MizuMi สกินแคร์แบรนด์ไทย กับเบื้องหลังความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ปันโปร | Interview
โดย : น้องหลุมดำ
ปันโปร | Interview
พูดคุยกับ MizuMi สกินแคร์แบรนด์ไทย
เติบโตก้าวกระโดดด้วยการมอบความจริงใจให้กับลูกค้า
ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน แดดแรงมากต้องหาตัวช่วยครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว แต่เอาจริง ๆ กลับไม่มีแบรนด์สกินแคร์ไทยที่โดดเด่นด้านนี้ให้เรานึกถึงเลย จนกระทั่งมี ครีมกันแดด MizuMi เข้ามาในชีวิต! และในวันนี้เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ปันโปรได้มีโอกาสได้พบ คุณหนุย วริษฐา สืบพันธ์วงษ์ CEO, Founder ของ บริษัท Mizuhada Group เราจึงอยากรู้มาก ๆ ว่าในยุคที่คนให้ความสนใจสกินแคร์ต่างประเทศ ผลิตภัณฑ์ของ MizuMi ซึ่งเป็นแบรนด์คนไทยกลับเติบโตเร็วมากแบบก้าวกระโดด วันนี้เรามาฟังคุณหนุยเล่ากันหน่อยว่า MizuMi เป็นไง | มาไง กันบ้าง
คุณหนุย วริษฐา สืบพันธ์วงษ์ CEO, Founder ของ บริษัท Mizuhada Group
| จุดเริ่มต้นจากการเป็นคนผิวแพ้ง่าย
คุณหนุย : จุดเริ่มต้นของแบรนด์ มาจากการที่เราเป็นคนผิวแพ้ง่ายมาก เลยกลายเป็นปัญหาในการเลือกใช้สกินแคร์ พยายามเลี่ยงพวกสารที่อาจก่อความระคายเคือง สิ่งหนึ่งที่เราไม่ชอบเลยคือการทาครีมกันแดดที่ผิวหน้า เพราะหาที่ถูกใจยาก รู้สึกว่าถ้าไม่แพ้สารกันแดด ทำให้ผดเล็ก ๆ ขึ้น ก็ไม่ชอบเนื้อสัมผัสที่หนึบเหนียวหนักหน้า เลยกลายมาเป็น Pain Point ของตัวเอง ทำไมไม่เจอครีมกันแดดที่ถูกกับผิวเราซักที ถ้าเราออกแบบครีมกันแดดในฝันของตัวเองสักตัว เพื่อตอบโจทย์ผิวแพ้ง่ายอย่างเรา ไม่มีสารกันแดดกลุ่มเคมี (Chemical Sunscreen) ลดโอกาสการแพ้ลง และทำเนื้อให้เบาสบายเหมาะกับอากาศเมืองไทยก็คงดี ที่สำคัญเราต้องกล้าใช้เองทุกวันและสามารถแนะนำคนอื่นได้ ในวันนั้นเราคิดแค่นั้นจริง ๆ
| Business Idea เจ๋งแล้ว ลุยต่อทันที!
คุณหนุย : พอเรามีไอเดีย ก็มีปัญหาตามมา จะมีโรงงานไหนทำได้ไหม เพราะสูตรในใจค่อนข้างยาก มีข้อต้องห้ามเยอะ พอเรานำคอนเซปต์ไปเล่าให้เพื่อนที่ผิวแพ้ง่ายฟัง เขาก็สนใจกัน เพราะเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยังไม่ค่อยมีครีมกันแดดที่เป็น 100% Physical สำหรับทาหน้า ส่วนมากครีมกันแดดในท้องตลาดจะเป็นกลุ่ม Chemical ที่ใช้หลักการดูดซับรังสี UV แล้วปล่อยออกมาเป็นพลังงานความร้อน บางคนที่ผิว Sensitive มาก ๆ อาจจะรู้สึกร้อนผ่าว ๆ บนผิว แต่ถ้าเป็นกลุ่ม Physical จะใช้หลักการสะท้อนรังสี UV จากผิวออกไป ก็คือต่างกันที่หลักการทำงานตรงนี้
จากการเดินสายทำ Focus Group ว่า Product Concept นี้ดูน่าสนใจ เราก็เริ่มทำเป็นธุรกิจเล็ก ๆ และมีเพียงสินค้าตัวเดียวคือ ครีมกันแดด ฝาสีฟ้า UV WATER SERUM สูตรใช้ทุกวัน (ไม่กันน้ำ) เหมาะกับพนักงานออฟฟิศ หรือคนที่เหงื่อไม่เยอะ ตอนนั้น MizuMi เน้นใช้เวลาในการให้ความรู้คนว่า Physical กับ Chemical Sunscreen ต่างกันอย่างไร เพื่อสื่อสารความแตกต่างในตัวผลิตภัณฑ์กับสิ่งที่มีอยู่ในท้องตลาด หลังจากนั้นหนึ่งปี ครีมกันแดดสูตรกันน้ำ ฝาสีส้ม UV WATER DEFENSE ก็คลอดออกมา เพราะคนเรียกร้องอยากได้สูตรกันน้ำด้วย เหมาะกับคนที่มีเหงื่อมาก หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง
| MizuMi กับคอนเซปต์ที่ตอบโจทย์ผิวแพ้ง่าย
คุณหนุย : MizuMi คือ Skincare สำหรับผิวแพ้ง่าย ตอนนั้นไม่มีแบรนด์ไทยที่เจาะจงทำทำเพื่อคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์เมืองนอกที่เรารู้จักดี เราเริ่มด้วย “ครีมกันแดด” แล้วค่อยขยายไลน์ไปสู่สินค้าอื่นๆ คอนเซปต์หลักคืออ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย และผิวเป็นสิว ในราคาที่จับต้องง่าย ตั้งแต่ 300 - 1,000 บาท
คุณหนุย : ซิกเนเจอร์หลักของ MizuMi คือ “5-FREE” คือ ข้อกำหนดที่เรายึดมั่นเป็นพื้นฐานในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทุกตัวของ MizuMi เพื่อให้มั่นใจว่าอ่อนโยนเพียงพอ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้ผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ทุกผลิตภัณฑ์จะปราศจาก สารระคายเคืองผิว 5 ประการ คือ น้ำหอม, น้ำมัน, พาราเบน, แอลกอฮอล์ และสีสังเคราะห์ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ของ MizuMi ทุกตัวได้ผ่านการทดสอบการแพ้ระคายเคืองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังด้วย
| ความหมายของ MizuMi
คุณหนุย : Mizu แปลว่าน้ำ Mi แปลว่าความงาม รวมกันก็คือ ความงามที่มาจากน้ำ ในตอนนั้นเราอยากได้แบรนด์ที่สื่อถึงความอ่อนโยน และ “น้ำ” คือ Element ที่ดีที่สุดที่สะท้อนถึงความอ่อนโยน และยังโยงไปได้ถึงผิวสุขภาพดี กล่าวคือผิวที่อิ่มน้ำ ตอนนั้นอยากให้ชื่อดูมีความเป็นญี่ปุ่นเพราะเรื่องราวของแบรนด์ส่วนใหญ่มีความเป็นญี่ปุ่นเป็นส่วนประกอบ
| การเปลี่ยนแปลงแบรนด์ MizuMi จาก Niche สู่ Mass
คุณหนุย : ปี 2020 นี้ MizuMi เข้าปีที่ 6 แล้ว เราเติบโตค่อนข้างเร็ว ความรู้สึกเมื่อวันวานยังอยู่นะ ที่คนซื้อแค่ไม่กี่คน มีแค่ช่องทางออนไลน์ ตอนนี้ฐานลูกค้ากว้างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น คือแบรนด์เรากลายเป็น Unisex ที่ใครก็ใช้ได้ ทั้งชาย หญิง ในช่วงหลังลูกค้าเริ่มเด็กลงเรื่อย ๆ เพราะเราเริ่มมีสินค้ากลุ่มสิว บอกได้เลยว่าลูกค้าของเรามีตั้งแต่วัยรุ่นระดับมัธยมต้น ไปจนถึงคนอายุสี่สิบกว่าเลยค่ะ
| MizuMi คือแบรนด์ไทย ที่คนไทยยอมรับ คนไทยกล้าใช้
คุณหนุย : คนมักเข้าใจผิดว่า MizuMi เป็นแบรนด์ญี่ปุ่น ซึ่งเราย้ำกับสื่อเสมอว่าเป็นแบรนด์ไทย เพียง Story ของ MizuMi นั้น 95% เกี่ยวกับญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Package, สูตร, Raw Material, โรงงานผลิต ซึ่งตัวครีมกันแดดนี้ต้องไปขึ้นสูตรที่ญี่ปุ่น ใช้ know-how ของแล๊บญี่ปุ่นทำให้ ซึ่งทางญี่ปุ่นก็อยากทำเพราะเขารู้สึกว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย สุดท้ายกว่าจะออกผลิตภัณฑ์ได้ ก็พัฒนาสูตรนานร่วมปี
| ก้าวสำคัญของ MizuMi
คุณหนุย : เมื่อเข้าเดือนที่สี่ MizuMi ก็เริ่มเข้าไปขายในร้าน modern trade เช่น BEAUTRIUM, EVEANDBOY และตอนนั้นตั้งเป้าในใจว่าสร้างแบรนด์สักสองปีจะลองเสนอเข้า Watsons กลายเป็นว่าพอขายได้ 8 เดือน Watsons ก็ติดต่อมา จากจุดนี้เราเลยโตแบบก้าวกระโดด ในตอนนั้นมีผลิตภัณฑ์แค่สองตัวคือ “ครีมกันแดดสีฟ้า UV WATER SERUM และ สีส้ม UV WATER DEFENSE” ทีมตื่นเต้นมากเพราะไม่เคยต้องทำอะไรสเกลใหญ่ ต้องมีการระดมทุนรอบใหม่ เพื่อจัดหาสต็อกสินค้าให้เพียงพอที่วัตสันต้องการ ตั้งงบในการทำการตลาด และงบใช้จ่ายอื่น ๆ ให้เพียงพอ เริ่มแรก Watsons ให้เราทดลองลงแค่ 200 สาขา ผลตอบรับคือขายดีมาก ภายในอาทิตย์เดียว ทาง Watsons เพิ่มสาขาให้เป็นเกือบ 400 สาขา และปัจจุบันเรามีจำหน่ายในทุกสาขาของวัตสันแล้ว
| MizuMi คือ Serious Player
คุณหนุย : ในช่วง 2 ปีแรก MizuMi เน้นทำการตลาดแค่ออนไลน์ เนื่องจากเราไม่ได้มีเงินทุนก้อนโต ทุกอย่างเริ่มจากเงินทุนเพียงเล็กน้อยของพาร์ทเนอร์แต่ละคน สมัยนั้นพยายามประหยัดทุกอย่าง หาช่องทางการตลาดที่จ่ายน้อยแต่ได้มาก ก็เน้นการตลาดผ่าน Social Media ส่งของให้บล็อกเกอร์ทดลองใช้ ออกบูทตามตึกออฟฟิส ซึ่งเราไปยืนขายกันเอง หลังจากนั้นร่วม 2 ปีกว่า ถึงจะตัดสินใจจ้างพนักงานคนแรก และเมื่อเข้าปีที่ 3 MizuMi ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ก็ยังมีคนคิดว่า MizuMi เป็นแบรนด์กระแสอยู่ในโลกออนไลน์ จุดนี้เราเลยคิดว่า มันคงถึงเวลาที่เราต้องทำ Branding ให้ชัดเจนว่า MizuMi คือ Serious Player นะ ถึงแม้เราจะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ เลยตัดสินใจลองทำ TVC ตอนนั้นเราเลือกนางแบบชื่อ จุน วู (Jun Vu) เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังของเวียดนาม เพราะหน้าตาน้องดูโดดเด่น มีความเป็นอาเซียน ที่เดายากว่าชาติไหน คือไม่ไทยจ๋า ไม่จีนจ๋า มีความเป็นอินเตอร์
คุณหนุย : หลังจากออก TVC เราก็ได้ Positive Feedback มาเยอะ แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้น พอเข้าปีที่ 4 เราก็พร้อมที่จะจ้างพรีเซนเตอร์แล้ว และคนที่เราเลือกก็คือ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” เนื่องจากใบเฟิร์น มีคาแร็กเตอร์ตรงตามแบรนด์ คือร่าเริงสดใส เชื่อมั่นในตัวเอง ติดตลกหน่อย ๆ และใบเฟิร์นเป็นดาราไทยที่เพื่อนบ้านเรารู้จักกันเยอะ เลยเผื่อมีโอกาสที่จะได้ไปโตที่ต่างประเทศไว้ด้วย
| เรื่อง (ลับ) ที่ไม่เคยบอกคนอื่น
คุณหนุย : เราเป็นแอดมินเพจมา 5 ปีกับพาร์ทเนอร์อีกคนหนึ่ง ใครที่สอบถามเข้ามาในเพจช่วงห้าปีที่แล้ว คนตอบก็เรานี่แหละ (หัวเราะ) เราคิดแคปชั่นเองและลงภาพเองทั้งหมด โพสต์ไปเลี้ยงลูกไป นั่งสังเกตวัยรุ่นว่าเขาพูดยังไง เขียนยังไงให้เข้าใจง่าย โดนใจลูกค้า เราไม่เคยจ้าง Agency ทำให้ เพราะไม่อยากให้เพจดูเป็นหุ่นยนต์ ดู Brand Talk เราอ่านทุกคอมเมนต์ของลูกค้า เขาถามมา 4-5 ทุ่มเราก็พยายามตอบ ถึงจะเหนื่อยและดูตลกที่เรามาทำงานพวกนี้เอง แต่มันเป็นรางวัลที่ดีมากนะ คือเราได้ใกล้ชิดลูกค้า ได้อ่านทั้งคำชมและคำติ เรารู้สึกว่าได้ให้ความใส่ใจกับเขาได้เต็มที่ เขาคิดยังไงกับแบรนด์ ใช้แล้วบอกต่อไหม อยากได้ผลิตภัณฑ์อะไรต่อจากนี้ ไอเดียการออกสินค้าต่าง ๆ ก็มาจากการคุยกับลูกค้าในเพจนี่แหละค่ะ
| การทำ Branding ที่เน้นเรื่องความจริงใจ และใส่ใจลูกค้า
คุณหนุย : ความตั้งใจของแบรนด์ MizuMi คือต้องมีความจริงใจกับผู้บริโภค อะไรที่ทำได้หรือไม่ได้ ก็แจ้งตามตรง อย่างครีมกันแดดหลอดฟ้า เป็นสูตรไม่กันน้ำ เราก็บอกลูกค้าตามตรงเลย ตั้งแต่สินค้าออกสู่ตลาดใหม่ ๆ ว่ารุ่นนี้ไม่กันน้ำนะ เอาไปทาลงน้ำไม่ได้ ทาแล้วถ้าเหงื่อออกจะเป็นคราบนะ คือเราอยากเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเชื่อใจ และพร้อมที่จะแนะนำแบรนด์อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าคนนั้น ๆ MizuMi ไม่อยากสร้างฝัน แต่อยากสื่อสารความจริงเท่าที่ทำได้ให้กับผู้บริโภค คนที่เคยได้ลองใช้ของเรา หรือเคยมีประสบการณ์กับแบรนด์จึงชื่นชอบ และเกิดการแนะนำแบบ “ปากต่อปาก” นับเป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของ MizuMi ค่ะ
คุณหนุย : จุดแข็งอีกอย่างคือ ผลิตภัณฑ์เราเน้นคุณภาพจริง ๆ ในราคาที่เหมาะสม จึงเกิด Brand Royalty ขึ้น คนกลับมาซื้อซ้ำเยอะเพราะชอบที่ตัวสินค้า มากกว่าการที่เราทำ Marketing ส่งเสริมการขายอีกนะ ยกตัวอย่างเช่น เราเคยทดสอบว่าการมี BA (Beauty Assistant) มาช่วยเชียร์ขาย กับไม่มี BA ยอดขายไม่ต่างกันเลย คือลูกค้ารู้จักเราอยู่แล้วจากรีวิว จากเพื่อนพูดถึง และมีความตั้งใจที่จะมาซื้อ ไม่ต้องมีคนเชียร์ก็ได้ สรุปคือ MizuMi ทุกวันนี้ เราเลยยังไม่มี BA สินค้าสามารถขายได้ด้วยตัวเอง
| MizuMi เติบโตแบบก้าวกระโดด หลายเท่าตัว
คุณหนุย : ช่วง 2-3 ปี แรก MizuMi เติบโตหลายเท่าตัวมากจนนับเป็นเปอร์เซนต์ยาก ใน 2 ปีล่าสุดการเติบโตเฉลี่ยที่ 30-40% เรียกได้ว่าธุรกิจยังอยู่ใน Growth Phase ช่วงหลัง ๆ ช่องทางการจำหน่ายเราก็มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายยาญี่ปุ่น Matsumoto Kiyoshi, Tsuruha, Tops, Tesco Lotus, Big C, Seven-Eleven โดย Best Seller คือครีมกันแดดสีฟ้า “UV WATER SERUM” ในปีนี้ที่มีสถานการณ์ covid-19 แบรนด์ก็พยายามปรับตัว และในที่สุดก็ยังเติบโต year-to-date กว่า 40% ต้องบอกว่า ส่วนหนึ่งเรามีความโชคดีที่ฐานลูกค้าเกือบทั้งหมดเป็นคนไทย จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวที่หายไป
| รางวัลแรกที่ MizuMi ได้!
คุณหนุย : เราเดินสายประกวดสินค้าค่อนข้างเยอะนะ แต่รางวัลแรกที่ได้คือ Elle Men Award 2558 มันกลายเป็นว่าครีมกันแดดเราผู้ชายใช้แล้วชอบ (หัวเราะ) หลังจากนั้นเราก็คว้ารางวัลมาเรื่อยๆ ตอนนี้ได้มากกว่า 20 รางวัลแล้ว ตกแล้วปีหนึ่งได้ถึง 4-5 รางวัล และรางวัลที่ประทับใจมากที่สุดคือรางวัลจาก Watsons “สุดยอดสินค้าขายดี HWB Awards by Watsons” เพราะมันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า MizuMi คือสินค้าที่ขายดี และเราก็สามารถคว้ารางวัลนี้ได้ทุกปีด้วย
| อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวผ่าน ปัญหามีไว้ให้แก้
คุณหนุย : บทเรียนสำคัญที่เรารู้สึกว่ามัน Fail สุดๆ คือการดีลของจากโรงงานต่างชาติผ่านออนไลน์ มันคือ “แพกเกจหลอดกันแดดรุ่นแรก” สมัยนั้นเริ่มทำธุรกิจ นอกจากจะทุนน้อย ยังไม่มีคอนเนคชั่นโรงงาน ไม่รู้จะไปเริ่มที่ไหน ไม่อยากสั่งปริมาณเยอะ เราเลยไปหาจากพวกเว็บไซต์ค้นหาโรงงานต่างประเทศ พอคุยมาได้หนึ่งเจ้า หลอดมาลอตแรกก็ดีอยู่ พอมาล็อตสอง จากคุณภาพจากเต็ม 100 เหลือ 80 หลัง ๆ แย่มาก บีบหลอดแรง ๆ คือแตกได้เลย ลูกค้าก็มาเคลม ทางเราก็ส่งชิ้นใหม่ชดเชยให้ จากนั้นเราเปลี่ยนจากหลอดบีบเป็นหลอดแข็ง พร้อมเปลี่ยนโรงงาน คิดว่าเช็คอย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายก็แตกง่ายเหมือนเดิม ตอนนั้นรู้สึกตัวเองโชคร้ายจัง เจอแต่ละเจ้า เล่นเอาเหนื่อย
พอเข้า Watsons เราต้องเปลี่ยน นาทีนี้แพงก็ต้องยอม เราเลยเปลี่ยนโรงงานอีกรอบ คราวนี้ได้ทำงานกับญี่ปุ่นแทน เรายอมขึ้นโมลหลอดเฉพาะของตัวเอง รวมแล้วหลายล้านบาท ทำเทสต์ทุกอย่าง ทั้งขว้าง เขวี้ยง ทุบ ให้ชัวร์ว่าทนทาน (หัวเราะ) นับเป็นการติดสินใจที่ดีที่สุดครั้งนึงเลย
| มองอนาคตของ MizuMi ต่อจากนี้ไว้อย่างไรบ้าง
คุณหนุย : ตอนนี้เรามีสินค้าค่อนข้างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น ครีมกันแดด กลุ่มทำความสะอาดผิว กลุ่มบำรุง รวม ๆ แล้วประมาณ 15 SKUs ในอนาคตก็อยากขยายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่ม Mass มากขึ้น รวมถึงการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้านที่ชื่นชอบสินค้าไทย
| การบริหารงาน ของ MizuMi เป็นไปในทิศทางไหน
คุณหนุย : MizuMi คือครอบครัว ในสายตาของคนภายนอก แบรนด์ดูใหญ่และเป็นที่ยอมรับ แต่ภาพข้างหลังยังคงเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ อยู่ มีกันแค่ 10 กว่าคน ทุกอย่างในองค์กรปรับเปลี่ยนได้เร็ว แก้ปัญหาเร็ว ขั้นตอนการตัดสินใจรวดเร็ว ไม่มีการเสียเวลากับเรื่องไม่จำเป็น ไม่เน้นทำ Power Point สวย ๆ ใครมีไอเดีย เดินเข้ามาคุยกับหนุยได้เลย ถ้าฟังดูน่าทำน่าลอง ก็ลุย! ที่นี่เราเน้น Idea Executions ให้รู้ไปเลยว่าเวิร์คมั้ย ไม่เวิร์คก็เรียนรู้ว่าทำพลาดตรงไหน ทุกคนในออฟฟิศมีความเป็นกันเองมาก เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อน เราปลูกฝัง Entrepreneurial Mind Sets คือให้ทุกคนทำงานเหมือนเป็นเจ้าของกิจการ Take Ownership ในสิ่งที่ทำตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีชนชั้นวรรณะ ทุกวันนี้พาร์ทเนอร์ทุกคนก็ยังสามารถไปนั่งแพ็กของ ยกของ ทำงานแอดมินได้เหมือนกับสต๊าฟคนอื่น ๆ และนั่นคือสเน่ห์ขององค์กรเรา
| ถ้าเปรียบ MizuMi เป็นผู้หญิงจะเป็นผู้หญิงแบบไหน
คุณหนุย : เป็นผู้หญิงที่ฉลาด เปิดใจกว้าง ลุย ๆ รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
| สรุปจุดแข็งของ MizuMi
- Product ผ่านกระบวนการคิดทุกตัว ไม่เน้นออกสินค้าเยอะ ๆ ปีหนึ่งอาจจะมีของใหม่แค่ 3-4 ตัวเท่านั้น เมื่อให้ความสำคัญกับสินค้ามาก ผลที่ได้คือคนใช้แล้วชอบ การซื้อซ้ำก็จะเยอะ
- ราคาย่อมเยาเหมาะสม ไม่แรงจนเกินไป ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนผิวแพ้ง่าย ที่ไม่อยากจ่ายแพงมาก
- จัดโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้าให้ได้ทุกรอบเดือน จะมากจะน้อยก็ตาม เนื่องจากเรามองตัวเองเป็น Partner กับร้านค้า และเป็นเพื่อนกับลูกค้า คือการทำโปรฯ ก็ win-win ร้านค้าก็ได้ขายสินค้ามากขึ้น ลูกค้าก็ได้ราคาที่ย่อมเยาลง
- สื่อการตลาดที่เข้าถึงเป้าหมาย ดึงดูดด้วยความใส่ใจลูกค้า และการบอกต่อแบบปากต่อปาก
| จากใจ MizuMi
คุณหนุย : อยากให้รู้ว่าเราตั้งใจทำสินค้าทุกตัวให้ออกมาดี พยายามตอบโจทย์ผิวแพ้ง่าย ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป อาจจะมีจุดบอดบ้างที่เรามองไม่เห็น เราก็พร้อมที่จะรับฟังและพัฒนาปรับปรุง สุดท้ายนี้อยากให้ผลิตภัณฑ์ของ MizuMi เป็นสิ่งที่คนไทยกล้าใช้ กล้าลอง และพร้อมที่จะแนะนำต่อกันไปเรื่อย ๆ
| โปรดี ๆ ที่อยากบอกต่อ
โปรเริ่มตั้งแต่ 8 ก.ย. 63 - 7 ต.ค. 63 : ดูรายละเอียดคลิกที่ภาพ
โปรเริ่มตั้งแต่ 20 ส.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 : ดูรายละเอียดคลิกที่ภาพ
ตอนนี้ MizuMi มีโปรโมชั่นดี ๆ ส่งท้ายปียกแบรนด์ ใครชอบก็ตามโกยกันได้เลยค่า~
ซึ่งช่องทางการจำหน่ายของ MizuMi ตอนนี้เราแทบจะเข้า Modern Trade ในไทยเกือบทุกที่แล้ว แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัดอาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกจุด แนะนำให้สั่งสินค้าทางช่องทาง Online ของแบรนด์ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เพจ MizuMi , Website MizuMi หรือ ใน Shopee, Lazada ก็มีให้เลือกซื้อค่ะ
โดย น้องหลุมดำ
I'm coming when food's coming
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ