"เศร้าได้ แต่อย่าเศร้านาน" ได้เวลาจัดการกับความผิดหวัง เมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่
โดย : imnat
สำหรับใครที่ได้ดูซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ตอนที่ 15 กันไป เชื่อว่าน่าจะร้องไห้น้ำตาแตกกันแทบจะทุกฉากเลยใช่ไหม ส่วนตัวเราดูแล้วได้อะไรจากอีพีนี้เยอะมาก ถือว่าเป็นพาร์ทที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้ดี โดยเฉพาะเรื่องของวิธีการรับมือเวลาที่เราหรือคนใกล้ตัวต้องเผชิญกับความผิดหวัง ไหนเราลองมาสวมบทบาทเป็นตัวละครอย่างดูชิก กัมรี และฮเยจิน แล้วเรียนรู้สิ่งที่เราได้จากตัวละครทั้งสามคนนี้กัน
📍 คำเตือน : มีสปอยล์ซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ตอนที่ 15 ใครที่ยังไม่ได้ดูอาจจะทำให้เสียอรรถรสได้น้า
เชื่อว่าคนที่ได้ดูซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha หลายคน น่าจะมีความสงสัยเกี่ยวกับตัวละครของพระเอกอย่างดูชิกกันมาบ้างตั้งแต่อีพีแรกๆ สำหรับเรา เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มีอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ภาพลักษณ์ ออร่า รวมถึงความสามารถที่รอบด้านจนเกินไป ที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่กงจินแห่งนี้ได้เลย
และหลังจากได้ดูซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ตอนที่ 15 หลายคนคงจะได้เข้าใจ และรู้จักตัวละครตัวนี้กันได้ดีมากขึ้น ในสายตาของเรานั้นมองว่า ดูชิกเป็นตัวละครที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีที่สุดในเรื่องแล้ว ใครจะไปรู้ล่ะว่าจากภาพลักษณ์ของหัวหน้าฮงที่มักจะปรากฏตัวด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง จะกลับกลายเป็นคนที่ซ่อนตัวตนอีกด้านหนึ่งที่ตรงข้ามกับการแสดงออก เอาไว้ข้างในมาโดยตลอด ผ่านการแสดงสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ราวกับว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถทำร้ายคนอย่างเค้าได้เลย
แต่คนเรามันไม่มีใครหรอกที่จะมีความสุขตลอดเวลา หรือไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ทุกข์ใจเกิดขึ้นในชีวิตเลย มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้นอยากจะเปิดเผยหรือแสดงออกให้คนรอบข้างรู้กันหรือเปล่า ว่าตัวเองกำลังมีเรื่องไม่สบายใจอะไรอยู่ ซึ่งสัดส่วนของคนที่ยอมเปิดเผย กับคนที่ไม่เปิดเผย เรามองว่าน่าจะมีจำนวนเท่าๆ กัน ขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการกับความเศร้า รวมถึงความผิดหวัง ว่าคนๆ นั้นจะเลือกใช้วิธีไหน แล้วทำให้ตัวเองสบายใจมากที่สุด
การสูญเสียไม่ใช่เรื่องที่ผิด ความผิดหวังก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเช่นกัน
เหมือนอย่างที่ฮงดูชิก พระเอกจากเรื่องนี้ต้องพบเจอกับมรสุมครั้งใหญ่ในชีวิต จนเกือบทำให้เค้าคิดสั้นจบชีวิตตัวเองไปซะแล้ว ถ้าหากเค้าไม่ได้พบแสงสว่างจาก กัมรี ผู้เป็นย่า ที่เหมือนมาสะกิดต่อมความหวังให้เกิดขึ้นในชีวิตของเค้าได้อีกครั้ง ก่อนจะนำพาตัวของเค้าให้กลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่กงจิน สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ หรือบ้านเกิดในวัยเด็กที่เค้าได้จากมา
ผู้เป็นย่าอย่างกัมรีถือว่าเป็นแสงสว่างในชีวิตของดูชิกเหมือนที่หลายคนเข้าใจ เธอไม่รู้หรอกว่าผู้เป็นหลานชายจะต้องพบเจอกับอะไรมาบ้าง ก่อนที่จะมาอยู่ที่กงจินแห่งนี้ เธอทำได้เพียงคอยเตือนสติ และคอยดึงไม่ให้ดูชิกกลับไปจมอยู่กับความเศร้าเหมือนที่ผ่านมาอีก เธอเป็นเหมือนแสงสว่าง
แต่แสงสว่างก็ไม่ได้ส่องแสงตลอดเวลาเหมือนที่หลายคนเข้าใจ
เพราะวันนึงมันก็ต้องดับลง เมื่อถึงเวลาอันสมควรของมันเช่นกัน…
| ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหากว่าตัวของเราจะรู้สึกเศร้าบ้าง
ชีวิตคนเราทุกคน อย่างที่บอกว่ามันไม่มีใครหรอกที่จะมีชีวิตสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง มันต้องมีบ้างเวลาที่เราต้องเจอกับความผิดหวัง หรือความรู้สึกผิด ทั้งในแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ และเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา มันก็เลยกลายเป็นเหมือนตราบาปที่ประทับอยู่ในหัวใจ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเผชิญกับเหตุการณ์คล้ายๆ เดิมกันอีกครั้ง ตราบาปที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมันก็มักจะย้อนกลับมาเล่นงานพวกเรากันอีก
ความสูญเสียก็เช่นกัน อย่าไปนึกว่าทุกอย่างจะคงอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันแตกดับหรือสูญสลายไป โลกของเราไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ของการสูญเสียเกิดขึ้น สิ่งแรกที่เราควรจะทำเลย ก็คือ การทำใจและยอมรับมันให้ได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ปากพูด แต่เราก็ต้องอย่าทำให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งๆ นั้นนานเกินไป
คนหนึ่งจากไป แต่ชีวิตของเราก็ยังคงอยู่ เหมือนคุณยายกัมรีที่ดึงสติดูชิกให้หันกลับมาให้ค่าชีวิตตัวเอง เริ่มต้นใหม่กับตัวเอง ถึงแม้จะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้างในตอนแรก แต่คนรอบข้างก็ต้องคอยดูแลและซัพพอร์ตไม่ให้คนๆ นั้นรู้สึกว่าตัวเองอยู่คนเดียวบนโลก เหมือนอย่างที่ฮเยจินดูแลเค้าในวันที่ต้องสูญเสียคุณยายอันเป็นที่รักไปนั่นเอง
| เศร้าได้ แต่อย่าเศร้านาน เพราะชีวิตของเราต้องเดินหน้าต่อ
หากเราเข้าใจและยอมรับความเป็นไปของทุกอย่างที่เกิดบนโลกนี้ได้ ว่าทุกอย่างไม่ได้สวยงามเหมือนที่เราอยากจะให้มันเป็นไปได้ตลอด เราจะเข้าใจและสามารถจัดการในเวลาที่เราต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นได้ และเมื่อเกิดการสูญเสียขึ้นมาแล้ว เราก็ต้องอย่าไปคิดเคียดแค้น หรือทำให้ชีวิตของคนรอบข้างพังทลายเหมือนอย่างที่เรากำลังเผชิญ และเราต้องอย่าคิดว่ามีแค่เราเท่านั้นที่จมอยู่กับเรื่องที่ผิดหวังเสียใจ เพราะคนรอบข้างเค้าก็อาจจะมีเรื่องที่ทุกข์ใจเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเราไม่ได้รับรู้กันเท่านั้นเอง
สำคัญที่สุดคือการอยู่กับปัจจุบันให้ได้ เศร้าได้ แต่อย่าเศร้านาน รีบจัดการกับความเศร้าเหล่านั้นซะ เรารู้แหละว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว แต่รีบดึงตัวเองออกมาเถอะ แล้วหาทางเริ่มต้นใหม่ ดูแลคนที่ยังเหลืออยู่ในชีวิตของเราให้ดี แล้วเดินหนีออกมาจากสิ่งที่ทำให้เราไม่สบายใจเหมือนอย่างที่ฮงชิกทำ
ซึ่งการเดินหนีออกมานี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย หรือเป็นวิถีทางของผู้แพ้เลยนะ
พยายามเลิกนึกถึงสายตาของคนอื่นว่าเค้าจะมองเรายังไง
เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่เราควรแคร์มากที่สุดนั้นไม่ใช่ใคร แต่มันคือตัวของเราเอง
การจมอยู่กับความเศร้านานๆ แบบที่เราไม่สามารถจัดการอะไรกับมันได้ นานวันเข้ามันอาจจะส่งผลเสียกลับมาให้เราในรูปแบบของปัญหาทางสุขภาพจิต อย่างที่หลายคนมักจะเผชิญกันบ่อยๆ ก็ได้แก่ โรควิตกกังวลหรือแพนิค โรคซึมเศร้า หรือบางคนเป็นหนักมากๆ อาจจะต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลาเลยก็มี
เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนั้นกันเลย ยังมีอีกหลายอย่างในชีวิตที่รอให้เราค้นพบและสนุกสนานกับมันอยู่ โลกไม่ได้จะแตกวันนี้สักหน่อย อย่าทำร้ายตัวเอง หรือคิดจะจบชีวิตของตัวเองเพราะความต้องการที่จะหนีปัญหากันเลย
หากใครมีปัญหา หรือจัดการกับความเศร้าของตัวเองไม่ได้ เราแนะนำให้ขอคำปรึกษา หรือระบายให้คนที่ไว้ใจฟัง หรือใครไม่สะดวกก็ให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการระบาย หรือรับคำปรึกษาน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด อย่าคิดว่าการที่เราไปปรึกษาแพทย์นั้นทำให้เราดูผิดปกติ แต่ให้คิดว่ามันเป็นเพราะเราหาทางออกไม่ได้จริงๆ ถึงได้เกิดเป็นวิธีการจัดการกับปัญหาแบบนี้ขึ้นมา
ย้ำอีกครั้งนึงว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความผิดหวังนานๆ เพราะชีวิตเรายังต้องเดินหน้าต่อ ถ้าหากว่าตัวเรา หรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ผิดหวัง หรือสูญเสียนี้กันอยู่ อย่าทิ้งพวกเค้าเอาไว้ลำพัง ต่อให้เราจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่บางทีการช่วยเหลืออะไรนิดๆ หน่อยๆ ของเรา อาจจะเป็นเหมือนแสงสว่าง เหมือนอย่างที่คุณยายกัมรี เป็นแสงสว่างให้กับดูชิกก็ได้ ⭐
ขอบคุณภาพประกอบทั้งหมด จากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)