งานนี้ไม่มีแกง! สรุปจุดเด่น iPhone 13 กับการเปิดตัว “A15 Bionic” ชิปสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดในขณะนี้
โดย : imnat
อัพเกรดใหม่ (ยกเว้นหน้าตา) ว่าซ่านนนนน...
เปิดตัวกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ iPhone 13 สมาร์ทโฟนเรือธงที่สาวกไอโฟนทั้งหลายรอมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เคาะเป็นรูปเป็นร่างออกมาสักที ไหน สรุปว่าตรงกับที่เดาเอาไว้บ้างไหม แต่ที่แน่ๆ จะต้องมีคนหวีดสีใหม่กันอย่างแน่นอน ไม่ต้องยกตัวอย่างใครที่ไหนไกล ปันโปร ก็คือ หวีดไปแล้ว 1 บอกเลยว่าสีชมพูนี้ คือ น่ารัก นุ้บนิ้บใจเป็นที่สุด ! แต่จะตำดีไหม ลองไปสำรวจฟีเจอร์ที่น่าสนใจ รวมถึงราคาเปิดตัวกันก่อนดีกว่า
สรุปจุดเด่น " iPhone 13 " ว้าวซ่า ควรค่าแก่การรอคอยหรือเปล่า ?
โฉมหน้า iPhone 13 และ iPhone 13 mini
มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดง, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน และสีใหม่อย่างสีชมพู
มาพร้อมกับความจุ 128 GB, 256 GB และ 512 GB
โฉมหน้า iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ กราไฟต์, ทอง, เงิน และสีใหม่อย่างเซียร์ร่าบลู
มาพร้อมกับความจุ 128 GB, 256 GB, 512 GB และ 1TB
สำหรับ iPhone 13 ที่เพิ่งเปิดตัวกันไป มีด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นย่อยๆ ได้แก่ iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max
และอย่างที่เราได้เห็นกันไปว่าเค้ามีสีใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วยกันถึง 2 สี ได้แก่ สีชมพู และ สีเซียร์ร่าบลู นอกจากสีใหม่นี้แล้ว สเปคภายในคือเรียกได้ว่าอัพเกรดแบบจัดเต็ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ iPhone อีกครั้งนึงเลยก็ว่าได้ แต่หลักๆ จะมีอะไรบ้าง เดี๋ยวปันโปรจะมาสรุปให้ฟัง !
| ขนาดและหน้าตาไม่ต่างจากเดิม แต่เพิ่มเติม คือ หน้าจอแบบ ProMotion
iPhone 13 และ iPhone 13 Pro มาพร้อมกับหน้าจอ Super Retina XDR ขนาดเดียวกับตระกูล iPhone 12 เป๊ะ แต่ทุกรุ่นเค้ามาพร้อมกับรอยบากที่เล็กลงกว่าเดิม อีกทั้งยังมาพร้อมกับกระจก Ceramic Shield ที่แข็งแรงทนทาน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้านการทนน้ำ กันฝุ่นที่ดีขึ้นตามมาตรฐาน IP68 ด้วย
ที่สำคัญสำหรับหน้าจอของตัว iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max เค้าได้มีการอัพเกรดขึ้นอีกเลเวล
ด้วย ProMotion ที่ทำให้การแสดงผลหน้าจอของเรามีความลื่นไหลมากขึ้น
รองรับกับการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าจะทำงาน, เล่นเกม หรือทำกราฟิก
| เป็นข่าวลือกันมานาน ในที่สุดชิป A15 Bionic ก็ปรากฏตัวมาสักที !
จุดเด่นของชิปตัวนี้ คือ เค้าจะมาพร้อมกับ CPU แบบ 6‑core ใหม่ ซึ่งมีคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2 คอร์ และคอร์ด้านประหยัดพลังงาน 4 คอร์, GPU แบบ 5‑core ใหม่, Neural Engine แบบ 16‑core ส่งผลทำให้การใช้งาน iPhone ของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการทำงานและการแสดงผลของกราฟิกที่ดีขึ้นกว่าชิปรุ่นอื่นๆ ถึง 30%, CPU เร็วขึ้น 50% การใช้งานกล้องที่มีคุณภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้แบตเตอรี่อึดและใช้งานได้นานยิ่งขึ้น
แถมยังมาพร้อมกับระบบป้องกันความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการล็อกข้อมูลส่วนตัว, Face ID รวมไปถึงรายชื่อผู้ติดต่อ ก็สมกับที่เรารอคอยกันมานาน เพราะนี่เรียกได้ว่าเป็นชิปสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ !
| ระบบ 5G ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ถึงแม้ว่า iPhone 12 ที่ผ่านมาจะรองรับระบบ 5G ได้ก็จริง แต่ต้องบอกว่า iPhone 13 และ iPhone 13 Pro นี้ มีการอัพเกรดการรองรับระบบ 5G ได้ดีกว่าเดิม ด้วยการร่วมมือกับ Partner กว่า 200 เครือข่าย จาก 60 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้การทำงานรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน อีกทั้ง ยังปรับลดความเร็วอัตโนมัติเพื่อประหยัดพลังงานในเวลาที่เราไม่จำเป็นต้องใช้งานด้วย
สรุปว่า ความถี่เยอะกว่า ความเร็วเยอะกว่า ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า ดีกว่าแบบเห็นได้ชัดกันเลย
| แบตอึดกว่าเดิม แถมยังมาพร้อมกับความจุที่มากขึ้น !
นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่สาวกไอโฟนทั้งหลายรอคอย เมื่อเทียบกันกับ iPhone 12 ที่ผ่านมา iPhone 13 มีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ และอึดกว่าเดิมมากถึง 2.5 ชั่วโมง เรียกได้ว่ารองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งระบบ 5G และชิป A15 ได้ถูกออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ทด้านการใช้งานแบตเตอรี่ด้วย เลยทำให้แบตเตอรี่ของ iPhone 13 นี้ ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ที่อึดที่สุดในบรรดา iPhone ที่ผ่านมา
และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ทำให้หลายคนอึ้งกันไปตามๆ กัน นั่นก็คือ ความจุของ iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max ที่มาพร้อมกับความจุสูงสุดถึง 1TB สามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเหลือเฟือ งานนี้จบปัญหาเรื่องพื้นที่ไม่พอกันไปได้เลย
| กล้องดีกว่าเดิมเยอะมาก ตอนนี้สามารถใช้งานได้เยี่ยงโปร
ต้องบอกเลยว่าประสิทธิภาพกล้องของ iPhone เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่หลายคนเฝ้ารอกัน ซึ่งดูเหมือนว่า iPhone 13 นี้ไม่ได้ทำให้หลายคนผิดหวัง งั้นเรามาว่ากันที่ตัวกล้องของ iPhone 13 และ iPhone 13 mini กันก่อนเลย
📱 สำหรับกล้องของ iPhone 13 และ iPhone 13 mini จะประกอบไปด้วยกล้องหลัง 2 ตัว ที่มาพร้อมกับเลนส์ที่ทำมุม 45 องศา มีกล้องอัลตราไวด์ที่มาพร้อมกับระบบเซนเซอร์ภายในที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ถ่ายภาพได้กว้างขึ้นถึง 120 องศา มีระบบกันสั่นที่ฝังมาในตัวเซนเซอร์ ทำให้เซนเซอร์สามารถจับตำแหน่งได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับแสงได้มากขึ้นถึง 47% ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
นอกจากนี้ระบบถ่ายวิดีโอของเค้าก็น่าสนใจ และทุกคนสามารถสวมบทบาทเป็นผู้กำกับหนังได้เพียงปลายนิ้ว เพราะเค้าได้เพิ่มโหมดใหม่เข้ามาอย่าง Cinematic Mode ที่ช่วยทำให้คนธรรมดาๆ อย่างเรา สามารถถ่ายวิดีโอออกมาได้นุ่มนวลเหมือนเวลาที่เราชมภาพยนตร์ แถมยังเปลี่ยนจุดโฟกัสเองได้ง่ายๆ เพียงแค่ Tap ที่หน้าจอ 1 ครั้งเพื่อปรับจุดโฟกัส และ Tap ที่หน้าจอ 2 ครั้งเพื่อล็อกจุดโฟกัส
📱 มาต่อกันที่ iPhone 13 Pro และ 13 Pro Max กันบ้าง สำหรับจุดเด่นของตัวกล้องของทั้ง 2 รุ่นนี้ คือ มาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวที่ใหญ่ขึ้น มาพร้อมกับความละเอียด 12 MP เด่นสุดก็น่าจะเป็นตัว New Ultra Wide ที่มาพร้อมกับกล้องที่ทาง Apple เคลมมาว่าสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นถึง 92% สามารถเก็บรายละเอียดได้ดีมากขึ้น และที่สำคัญยังมาพร้อมกับระยะโฟกัสที่ใกล้ขึ้น ทำให้เราสามารถถ่ายรูป และเก็บรายละเอียดได้ครบเหมือนเลนส์ Macro กันเลย
ยัง ยังไม่พอ กล้อง Telephoto ของเค้ายังสามารถปรับระยะซูมได้มากขึ้นถึง 3 เท่า (ดีกว่า iPhone 12 Pro Max ที่ปรับระยะการซูมได้ 2.5 เท่า) รวมไปถึงกล้อง Wide ที่สามารถโฟกัสวัตถุได้แบบ 100% รวมไปถึงจุดเด่นที่มีเหมือนกับ iPhone 13 นั่นก็คือ Cinematic Mode หรือโหมดการถ่ายวิดีโอที่ให้ความรู้สึกเหมือนภาพยนตร์นั่นเอง
หากเทียบกับ iPhone 12 แล้ว สเปคต่างกันแค่ไหนนะ ?
บอกเลยว่านี่เป็นการอัพเกรด iPhone 12 ให้อยู่ในเวอร์ชั่นที่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม ถึงแม้ว่าจะมีขนาดและหน้าตาแทบจะไม่ต่างจากเดิม แต่คุณสมบัติบางตัว ก็คือ ถูกอัพเกรดให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- ชิปประมวลผลรุ่นใหม่อย่าง A15 ที่เรียกได้ว่าเป็นชิปสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตอนนี้ (เทียบกับชิป A14 ของ iPhone 12 แล้ว ถือว่าชิป A15 นี้เป็นชิปที่ใหม่กว่า และมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า)
โดยเจ้าชิปตัวนี้จะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพด้านการแสดงผลของกราฟิกดีขึ้นกว่าชิปรุ่นอื่นๆ ถึง 30%
และ CPU เร็วขึ้น 50% อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ได้ดีขึ้นด้วย
- ขนาดและความอึดของแบตเตอรี่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม มาพร้อมกับระยะเวลาการใช้งานที่มากกว่า iPhone 12 ถึง 2.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จแต่ละครั้งเลยทีเดียว
- ระบบ 5G ที่เร็วขึ้น ถึงแม้ว่า iPhone 12 จะรองรับระบบ 5G แต่ iPhone 13 เค้ามีเครือข่ายความถี่ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานที่มากกว่าเดิม
- มีระบบ ProMotion ที่ทำให้การแสดงผลหน้าจอของเรามีความลื่นไหลมากขึ้น มีการปรับ Hz ตามการใช้งานโดยอัตโนมัติ
- ประสิทธิภาพของกล้อง ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับแสงที่เพิ่มมากขึ้น, ระบบป้องกันภาพสั่น, ระบบการถ่ายภาพแบบ Macro, ระบบการถ่ายวิดีโอแบบ Cinematic Mode, โหมดการถ่ายภาพตอนกลางคืนที่รองรับทุกเลนส์ รวมไปถึงการปรับแต่งเพิ่มเติม ที่ทำให้การใช้งานของเราโปรขึ้นกว่าเดิม
ใครที่กำลังลังเลกันอยู่ ถ้าว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น ปันโปรขอยกป้ายไฟเชียร์ iPhone 13 นะ อย่างกล้องนี่ถือว่าเทพมาก โดยเฉพาะโหมดการถ่ายวิดีโอแบบ Cinematic นี่น่าลองสุด
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องราคา เอาจริงๆ ราคาเปิดตัว iPhone 13 กับ iPhone 12 รุ่นธรรมดา ถือว่าราคาแทบไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ แต่ iPhone 13 Pro กับ iPhone 13 Pro Max เนี่ย ส่วนตัวแอบคิดว่าราคาแอบแรงไปนิส ถ้าใครไม่ติดเรื่องงบก็จัดเลย เพราะลูกเล่นเค้าน่าสนใจจริง แต่ถ้าใครที่คิดว่าราคายังแรงไปอยู่ เมื่อเทียบกับตัวเครื่องภายนอกที่แทบจะไม่ได้ต่างจากเดิม ปันโปรว่าซื้อ iPhone 13 รุ่นธรรมดาน่าจะคุ้มกว่า หรือใครอยากได้สเปคเทพๆ ไม่ติดเรื่องงบ ก็เรียนเชิญที่พี่ๆ แก๊ง Pro เลยจ้า
ราคาเปิดตัวประมาณนี้ พี่ๆ พอไหวไหมคะ ?
💰 iPhone 13 mini
- ความจุ 128 GB ราคา 25,900 บาท
- ความจุ 256 GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 512 GB ราคา 37,900 บาท
💰 iPhone 13
- ความจุ 128 GB ราคา 29,900 บาท
- ความจุ 256 GB ราคา 33,900 บาท
- ความจุ 512 GB ราคา 41,900 บาท
💰 iPhone 13 Pro
- ความจุ 128 GB ราคา 38,900 บาท
- ความจุ 256 GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 512 GB ราคา 50,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 58,900 บาท
💰 iPhone 13 Pro Max
- ความจุ 128 GB ราคา 42,900 บาท
- ความจุ 256 GB ราคา 46,900 บาท
- ความจุ 512 GB ราคา 54,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 62,900 บาท
ใครอยากยลโฉมน้อง iPhone 13 ก็ตามมาดูกันที่คลิปนี้ได้เลย!
โดยทุกรุ่นสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้
ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ตุลาคม 2564
งานนี้ ใครที่งบพร้อม ก็เตรียมเงินไว้เปย์กันได้เลยยย
อ่านมาจนถึงตรงนี้ สรุปว่าเคาะเลยไหม หรือยั้งใจไว้ก่อนดี ? แต่พูดก็พูดเถอะ คุณสมบัติของเค้าไม่ธรรมดาจริงๆ นะ คือขายความอัพเกรดกันเลยแหละรอบนี้ แถมราคาเปิดตัว ถ้าเป็นรุ่น iPhone 13 ธรรมดา เรียกได้ว่าก็ไม่ได้ต่างจากสมัยตอนที่เปิดตัว iPhone 12 เท่าไหร่ หรือใครที่เล็ง iPhone 12 เอาไว้ บอกเลยว่าราคาตอนนี้คือดีมาก โดยเฉพาะเครื่องเปล่าจาก Apple Store ที่ล่าสุดถูกปรับลดลงมาถึง 4,000 บาท ใครที่มีแพลนว่าจะซื้อ ก็อย่าได้พลาดเชียว!
👉🏼 ดูโปรโมชั่นล่าสุดของ iPhone 12 > คลิก
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ