' อ่านหนังสือกันเถอะ ' รวมหนังสือน่าอ่าน แก้เบื่อ สำหรับคนอยู่บ้าน ในช่วงวันหยุดยาวนี้
โดย : Ying
หยุดยาวนี้ใครอยู่แต่บ้านบ้าง 🙋🏾
หลังจากผ่านพ้นช่วงหยุดยาวสงกรานต์ไปเพียงอาทิตย์เดียว ปลายเดือนเมษานี้ก็มีวันหยุดยาวอีกครั้ง นั่นก็คือ วันแรงงาน ถึงแม้จะหยุดกันแค่บางบริษัทบางหน่วยงานก็ตาม สำหรับวันแรงงานนี้ก็หยุดกันไปเลยตั้งแต่ 30 เมษา - 2 พฤษภา แต่บางคนก็อาจจะลาวันที่ 3 พฤษภาเพิ่ม จะได้หยุดยาวจุกๆ ไปเลย 5 วัน ตั้งแต่ 30 เมษาไปถึงวันที่ 4 พฤษภาเลย เพื่อจะได้ใช้เวลาไปท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ หรือจะอยู่กับครอบครัวได้แบบเต็มที่
ในขณะที่หลายคนอาจจะวางแผนท่องเที่ยวพักผ่อนหรือใช้เวลากับครอบครัว แต่ก็มีบางคนเลือกที่จะไม่ออกไปไหน เลือกที่จะพักผ่อนอยู่บ้านใช้เวลากับตัวเอง นอนตื่นสายให้เต็มที่ หรืออาจจะเปิดซีรี่ย์ดูให้ฉ่ำปอด แต่สำหรับใครที่รักการอ่านก็อาจจะหาหนังสือสักเล่มอ่านเพลินๆ เปย์เป้เลยอยากจะแนะนำหนังสือสัก 4-5 เล่มให้เพื่อนๆ มีทั้งด้านวรรณกรรมแปล การแชร์ประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ท่องเที่ยว รับรองว่าวันหยุดนี้ไม่เหงาแน่นอน !
วันหยุดนี้อ่านเล่มไหนดีน๊าา
📕 📙 📓
The Nerd of Microsoft
สำหรับ The Nerd of Microsoft เป็นหนังสือบอกเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิต ประสบการณ์การทำงานของ โสภณ ศุภมั่งมี คนไทยที่เคยทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ไมโครซอฟต์เกือบ 5 ปี ! เปย์เป้จำได้ว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า และเหตุผลที่เปย์เป้เลือกหนังสือเล่มนี้คงเพราะกำลังเรียนด้านนี้อยู่เลยทำให้ค่อนข้างอิน รู้สึกว่าต้องได้แรงบันดาลใจดีๆ จากหนังสือเล่มนี้แน่นอน ซึ่งพออ่านไปก็เหมือนเป็นการได้ฟังรุ่นพี่มาถ่ายทอดชีวิตการทำงาน บรรยากาศการทำงาน นิสัยใจคอของเพื่อนร่วมงาน อุปสรรค์ความยากง่ายที่ได้เจอขณะทำงานในบริษัทใหญ่ให้ฟัง
หนังสือหนา 304 หน้าเล่มนี้ ถึงแม้ว่าการบอกเล่าในหนังสือเล่มนี้จะไม่ได้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวในช่วงปัจจุบัน พ.ศ. 2565 แต่ก็เป็นประสบการณ์ในอดีตที่เรียกว่าน่าสนใจมากๆ ทันทีที่ได้เห็นการโปรโมทหนังสือก็เกิดคำถามมากมาย เช่น เข้าไปทำงานในนั้นได้ไงวะ ? โครตเก่ง, แล้วงานยากไหม ?, แล้วในไมโครซอฟต์เป็นยังไง และยังมีอีกสารพัดความรู้สึกในหัว และเมื่อได้หนังสือมาก็อ่านแบบไม่ละสายตากันเลยทีเดียว
มันไม่ใช่ความสนุกจากการเขียนเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นประสบการณ์สนุกๆ ที่เขาได้เจอ รู้สึกตื่นเต้นกับแต่ละงานที่เขาได้ทำและการทำงานภายในบริษัทชื่อดังแบบนี้ก็ผิดจากจินตนาการตอนนั้นเล็กน้อย เพราะถึงจะมีช่วงงานเครียดแต่ก็เต็มไปด้วยความบันเทิง ผู้คนในไมโครซอฟต์ก็หลากหลายเชื้อชาติหลากหลายวัฒธรรม ทำให้เป็นออฟฟิศที่มีลักษณะการทำงานหลากหลายแบบ อีกทั้งวิธีที่แต่ละคนเขียนโค้ดก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งนี้พวกเขาก็ยังสามารถทำงานเป็นทีมได้อย่างดี หนังสือเล่มนี้เป็นการบอกเล่าประสบการณ์ที่สนุก น่าตื่นเต้น จึงเหมาะกับการอ่านในวันหยุดอย่างยิ่ง
The Storied Life of A.J. Fikry หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ
หนังสือเล่มนี้เป็นวรรณกรรมแปล ถูกแปลไปแล้วหลายภาษาทั่วโลก และหนังสือเล่มนี้เป็น 1 ในหนังสือขายดีที่ถูกตีพิมพ์ออกมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งก็เป็นเหตุผลดีๆ เหตุผลหนึ่งที่เราจะซื้อมาอ่านบ้าง สำหรับเรื่องราวในหนังสือก็แน่นอนว่าเป็นเรื่องราวของ เอ. เจ. ฟิกรี้ พ่อหม้ายที่ภรรยาล้มหายตายจากไป หลังจากนั้นเขาเป็นชายที่ใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวอยู่ตามลำพังกับร้านหนังสือชื่อว่า “ ไอแลนด์บุ๊ก ” ที่ยอดขายก็กำลังย่ำแย่ลงไปพร้อมกับจิตใจของเขา ชายผู้นี้เพียงแค่ใช้เวลาในชีวิตให้หมดไปวันต่อวัน จนวันหนึ่งเมื่อเขาได้ปากร้ายใส่เซลส์ขายหนังสือประจำฤดู และเขายังได้พบกับสิ่งที่ลูกค้าของร้านได้ทิ้งเอาไว้ 2 สิ่ง ที่ทำให้ชีวิตที่ย่ำแย่ของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
หลังจากที่ได้อ่านสิ่งแรกที่ได้รับจากหนังสืออย่างแรกเลย คือ การใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน หนังสือบอกเล่าเรื่องราวของ เอ. เจ ในด้านต่างๆ ที่มนุษย์ทุกคนบนโลกล้วนได้พบเจอทั้งความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยว ความรู้สึกผิด การสูญเสีย รวมไปถึงการกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อเขาได้พบกับความรักครั้งใหม่ ทุกๆ เหตุการณ์ในหนังสือล้วนเป็นวัฏจักรของชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ การอ่านเรื่องราวชีวิตของ เอ.เจ. ฟิกรี้ ในหนังสือเล่มนี้เหมือนกับเราได้ทบทวนชีวิตของตัวเราเองโดยผ่านชีวิตของเอ.เจ เราจะเห็นว่าไม่มีอะไรที่จีรังคงอยู่เสมอไป ทั้งความสุข และความโดดเดี่ยว หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือดีๆ อีก 1 เล่มที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากใช้วันหยุดอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนชีวิตในช่วงที่ผ่านมา
มีบทหนังในหนังสือที่เปย์เป้ชอบมากเขียนว่า “ เรามีความกลัวลึกๆ ในใจ ว่าเราคือคนที่ไม่มีใครรัก ความกลัวนั้นทำให้เราอยู่เพียงลำพัง แต่การอยู่เพียงลำพังนั้นต่างหากที่ทำให้เราคิดว่าไม่มีใครรัก วันหนึ่งที่คุณไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณขับรถไปตามถนน เขาหรือเธออาจจะรออยู่ตรงนั้น คุณจะถูกเลือกให้ไม่ต้องอยู่เพียงคนเดียว ”
The Midnight library มหัศจรรย์ห้องสมุดเที่ยงคืน
อีก 1 หนังสือ Feel good สำหรับเปย์เป้เลย เป็นหนังสือที่จัดอยู่ในหมวดวรรณกรรมแปลร่วมสมัย ที่ได้รับรางวัล Best Fiction ของ Goodreads Choice Awards 2020 และได้รับคัดเลือกใน A Good Morning America Book Club Pick อีกด้วย หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องสนุกมีหลายจุดเลยทีเดียวที่นักเขียน Matt Haig เล่าออกมาธรรมดาๆ แต่สะกิดใจเรา ชวนให้คิด ชวนให้รู้สึก ชวนให้ย้อนกลับมามองชีวิตของเราเอง
หนังสือเล่าถึงชีวิตของ นอรา ซีด สาววัย 35 ปี ที่ตัดสินใจจะจบชีวิตของตัวเองเพราะต้องต่อสู้กับโรคซึมเศร้าและความผิดหวังในชีวิต แต่ระหว่างทางของความเป็นกับความตายนั้น เธอได้พบกับคนผู้หนึ่งในห้องสมุดแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี่นอราได้พบกับเรื่องประหลาด นั่นก็คือ โอกาสให้ใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งโดยแต่ละชีวิตจะเป็นชีวิตที่สามารถเป็นไปได้ในทุกๆ รูปแบบของนอรา เพื่อดูว่าสรุปแล้วชีวิตไหนกันแน่ที่ดีแท้สำหรับเธอ
หนังสือเล่มนี้นอกจากชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของคำว่า “ โอกาส ” แล้ว อีก 1 ประเด็นที่น่าสนใจก็คือแต่ละชีวิตที่นอราได้ลองไปเป็นมันดีกับนอรากว่าชีวิตของนอราในปัจจุบันจริงหรือไม่ แล้วชีวิตนั้นนอรามีแต่ความสุขสมหวังจริงๆ ใช่ไหม อ่านไปจนจบเราจะพบบทเรียน 1 ข้อแน่ๆ คือ เราทุกคนไม่ได้มีโอกาสใช้ชีวิตในทุกๆ แบบเหมือนนอรา และก็จะนำไปสู่บทเรียนข้อที่ 2 คือ แล้ว เราจะใช้ชีวิตอย่างไรล่ะ จะรับมือกับทุกเรื่องที่น่าเศร้า น่าผิดหวังอย่างไรดี การอ่านชีวิตของนอราเป็นเหมือนการศึกษาตัวอย่างของโจทย์ชีวิต และเป็นการศึกษาที่เพลิดเพลินมากๆ เลยทีเดียว อีกทั้งในหนังสือยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยเกี่ยวกับโลกคู่ขนานในควอนตัมก็ยิ่งอ่านเพลินไปกันใหญ่ เปย์เป้ขอเสนอหนังสือเล่มนี้ให้เป็นอีกเล่มที่มีความงดงาม ดึงดูดใจ อ่านสนุกเหมาะกับช่วงวันหยุดยาวนี้เป็นอย่างยิ่งจ้า
THE APPALACHIAN TRAIL ใจก้าวเท้าเดิน
หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกเรื่องการเดินเท้าของผู้หญิงไทยคนแรกที่ พิชิตแอพพาลาเซียนเทรล ของประเทศสหรัฐอเมริกา และยัง “ เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ยาวที่สุดในโลก ” เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ยาวที่สุดในโลกแล้วล่ะก็ เราก็ไม่ควรจะพลาดที่จะเดินไปชำระเงินและพาน้องกลับบ้าน ด้วยตัวเปย์เป้เองก็มีออกทริปเดินป่าเดินเขาบ้าง เข้าใจว่าบางทริปก็ลำบากสุดๆ บางทริปเหนื่อยจนเหงื่อแทบจะหมดตัว ทุกครั้งที่จบทริปขานี่แทบจะก้าวไม่ออก เราก็เลยอยากรู้ว่าเส้นทางแอพพาลาเซียนเทรลนี่ยากแค่ไหน เดินยังไง มีอุปสรรคอะไรบ้าง
ทุกคนที่เดินเส้นทางนี้จะมีฉายาเป็นของตัวเองแบบตั้งกันเองใช้เรียกกันระหว่างทาง นักเขียนเองก็มี คือ ใช้ฉายาขณะเดินแอพพาลาเซียนว่า CAN DO ซึ่งชื่อนี้ก็มีที่มาที่ … น่ารัก น่าตีมาก (ต้องไปอ่านเอง) CAN DO ก็บอกเล่าเรื่องราวไว้ตั้งแต่ตอนยังไม่เริ่มเดิน ตอนนั้นเธอทำอะไรอยู่ที่เมืองไทย ทำไมถึงตัดสินใจไปเดิน ตลอดถึงการเตรียมตัวก่อนจะเริ่มเดินทาง ระยะทางที่เดิน 3,500 กิโลเมตร ใช้เวลา 192 วัน กับ 2 ขาของ CAN DO ตลอดเส้นทางเขาพบเจออะไรบ้าง เจอหมี เจอโรคภัยไข้เจ็บ มีวันที่ฝนตกจนผ้าเหม็นอับ นอนกลางดิน กินกลางทรายที่แท้ทรู ไหนจะปัญหาเรื่องรองเท้า น้ำก็ไม่ได้อาบ ข้าวปลาอาหารก็หากินลำบาก บางวันเธอก็ท้อจนตั้งคำถามว่า “ มาทำไม ? ”
ตลอดระยะเวลา 6 เดือนบนเส้นทางนี้ CAN DO น่าจะตั้งคำถามนี้กับตัวเองบ่อยครั้งมากๆ แต่ก็ไม่เคยหยุดเดินเช่นเดียวกับนักเดินเทรลอีกหลายร้อยคน " พวกเขาจะแค่หยุดพัก แต่ไม่เคยหยุดเดิน " น้อยคนมากที่จะล้มเลิกและออกจากเส้นทางไป สุดท้ายการเดินทางแอพพาลาเซียนของ CAN DO ได้เป็นบทพิสูจน์ทางร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงความสัมพันธ์ของ CAN DO กับคู่หู (ที่ตอนนั้นกำลังจะเป็นคู่ชีวิต) ได้เป็นอย่างดี ในท้ายที่สุดประสบการณ์ของ CAN DO นั้นอ่านเพลินเกินกว่าจะมาหาเหตุผลว่าเธอมาลำบากทำไม อีกทั้งระหว่างทางที่ CAN DO เจอก็น่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งน้ำใจจากชาวบ้านแถวนั้น วิธีการแก้ปัญหาเมื่อเจอหมีขี้ขโมย รวมไปถึงการเรียนรู้ที่จะอยู่กับอุปสรรคทั้งปวงให้เป็น บอกเลยว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะทำให้เพื่อนๆ เพลิดเพลินจนลืมเวลาได้เลยนะฮะ
Away With the Penguins เดินทางไกลไปหาเพนกวิน
การเดินทางไกลครั้งยิ่งใหญ่ของคุณย่าวัย 86 ปี สู่แอนตาร์กติกาเพื่อจะไปหาเพนกวิน ซึ่งต้องนับว่าเป็นการเดินทางที่ไกลและอันตรายมากๆ สำหรับหญิงชราคนหนึ่ง คำโปรยหนังสือบอกว่า “ เธอไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนฝูงและไม่รู้จะทิ้งทรัพย์สินมหาศาลไว้ให้ใครเมื่อถึงเวลาต้องจากโลกนี้ไป ” และวันหนึ่งเธอได้พบบางอย่างที่เธอสนใจมากๆ มากจนเธอก็ได้ตัดสินใจที่จะเดินทางไปหาเพนกวิน แล้วการเดินทางไปพื้นที่ที่หนาวสุดชีวิตแบบนี้สำหรับหญิงชราจะเป็นอย่างไร? เธอจะอยู่ได้จริงๆ หรอ ?
หนังสือไม่ได้บอกเล่าว่าเวอรอนิกา แม็กครีดี วัย 86 ปีเป็นใคร รู้เพียงแค่เธอรวยมาก และค่อนข้างจะเป็นคนหยิ่งยโส มีสไตล์แบบผู้ดีอังกฤษ จิบชาชั้นเลิศ รสนิยมชั้นเยี่ยม วันหนึ่งเธอได้ใช้บริการของบริษัทเอกชนเพื่อตามหาว่าเธอพอจะมีญาติพี่น้องหลงเหลืออยู่ที่ไหนบ้างไหม และสุดท้ายเธอก็เจอหลานชายชื่อแพทริกที่เกิดจากลูกแท้ๆ ของเธอ แต่การพบกันของย่าและหลานล้วนไม่มีใครประทับใจใครทั้งสิ้น บรรยากาศออกจะอึดอัดซะด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ส่งกล่องของขวัญบางอย่างไปให้หลานชายของเธอ หลังจากใช้เวลากับของที่ย่าส่งมาให้ทัศนคติของหลานชายต่อย่าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ในขณะที่ตัวเวอรินิกาเองก็เริ่มมีความสนใจเหล่าเพนกวินจนถึงขั้นเสนอเงินมรดกจำนวนมากเพื่อสนับสนุนงานวิจัยเกี่ยวกับเพนกวิน อีกทั้งตัวเธอก็ถึงขั้นเดินทางไปหาเพนกวินที่ศูนย์วิจัยเป็นเวลาถึง 3 สัปดาห์แม้เจ้าหน้าที่จะคัดค้านก็ตาม
ซึ่ง 3 สัปดาห์ของการไปอยู่ที่ศูนย์วิจัยนี่แหละที่ทำให้ชีวิตเวอรอนิกาเปลี่ยนไป เราได้เห็นความอ่อนโยนแต่ก็ยังแข็งแกร่ง ความใจสู้แต่ก็ยังยอมอ่อนข้อ ความเอาแต่ใจที่น้อยลง และเห็นใจผู้คนมากขึ้น หนังสือเล่าเรื่องไว้หลายมุม ทั้งจากตัวเวอรอนิกา จากหลานชายของเธอแพทริก จากบล็อกข่าวสารเรื่องเพนกวิน การนำเสนอเรื่องจากทางฝั่งหลานชายก็ช่วยให้เราค่อยๆ รู้จักกับเวอรอนิกามากขึ้น รวมไปถึงเรื่องราวในอดีตของเธอ อะไรทำให้เวอรอนิกาเป็นแบบที่เธอเป็นในทุกวันนี้ และยังมีเฉลยอีกว่าเกิดอะไรกับลูกแท้ๆ ของเธอ การเล่าเรื่องผ่านบล็อกข่าวสารเรื่องเพนกวินก็แสดงให้เราเห็นถึงความน่ารักของน้องๆ เพนกวินจำนวนมหาศาล ชีวิตและความเป็นอยู่ของน้องๆ เป็นอย่างไร และเมื่ออยู่กับเพนกวินเวอรอนิกาเป็นอย่างไร
หนังสือเล่มนี้อาจจะหนาสักหน่อยแต่อบอุ่นหัวใจมากๆ เราจะได้เห็น กำแพงของตัวละครค่อยๆ ทลายลง และแทนที่ด้วยความเข้าใจ เห็นใจ ที่สำคัญเรื่องเล่าก็สนุกชวนติดตามว่าเวอรอนิกาที่ใจแข็งดังหิน ไม่ยอมเปิดใจให้ใคร และไม่มีใครนอกจากทรัพย์สมบัติจะลงเอยแบบใด เพนกวินที่น่ารักและหลานชายเพียงคนเดียวของเธอจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวเธอได้ไหม หลังจากอ่านจบเราค้นพบว่าเวอรอนิกาเป็นบุคคลที่น่านับถือคนหนึ่งเลยทั้งความเป็นเธอและอดีตของเธอ
สำหรับหนังสือทั้ง 5 เล่มที่เปย์เป้นำมาเสนอนี้มีทั้งหนังสือที่ออกมานานแล้ว และหนังสือที่เพิ่งออกมาได้ไม่นานสลับกันไป แต่รับรองว่าช่วยให้เพื่อนๆ ที่พักผ่อนอยู่บ้านไม่ได้ออกทริปไปเที่ยวที่ไหน มีอะไรอ่านเพลินๆ ไม่เหงาแน่นอน การหาหนังสือมาอ่านสักเล่มในวันหยุดก็ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งเช่นกัน ไม่ต้องขยับตัว ไม่ต้องใช้พลังงานมาก ไม่ต้องเหนื่อยจากการขับรถ ยิ่งหาชากาแฟ จุดเทียนหอมๆ ก็สร้างบรรยากาศที่ดีช่วยการพักผ่อนอยู่บ้านผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก
หรือใครที่ไปเที่ยวแต่จะพกติดตัวไปอ่านด้วยก็ได้นะอาจจะยิ่งช่วยให้ช่วงเวลาท่องเที่ยวครบรสมากขึ้น ก่อนนอนก็แค่หยิบหนังสือมาอ่านสักหน่อยก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเลย มีข้อมูลจาก www.lifehack.org บอกข้อดีของการอ่านหนังสือก่อนนอนไว้ข้อหนึ่งว่า " You will sleep better " อย่างไรก็ตามเปย์เป้ขอให้วันหยุดยาวนี้เป็นวันหยุดยาวที่สนุกและมีความสุขนะฮะ
😘
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨