วางแผนเก็บตังค์ไปอยู่ประเทศอื่น ความหวังใหม่หรือไปตายเอาดาบหน้า
โดย : admin
ย้ายประเทศถาวร
ต้องพูดภาษานั้นได้คล่องเลยหรือเปล่า?
ต้องมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเท่าไร
เรามีคำตอบให้แล้ว 💁
ย้ายประเทศยากมั้ย? ใครที่มีความคิด “อยากอยู่ต่างประเทศ” เมืองไทยไม่เอาละ ทำงานก็น่าเบื่อ สังคมก็น่าเบื่อ อยากเจออะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตมีไฟโชกโชนนน 🔥 การไปอยู่ที่ต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เดี๋ยวนี้มันมีหลายวิธีที่จะทำให้เราไปอยู่ต่างประเทศได้แบบถาวร แต่! มันก็ไม่ได้ง่ายเสียทีเดียวค่ะ วันนี้ปันโปรมีข้อมูลที่น่าสนใจมากจาก คุณชลสรวง พรสุขสว่าง IG : @chonlicious ที่ได้แชร์วิธีไปอยู่ต่างประเทศหลากหลายรูปแบบมาก ๆ มีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปพร้อมกันค่ะ
| ต้องมีเงินขั้นต่ำในธนาคารเท่าไร
เริ่มจากมีเงินเก็บในธนาคารอย่างต่ำ 3 แสนบาทต่อคน เงินจำนวนนี้ห้ามใช้จ่ายเด็ดขาด มีไว้เพื่อโชว์ใน Bank Statement เวลาที่ยื่นขอวีซ่า และทางที่ดีควรเป็นบัญชีออมทรัพย์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าเป็นฝากประจำก็ไม่เป็นไร แค่ต้องแนบบัญชีออมทรัพย์ไปด้วย
| หาวิธีไปยังไงได้บ้าง
- หาสามี/ภรรยาฝรั่ง
- ขอทุนไปเรียนต่อแล้วหางานทำ *วิธีนี้ง่ายสุด
- หางานในต่างประเทศ/ย้ายตำแหน่งจากภายในองค์กร
- ยื่น migration program (แคนาดา/ออสเตรเลีย)
- US Green Card
| เงินตั้งตัว
เงินตั้งตัวในการไปอยู่ประเทศอื่น คือเงินคนละส่วนกับ “บัญชีออมทรัพย์” ที่เรายื่นวีซ่านะคะ
ต้องมีเงินใช้ที่เมืองนอกอย่างต่ำสองเดือนระหว่างที่กำลังหางานทำ สบายๆ ต้องมีอย่างน้อยๆ สัก 50,000-100,000 บาท เงินจำนวนนี้เป็นค่าอาหารและของใช้ ค่าเช่าบ้าน ค่ารถเมล์ ค่าซิมโทรศัพท์และค่าดำเนินการเอกสารจิปาถะ *ห้ามช็อปปิ้งเด็ดขาด แล้วจะไปหาเงินนี้จากที่ไหน ก็มีทั้งเริ่มจากทำงานเก็บเงินเอง, กู้ยืม ไปจนถึงทุนเรียนต่อ (เรื่องทุนไว้ว่ากันวันหลัง)
ถ้าเรามีไปน้อยกว่า 50,000 บาท จะเครียดมาก จะได้กินแต่ผักและขนมปัง ยิ่งแถบแสกนดิเนเวียค่าครองชีพสูงยิ่งต้องมีมาก นั่งรถไฟชั่วโมงเดียวเที่ยวละ 500 บาท นั่งรถเมล์สิบนาที 50 บาท ใช้เงินเหมือนถลุงเงิน
| หางานทำ แล้วเราจะรอด
“เงิน” คือสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นเมื่อเราจัดการเรื่องที่พัก ซื้อข้าวของได้แล้ว ควรหางานทำทันที
งานบริการ
- เมื่อมาถึงที่แล้วเปิดแมพดูเลยว่าร้านอาหาร/ร้านขายของมีกี่ที่ในเมือง แล้วเดินไปเคาะประตูทีละร้าน ถ้าร้านปิดอยู่ลองเคาะๆ ดู เดี๋ยวก็มีคนมาเปิดประตู วิธีนี้เขาจะชอบมากกว่าส่งอีเมล เพราะได้สัมผัสตัวจริงของเรา
- วันที่ไปถึงแต่งหน้าแต่งตัวดีๆ เล็บมือต้องสะอาด พอไปถึงร้านแล้วให้ขอคุยกับ"ผู้จัดการร้าน" กับคนอื่นไม่ต้องคุยมาก
- Hej! Can I speak to the restaurant manager? I have arrived here a week ago and was wondering if there is any vacancies here?
- แล้วเขาจะถามว่าเคยทำอะไรมาก่อน ก็บอกไปตามตรงสั้นๆ ถ้าที่ทำมาไม่เกี่ยวกับร้านอาหารก็บอกไปว่า I want to learn new things and start over in a different industry.
- ถ้าเขาบอกว่าไม่มีงาน ให้จบด้วยการขอคำแนะนำจากเขา (Ok, one last question, do you have any advice for me looking for jobs here?) แล้วขอบคุณงามๆ บางทีถ้าเขาประทับใจเราเขาจะขอคอนแทกต์เราเก็บไว้
- เตรียม CV หน้าเดียวพอ เขียนให้เข้าทางอาชีพบริการ แล้วพิมพ์ออกมาสักห้าฉบับ ถ้าเขาขอแบบกระดาษก็หยิบให้เขา ถ้าเขาขอเป็นอีเมลก็ส่งให้เขาทางอีเมล
งานบริษัท
-
ต้องหา local platform ให้เจอว่าเขาใช้อะไร (JobDB, JobTopGun ของประเทศนั้นๆ) ถ้าหาออนไลน์ไม่เจอ ก็ลองถามจากพนักงานเสิร์ฟที่วัยรุ่นๆ หน่อยก็ได้ ถ้าเพิ่งเริ่มงานอย่าไปหาจาก LinkedIn มันชั้นสูงมาก เดี๋ยวจะหมดกำลังใจเอา
-
เข้ากรุ๊ปเฟซบุ๊ค เช่น English Jobs in Sweden
-
บางทีเขาจะมีโปรแกรมฝึกงานสำหรับชาวต่างชาติ เข้าโปรแกรมนี้เสร็จจะได้ placement ในบริษัทเลย
-
ทำมากกว่าที่เขาขอหนึ่งสเต็ปเสมอ เช่น ถ้าเขาขอแค่ CV ให้ส่ง CV+Cover letter กรอกแบบฟอร์มให้หมดทุกช่องแม้ช่องนั้นจะมีคำว่า optional เราต้องทำมากกว่าเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองเสมอ การเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองนอก คือ เราต้องเทียบเท่าหรือเก่งกว่าคนของเขา
-
ขาดสกิลอะไรไปเรียนออนไลน์ แล้วหาทางเก็บพอร์ต ทุกสกิลที่เขียนในเรซูเม่ต้องมีพอร์ตรองรับ
-
สายคอนเท้นต์เปิดไอจีทำพอร์ตรัวๆ ไอจีเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ง่ายและอินเตอร์สุด สกิลที่นำไปขายได้นั้นได้แก่ Graphic designing/Photography, Copywriting, SMM, Social Media Marketing ฯลฯ แล้วแต่เราจะนึกออกเลย follower น้อยไม่เป็นไร ลองทำของใหม่ไปเรื่อยๆ เอาเป็นว่าให้มันมีของออกมาเยอะๆ มีที่เก็บเป็นที่เป็นทางก็พอ
-
เวลาสมัครงานให้ทำ CV tracker ไว้ด้วย เป็นไฟล์ Excel เพื่อให้เรารู้เองว่าเราสมัครไปกี่ที่ ที่ไหนบ้าง
-
สมัครงานไปเรื่อยๆ ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ไม่ได้ไม่ต้องเสียใจนาน คิดเสียว่าโลกจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ
| ภาษานั้นจำเป็น
-
สอบให้ผ่านขั้นต่ำที่จะมาที่นี่ เช่น ถ้าเขาขอ IELTS 7.0 ก็ทำให้ถึงเป้าพอ เดี๋ยวมาถึงที่นี่จะเก่งกว่านี้ได้เองตามธรรมชาติ
-
ภาษาเป็นสิ่งที่ไม่มีเพดาน ณ จุดหนึ่งความเก่ง คือ เอาตัวรอดได้ ยากขึ้นมาหน่อยคือคุยกับเขาในบทสนทนาได้
-
แต่ถ้าพูดถึงระดับที่ทำงานบริษัทได้ เราคิดว่าอย่างน้อยต้องแก้เอสเสให้ตัวเองได้ และเข้าใจความแตกต่างระหว่างสารที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
| เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
การเตรียมตัวย้ายประเทศมีหลายวิธีมาก ๆ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน👌
- ดูหนังฟังเพลงฝรั่ง สังเกตว่าเขาทำตัวกันอย่างไร เช่น เวลากินข้าวจับช้อนส้อม สำนวนภาษา การแต่งกาย ฯลฯ หาให้เจอว่าเขาต่างจากเราอย่างไร เป็นการฝึกความเข้าใจทางวัฒนธรรมรูปแบบหนึ่ง
- หาโอกาสเข้าสังคมกับเพื่อนต่างชาติ
- "ด้านได้ อายอด" อย่าเขินอายในสิ่งที่ดีงาม
- เป็นคนชอบถามและกล้าแสดงออก ต่อรองให้เป็นและทันคน มี resilience สูงๆ เข้าไว้ เฟลแล้วฟื้นตัวให้ไว
- คนต่างชาติจะไม่มีวันเข้าใจความเกรงใจของคนไทย เราจะรู้สึกเหมือนว่าเขาไม่แคร์เราเลย ในสังคมเมืองนอก ถ้าอยากได้อะไรเราต่างหากที่ต้องเป็นคนพูด ถ้าไม่พูดก็แสดงว่าที่เป็นอยู่นี้โอเคแล้ว
- มาอยู่เมืองนอกไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เหงาก็โทรหาเพื่อน โทรหาที่บ้าน ออกไปเดินถ่ายรูปเล่น หรือชวนคนแปลกหน้าคุย
- ช่วงแรกๆ ลำบากสุดเลย เพราะไม่ชินกับการอยู่คนเดียว แต่พอชินแล้วจะเริ่มชิล เห็นเลขเงินแล้วจะเริ่มมีกำลังใจในการอยู่ต่อ เริ่มมีเป้าหมายและสนุกกับชีวิตมากขึ้น
| ไปประเทศไหนดี
พอได้อ่านขั้นตอนจากประสบการณ์จริงของคุณชลแล้ว เพื่อนๆ อาจยังไม่มีไอเดียว่าไปประเทศอะไรดี แล้วแต่ละประเทศจะมีเกณฑ์เรื่องวีซ่าอย่างไรบ้าง ปันโปรขอพาไปติดตามกันต่อเลย
เราต้องดูความชอบของตัวเองก่อน แล้วศึกษาประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องเศรฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผู้คน การปกครอง
- ค่าครองชีพของประเทศนั้น ๆ (ถ้ามันสูงเราจะสู้ไหวมั้ย)
- การเปิดกว้างรับคนเข้าประเทศ และการทำงาน
- ความยาก-ง่าย ในการทำวีซ่าถาวรของแต่ละประเทศ ต้องศึกษาอย่างละเอียดว่ามันมีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
โดยประเทศหลัก ๆ ที่คนไทยชอบย้ายประเทศไปอยู่ก็จะมีดังนี้
- สวีเดน
- แคนาดา
- ออสเตรเลีย
- อเมริกา
- เยอรมัน
- สวิสเซอร์แลนด์
*โดยสาเหตุหลัก ๆ คือ สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม รายได้จากการทำงาน ที่ดีกว่าไทย*
| เงื่อนไขในการทำ “วีซ่าถาวร”
ศึกษารายละเอียด “วีซ่าถาวร” (Green Card) ของแต่ละประเทศให้ดีก่อน เมื่อเลือกที่จะไปอยู่ต่างประเทศถาวรแล้ว สิ่งสำคัญคือสิทธิการเป็นพลเมืองที่เราจะได้รับ และขั้นตอนการได้รับสิทธินั้น ๆ ค่ะ โดยเราขอยก 2 ประเทศยอดนิยมที่คนไทยไปอยู่เยอะอย่างอเมริกา และ แคนาดา
วีซ่าถาวรของอเมริกา
ผู้ที่จะมีได้ต้องเป็นดังกรณีต่อไปนี้
- แต่งงานกับคนอเมริกัน
- มีญาติทางสายเลือดที่ใกล้ชิดเป็นอเมริกันชนยื่นขอให้
- ขอได้จากการได้รับวีซ่าอนุญาตให้ทำงานได้ระยะเวลาหนึ่ง
- ขอได้จากการลงทุน
- ขอได้จากการรับใช้ชาติช่วยราชการของทางอเมริกา
วีซ่าถาวรของแคนาดา
ผู้ที่จะมีได้ ต้องเป็นดังกรณีต่อไปนี้
- กลุ่มนักลงทุน : คนที่ต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในแคนาดาต้องมีการนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในประเทศแคนาดาขั้นต่ำคนละ 4 แสนดอลลาร์แคนาดา ระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี และไม่ได้รับดอกเบี้ยใด ๆ เป็นการตอบแทนทั้งสิ้น
- กลุ่มนักธุรกิจ : ผู้ต้องการย้ายไปในแคนาดากลุ่มนี้ต้องมีการเปิดธุรกิจในแคนาดาขั้นต่ำเป็นเวลา 1 ปี มีพนักงานชาวแคนาดาอยู่ในธุรกิจอย่างต่ำ 1 คน
- กลุ่มนักวิชาชีพ : กลุ่มที่ประเทศแคนาดาต้องการทุกปีอยู่แล้วคือ แพทย์, พยาบาล, วิศวกร ขณะที่กลุ่มวิชาชีพอื่น ๆ เช่น นักกฎหมาย, นักการเงิน, นักบัญชี, ด้านคอมพิวเตอร์ ฯลฯ จะต้องการตามความเหมาะสมในแต่ละปี
- กลุ่มผู้ลี้ภัย : คนกลุ่มนี้ต้องมาจากประเทศที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
- กลุ่มแรงงานต่างชาติชั่วคราว : ต้องเป็นกลุ่มคนที่เข้าไปทำงานใช้งาน เป็นคนต่างชาติและทำได้แค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
* แต่ละประเทศอาจจะมีเงื่อนไขอื่น ๆ เราก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมกันอีกทีนะคะ
🤸🏼 สรุปก่อนย้ายประเทศ 🤸🏼
- อยากย้ายประเทศควรมีเงินอย่างน้อย 400,000 บาท นี่คือเงิน “บัญชีออมทรัพย์” รวมกับ ค่ากินอยู่เริ่มต้นสองเดือนในประเทศที่เราเลือกไปค่ะ
- “ภาษา” สำคัญจริง แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะสิ่งแวดล้อมจะทำให้เราปรับตัวได้เองค่ะ
- การเอกสารเป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก แต่หากใครที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศ จะเข้าใจเลยว่า การทำเอกสารคือเรื่องที่ธรรมดา เดี๋ยวก็ต้องเจอบ่อย ๆ ค่ะ ทำใจไว้เลย
- ใครที่อยากติดตามการใช้ชีวิตในต่างแดนต่อสามารถ ไปตามคุณชลได้ที่ไอจีนี้เลย @chonlicious
ข้อมูลจาก :
โดย admin
admin@punpro
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ