเพิ่มได้อย่างง่ายดาย
โดยปัจจุบัน Bath & Body Works แบ่งประเภทกลิ่นของผลิตภัณฑ์หลักๆ ได้ตามนี้เลย
- Fruit กลิ่นผลไม้
- Floral กลิ่นดอกไม้
- Exotic กลิ่นแปลกใหม่ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและหนักแน่น
- Citrus กลิ่นของพืชตระกูลส้ม
- Fresh กลิ่นสดชื่น
- Gourmand กลิ่นโทนขนมหวานๆ
- Warm กลิ่นโทนอบอุ่น
- Woods กลิ่นไม้ซีดาร์หรือไม้จันทน์หอม
ถ้าถามว่ากลิ่นไหนที่ขายดีที่สุด ก็ต้องยกให้กลิ่น Japanese Cherry Blossom กลิ่นยอดฮิตที่กวาดรายได้ให้กับแบรนด์ได้มากที่สุด สำหรับไลน์เทียนหอมเอง กลิ่นนี้ก็ขึ้นแท่นเป็น Best Seller ด้วยเช่นกัน
สำหรับ Japanese Cherry Blossom กลิ่นนี้ ได้ถูกเปิดตัวและวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2006 เป็นกลิ่นแนวฟรุ๊ตตี้-ฟลอรัล เปิดด้วยกลิ่นหอมๆ ของซากุระญี่ปุ่น ตามมาด้วยกลิ่นหอมหวานของลูกแพร์ และปิดท้ายด้วยกลิ่นอบอุ่นของ Sandalwood กลิ่นหอมลงตัว มีความหวานซ่อนเปรี้ยวเล็กๆ และเทียนหอมกลิ่นนี้หลายคนต่างลงเสียงว่าเป็นกลิ่นที่เหมาะกับการจุดเพื่อสร้างความโรแมนติกในระหว่างการเดทมากที่สุดด้วย
| เพราะคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล
นอกจากกลิ่นที่มีความหลากหลายแล้ว เทียนหอมของ Bath & Body Works ยังเป็นเทียนหอมที่เต็มไปด้วยคุณภาพแน่นๆ มาในราคาจับต้องได้ พูดง่ายๆ ว่า คุณภาพและราคา มีความคุ้มค่า สมเหตุสมผล ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เทียนหอมของ Bath & Body Works ยังคงสามารถตกคนเข้าแฟนด้อมเทียนหอมได้อยู่เรื่อยๆ
โดยเทียนหอมของ Bath & Body Works เป็น เทียนหอมแบบ Soy-Based หรือเทียนหอมที่ทำมาจากไขถั่วเหลือง นอกจากนี้ไส้ของเทียนยังไม่มีส่วนผสมของสารตะกั่ว เราจึงมั่นใจได้เปราะหนึ่งว่าเทียนหอมแบรนด์นี้จะถูกเผาไหม้อย่างสะอาด เขม่าควันน้อย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างในอากาศ ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
สำหรับราคาเทียนหอมของ Bath & Body Works เริ่มต้นเพียงหลักร้อยเท่านั้น มีให้เลือกด้วยกัน 2 ไซซ์ คือ ไซซ์เล็ก ขนาด 1 ไส้เทียน เหมาะสำหรับคนที่ชอบทดลองกลิ่นใหม่ๆ หรือคนขี้เบื่อและไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องแพ็กเกจมากนัก เพราะไซซ์นี้จะมาในโหลแก้วและมีสติกเกอร์แปะชื่อกลิ่นเท่านั้น ไม่ได้มีการออกแบบลวดลายมากเท่าไหร่ โดยราคาปกติจะอยู่ที่ 750 - 800 บาท (ราคาแล้วแต่กลิ่น แต่ไม่ถึงพันแน่นอน)
ถ้าหากว่าใครที่อยากได้เทียนหอมคุณภาพดี มาในแพ็กเกจที่มีดีไซน์สวยงาม Bath & Body Works ก็มีเช่นกัน สำหรับ เทียนหอม ขนาด 3 ไส้เทียน เป็นเทียนหอมไซซ์ใหญ่ที่มีโหลใส่เทียนสวย น่าเก็บสะสม เหมาะกับการให้เป็นของขวัญ และยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้กลิ่นหอมฟุ้งกระจายทั่วห้อง เพราะมีไส้เทียนมากถึง 3 ไส้ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการกระจายกลิ่นหอมๆ ได้ดี สามารถจุดได้นานถึง 45 ชั่วโมง มาในราคา 1,450 - 1,500 บาท หากคิดเฉลี่ยแล้ว ถ้าเราจุดเทียนหอมขนาด 3 ไส้เทียน ที่จุดได้นานสูงสุด 45 ชั่วโมง หารเฉลี่ยแล้วตกชั่วโมงละ 32.2 บาทเท่านั้นเอง
อันนี้แถมเพิ่มให้อีกนิด ถ้าหากว่าใครที่เป็นสาวก Bath & Body Works ตัวจริงเสียงจริง เคยสังเกตกันมั้ยว่าบนแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ของเทียนหอมบางกลิ่นจะมีคำว่า 'White Barn' อยู่ด้วย แล้วคำนี้คืออะไรมีที่มายังไง แตกต่างจากเทียนหอมปกติตรงไหน ปันโปรจะพาไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน
White Barn แบรนด์ลูกในเครือเดียวกัน
แหล่งรวม Home Fragrance ระดับ Gorgeous
ภาพหน้าร้าน White Barn ภาพจาก The Garden Mall
ถ้า Bath & Body Works คือแบรนด์เครื่องหอมสำหรับประทินผิว
White Barn ก็คือแบรนด์เครื่องหอมสำหรับบ้านโดยเฉพาะ
White Barn คืออีกหนึ่งแบรนด์ในเครือของ L Brands (อดีตบริษัทแม่ของ Bath & Body Works) เปิดตัวครั้งแรกในปี 1998 เป็นแบรนด์ที่เน้นขายเครื่องหอม หรือน้ำหอมสำหรับใช้งานในบ้านโดยเฉพาะ ในปัจจุบันนี้ไม่มีหน้าร้านหลงเหลือให้เห็นแล้ว แต่ถูกรวบเข้ามาเป็นหนึ่งในคอลเลกชันที่เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องหอมสำหรับใช้งานในบ้าน ภายใต้ชื่อแบรนด์ Bath & Body Works แทน
ความแตกต่างของเทียนหอมจากคอลเลกชันของ White Barn จะแตกต่างจากเทียนหอมธรรมดาตรงที่ เทียนหอมจะมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย ทำให้ได้กลิ่นหอมๆ ชัดขึ้นและฟุ้งทั่วห้อง ที่สำคัญ คือ ดีไซน์ของโหลเทียนหอม White Barn ให้ความรู้สึกหรูหรา มีหลากหลายสีสันให้เลือก จับไปวางตรงไหนก็สวย เข้ากับห้องทุกสไตล์
นอกจากเทียนหอมแล้ว White Barn ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วย เช่น สบู่เหลวล้างมือ, น้ำหอม Wall Flower, น้ำหอมสำหรับฉีดในห้อง, นำ้หอมสำหรับรถยนต์ รวมไปถึงอุปกรณ์สำหรับตกแต่งเทียนหอมด้วย ถ้าหากจะหาของขวัญซักชิ้น เทียนหอม White Barn จาก Bath & Body Works ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
ตกทาสรักเทียนหอมกันอย่างต่อเนื่อง !
Bath & Body Works กับการก่อตั้ง Candle Day
นอกจากเทียนหอมจะเป็นสินค้าที่ขายดีเทน้ำเทท่าแล้ว Bath & Body Works ยังเป็นตัวตั้งตัวตีในการก่อตั้ง วันเทียนหอม หรือ Candle Day อีกด้วย ซึ่งวันเทียนหอมนี้ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2013 โดย Candle Day จะตรงกับวันเสาร์แรกในเดือนธันวาคมของทุกปี หรือช่วงสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส สำหรับปี 2022 นี้ คาดเดากันว่า น่าจะตรงกับวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2022
ภาพตัวอย่างเทียนหอมที่จัดโปรโมชั่นในวัน Candle Day
ภาพจาก www.tasteofhome.com
โดยความพิเศษของวัน Candle Day นี้ก็คือ Bath & Body Works จะจัดโปรโมชันลดราคาเทียนหอมขนาด 3 ไส้เทียน ทุกกลิ่น แถมยังลดมากถึง 60% จากราคาปกติจะอยู่ที่ $25 ก็จะลดเหลือเพียง $9.50 - $10.5 เท่านั้น หน้าร้านบางสาขาถึงกับต้องขยายเวลาเปิด-ปิด เพื่อให้ลูกค้าได้เดินเลือกดมกลิ่นและดื่มด่ำกับเทียนหอมได้อย่างเต็มที่ จนกว่าจะเจอกลิ่นที่ใช่ เรียกได้ว่าเป็นวันลดราคาเทียนหอมครั้งใหญ่แห่งปี และเป็นวันที่เหล่าสาวกเทียนหอมตั้งตารอ เพราะนี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมกับตุนเทียนหอมกลิ่นโปรดเป็นที่สุด !
ถ้าจะบอกว่าวิกฤตโควิดทำให้เทียนหอมของ Bath & Body Works กลายเป็นไอเทมฮิตก็ไม่ผิด แต่ที่มากไปกว่านั้นคือกลิ่นหอมๆ ที่หลากหลาย ไหนจะคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เทียนหอมของ Bath & Body Works ขึ้นแท่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้กับแบรนด์ได้เช่นกัน ทางเราต้องขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า อย่าได้เดินหลงเข้าไปในโซนเทียนหอมเลยเชียว เพราะเดี๋ยวจะเสียเงินแบบไม่รู้ตัว ! แต่ถ้าอยากลองเราก็จะไม่ห้าม เพราะทุกคนจะได้พบกับเทียนหอมที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน~
🦋 บทความที่เกี่ยวข้อง
- เปิดประวัติ ! Bath & Body Works แบรนด์ดังจากอเมริกาที่ชวนเราเสียเงินได้ง่ายๆ ด้วยกลิ่นหอมกว่า 100 กลิ่น
- 8 เทียนหอมกลิ่นฟลอรัล จาก Bath & Body Works ตัวแทนจากหมู่มวลดอกไม้จะคลายความเครียดให้เอง !
ขอบคุณข้อมูลจาก : washingtonpost.com, prnewswire.com, candles.lovetoknow.com, nationaltoday.com
โดย waranggg
thaitealism