เกาะเต่า ' is calling ' น้ำก็ใส ปะการังก็สวย แหวกว่ายไปกับฝูงปลา ปล่อยใจไปกับทะเล
โดย : Ying
‘ เกาะเต่า ’ สวรรค์ของนักดำน้ำ
ช่วงสงกรานต์น่าจะเป็นช่วงวันหยุดที่ยาวมากๆ ยาวพอที่จะได้พักกาย พักใจ ชาร์จพลังจากการทำงานอย่างหนักหน่วงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเราเองก็ได้หาทริปออกไปท่องโลก พักผ่อนกายใจเช่นกัน ครั้งนี้เรากับเพื่อนๆ เห็นตรงกันว่าอยากไปเรียนดำน้ำ ไปรับแดด รับลม เที่ยวเล่นที่ เกาะเต่า กันสำหรับ เกาะเต่า คือ เกาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ก็สามารถขึ้นเรือที่ท่าเรือจังหวัดชุมพรได้แถมเร็วกว่าด้วย เกาะนี้เป็นเกาะที่เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ ปลาเยอะมาก น้ำใส ปะการังก็สวย แถมมีน้องเต่า และน้องฉลามวาฬ ด้วย (นักท่องเที่ยวหลายคนได้เจอน้องจริงๆ) และเจอกันเกือบทุกวันเลยจ้า
เกาะเต่า ที่ใครๆ ก็หลงรัก ❤️
เนื่องจากยังเช้าอยู่ เราเลยเลือกนั่งชั้น 3 รับลม มองวิวทะเล 360 องศาไปเลย
เรือเฟอร์รี่เกาะเต่า
คณะของเราเดินทางโดยใช้วิธีขับรถกันมาเอง ซึ่งที่ท่าเรือก็จะมีลานจอดที่รับฝากรถราคาเริ่มต้นที่ 50 บาท พื้นที่กว้างขวางหมดกังวลสำหรับคนที่ขับรถมาเอง พอจอดรถเสร็จพวกเราก็ลงไปเช็คอินที่ท่าเรือ และลงทะเบียนเข้าเกาะเต่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้ตั๋วเรือพร้อมสติ๊กเกอร์ยืนยันให้ติดที่เสื้อ ต้องบอกว่าคนเยอะมากๆ ทุกคนล้วนมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ฉะนั้น ขอแนะนำให้จองเรือมาล่วงหน้านะ พวกเราจองมากับเรือลมพระยา สำหรับเรือลมพระยานั้นเป็นเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ วันที่เราไปจะมีเรือออกจากท่าเรือที่ชุมพร 2 รอบ คือ
- รอบ 07.00 น.
- รอบ 13.00 น.
เรือเฟอร์รี่ที่เราโดยสารมาจะมีที่นั่งให้ผู้โดยสารนั่งทั้งหมด 3 ชั้น โดยเราใช้เวลานั่งเรือประมาณ 2 ชั่วโมงก็มาถึงเกาะเต่า แต่สำหรับใครที่ไม่มีรถหรือไม่อยากขับรถมาเองก็ไม่ต้องกังวล เพราะบริษัทเขามีบริการรับส่งหลายรูปแบบ ทั้งจากสนามบิน สถานีรถไฟ หรือจากกรุงเทพฯ เลยก็มีนะ สามารถเข้าไปชมโปรแกรมต่างๆ ได้ที่ 🚢 เรือลมพระยา
น้ำใสแจ๋ว แม้กระทั่งตรงท่าเรือ
ระหว่างรอรถของรีสอร์ทมารับ คนเยอะมากกก
เกาะเต่าสุดคึกคัก
ด้วยความที่มาถึงเกาะเต่าก่อนเวลาเข้าที่พัก เลยถือโอกาสไปเดินดูตามหาดอื่นๆ ของเกาะที่ไม่ไกลจากที่พักของเรามาก อ่าวแต่ละอ่าวของเกาะเต่านั้นลึกตื้นต่างกันไป บางที่มีชายหาดให้ลงไปเดินได้ แต่บางที่ก็ไม่มี เราลงมาดื่มกาแฟที่หาดหน้าโรงเรียนที่สอนดำน้ำ หาดนี้ค่อนข้างจะคึกคักมีคนทำกิจกรรมเยอะทั้งพายเรือคายัค ,ซับบอร์ด ,อาบแดด และถ่ายรูปอยู่กันเต็มไปหมด อีกทั้งยังเต็มไปด้วยร้านอาหารริมหาดบรรยากาศดี ลมดี นั่งเล่นกันได้เพลินๆ
น้ำใส ไม่แพ้ที่ใดเลยจ้า
เกาะแห่งกิจกรรมที่แท้ทรู
น้องชื่อมาเฟีย สงสัยมากว่าน้องจ้องอะไร ลองเดินมาใกล้ๆ ก็ยังไม่รู้ว่าน้องจ้องอะไร
ห้องพักเกาะเต่า เห็นวิวริมทะเลแบบจริงใจ
และแล้วก็ถึงเวลาเข้าที่พัก ด้วยความที่อยากได้ห้องที่เห็นวิวทะเลจากระเบียงแบบไม่มีอะไรมาบัง เราจึงจองที่พักของ Taatoh Seaview Resort รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่บริเวณ Shark Bay เป็นที่พักที่ตื่นมาก็ลงบันไดเดินทะเลได้เลยจ้า และยังสามารถเช่าเรือคายัคไปพายเล่นได้ด้วย หรือจะดำน้ำดูปลาเล็กปลาน้อยหน้าที่พักก็สะดวกมาก แถมห้องเรายังเห็นพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้อีก สวยมากแม่
ก็เดินลงน้ำไปเลยสิคะ น้ำใสๆ เห็นตัวปลา
ตอนเช้าๆ ตื่นขึ้นมาพร้อมวิวสวยๆ หน้าห้องพักเลยจ้า
🏠 >>> Taatoh Seaview Resort
ดำน้ำ กิจกรรมที่ทุกคนต้องทำ!
มาถึงจุดประสงค์หลักในทริปนี้ของเรา คือ เรียนดำน้ำ เหตุผลที่ใครๆ ต่างก็เลือกเรียนดำน้ำที่เกาะเต่านั้นก็เพราะว่า ที่นี้มีปะการังสวย น้ำใส ปลาก็เยอะ และยังมีนักดำน้ำเจอเต่า และฉลามวาฬบ่อยๆ อีกด้วย พวกเราเลือกลงเรียนแบบ Freedive Level 1 คือ ดำน้ำแบบไม่ใส่ถังอากาศที่ความลึก 10 - 16 เมตร จะใช้อุปกรณ์ในการดำน้ำหลักๆ เพียงแค่
- Fin
- หน้ากาก
- ท่อสน็อกเกิ้ล
โรงเรียนที่เราเลือกเรียนกันนั้น คือ BigBubble Diving ที่นี่การันตีว่า “ ครูผู้ฝึกสอนมากด้วยประสบการณ์ด้านการดำน้ำ และเป็นผู้ฝึกสอนที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานองค์กรดำน้ำสากลของ PADI ” พอมาเรียนจริงคุณครูของเราก็สอนสบายๆ เข้าใจง่าย ไม่รู้สึกว่ากดดัน อีกทั้งยังปล่อยมุขเฮฮาสร้างบรรยากาศที่ดีกับการเรียนไปอี๊กก ครั้งนี้เราเรียนกัน 3 วัน สำหรับเนื้อหาที่เราจะได้เรียนนั้น ก็จะมี
- เรียนรู้อุปกรณ์
- การเตรียมอากาศ ฝึกกลั้นหายใจ
- การเคลียร์หู
- การฝึกว่าย เตะขา
- การมุดน้ำ (Duck Dive)
- การช่วยเหลือในทะเลรูปแบบต่างๆ
สนใจเรียนดำน้ำติดต่อที่ >>> BigBubble Diving บอกเลยว่ารับประกันความสนุก รูปสวยแน่นอน 💙
หรับการเรียน Freediving Level 1 เราจะแบ่งเรียนกัน 3 วัน วันแรกเริ่มเรียนช่วงบ่ายโมงเน้นไปที่ภาคทฤษฎี รู้จักอุปกรณ์ รวมไปถึงครูจะช่วยเตรียมอุปกรณ์ที่พอดีกับนักเรียนให้ด้วย (คือโรงเรียนมีอุปกรณ์ให้) วันที่ 2 และ 3 จะเรียนลักษณะเดียวกันคือเช้าเวลา 08.30 - 12.00 น. ลงสระ ช่วงบ่ายเวลา 13.00 - 17.00 น. ออกทะเล
ช่วงเวลาออกทะเล
สำหรับการออกทะเลแต่ละครั้งก็จะมีคณะอื่นๆ ไปกับเราด้วยทั้ง Freediving , Scuba Diving รวมไปถึงคนที่แค่มาดำน้ำเล่นๆ ข้อดีของการขนคนมาลงเรือลำเดียวกันคือ ได้นั่งฟังแต่ละกลุ่มคุยเรื่องการดำน้ำ นั่งดูแต่ละคนเตรียมอุปกรณ์ก็เพลินดี ได้ความรู้ด้วย พอถึงจุดลงน้ำทีม Scuba Diving ก็จะลงนำไปก่อนเลย สิ่งที่ประทับใจมากๆคือ ต่อให้ทีมไหนจะดำน้ำมาอย่างโชกโชนแล้ว แต่ทุกทีมก็ยังมีครู/ผู้เชี่ยวชาญตามลงไปดูแลด้วยเสมอ พร้อมทั้งตากล้องประจำทีมไปเก็บภาพให้ด้วยเรียกว่า บริการทุกระดับประทับใจ สุดๆ ไปเลยจ้า
น้ำใส และสีสวยมากกกกก โดยทีมแรกที่ลงกันก่อน คือ ทีม Scuba Diving ตามด้วย Freediving
ดำผุดดำว่ายอยู่สักพักค้นพบว่า ปะการังของเกาะเต่าสวยงามมาก ยิ่งลึกก็ยิ่งสวยงาม ก่อนจะลงน้ำครูทุกคนในเรือจะเตือนให้ระวังพวกปะการังมีพิษ และให้ระวังปลาบางตัวเขาจะหวงที่อย่าไปรบกวนเดี๋ยวจะโดนกัดเช่น ปลาวัว หากใครดำน้ำเจอขยะก็ให้เก็บขึ้นมาทิ้งด้านบนด้วย และที่สำคัญใครเจอกระเบน เจอเต่า เจอน้องจุด (ฉลามวาฬ) ให้เรียกครูและเพื่อนๆ ด้วย ระหว่างที่พวกเราดำน้ำเล่น ฝึกมุดน้ำ (Duck Dive) ก็มีทั้งปลา และปูหลากหลายตัวว่ายอยู่รอบๆ ตัวเรา สีสันน่ารักสดใส ซึ่งครูของทางโรงเรียนก็คอยเก็บภาพนักเรียน และคอยเก็บภาพโลกใต้น้ำไปพร้อมๆ กัน
หู้วววว สวยงาม ทั้งปลา และปะการัง แดดส่องลงมายิ่งสวย
หลังจากทั้งเรียน ทั้งเล่น ทั้งสอบ ดำผุดดำว่ายกันอยู่ 3 วัน ก็ถึงเวลาจบคอร์ส แล้ววันนั้นก็ไปตรงกับวันเกิดของเพื่อนในคอร์สเรียนพอดี ก็มีการรวมตัวกันมีปาร์ตี้เล็กๆ พอสนุกสนาน มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเทคนิคที่แต่ละคนใช้ในการสอบ รวมไปถึงแชร์สตอรี่ชีวิตระหว่างคุณครูกับนักเรียนด้วย พอมานั่งคุยกันแล้วเรื่องราวของแต่ละคนล้วนเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์และเต็มไปด้วยบทเรียน แง่คิด ที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของเราได้เหมือนกันนะ ถือว่าเป็นการโคจรมาพบกันและเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ เลย
เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
ท้ายนี้ขณะที่พวกเราดำลงไปใต้ทะเลได้เห็นสัตว์น้ำต่างๆ ได้เห็นปะการัง แม้จะไม่ได้เห็นน้องจุด (ฉลามวาฬ ) ก็ตาม แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าเนี่ยโลกเราสวยงามมากเลย การที่เราได้มาเห็นได้ชื่นชมความสวยงามนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี และก็จะดียิ่งกว่าถ้าเราช่วยกันรักษาตรงนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังๆ ได้ดู รักษาไว้ให้เต่า ให้ปลา ปะการังได้มีพื้นที่ปลอดภัย
🐠 🐡 🦀
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨