3 โรคเกี่ยวกับดวงตาที่คนติดจอไม่ควรมองข้าม!
โดย : waranggg
"คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน" เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากขึ้น
และยังส่งผลกระทบต่อ "ดวงตา" ยิ่งใช้เวลากับสื่งเหล่านี้มากเท่าไหร่
ยิ่งเสี่ยงเป็น “โรคเกี่ยวกับตา” มากเท่านั้น
มีโรคอะไรบ้าง เรารวมมาให้แล้ว~
เหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่ถึงแม้จะนั่งทำงานหน้าคอมในห้องแอร์สบายๆ ดูเหมือนจะไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคภัยไข้เจ็บใดๆ เหมือนกับอาชีพอื่น ยกเว้นโรคออฟฟิศซินโดรมที่ต้องคอยระวัง แต่รู้หรือไม่ว่ามีอีกหลายโรคที่ต้องที่เป็นภัยต่อมนุษย์ออฟฟิศ หนึ่งในนั้นคือ"โรคที่เกี่ยวกับตา" ที่สาเหตุมักเกิดจากการต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานนั่นเอง จะมีโรคหรืออาการอะไรที่เราต้องระวังบ้าง เรารวมมาให้แล้วค่า~
คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (CVS)
เป็นโรคที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์รวมไปถึงแทบเล็ตและโทรศัพท์มือถือ ติตต่อกันเกินวันละ 2 ชั่วโมงขึ้นไป หรือเกิดจากการวางตำแหน่งคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม เช่น การวางคอมพิวเตอร์ห่างจากจากระยะสายตาน้อยกว่า 20 - 28 ซม.
อาการ
ปวดตา ตาพล่า ตามัว ระคายเคืองตา ตาแห้ง รวมไปถึงอาการปวดศรีษะ ปวดคอและปวดหลัง
การรักษา
สามารถทำได้โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ เช่น วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากสายตา 20 - 28 ซม. หมั่นพักสายตาจากหน้าจอทุกๆ 2 ชั่วโมง หรือกระพริบตาบ่อยๆ เป็นต้น
จอประสาทตาเสื่อม
เป็นโรคที่เกิดจากการอาการเสื่อมของจุดชัดของจอประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะตรงกลางภาพ แต่ยังสามารถมองเห็นภาพด้านข้างได้เช่นเดิม โดยส่วนมากจะพบในผู้สูงอายตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
- จอประสาทตาแบบแห้ง เกิดจากการเสื่อมของจอประสาทตา ซึ่งอาการจะค่อยเป็นไปอย่างช้าๆ
- จอประสาทตาชนิดเปียก เกิดจากการเกิดตัวของเส้นเลือดใหม่ ถ้าเส้นเลือดนั้นบอบบางและเกิดการรั่วซึม จนจุดมองภาพบวม จึงทำให้เรามองเห็นภาพบิดเบี้ยวไป และสูญเสียการมองเห็นจุดกลางของภาพในที่สุด
อาการของโรค
โรคนี้เป็นโรคที่สังเกตอาการในระยะเริ่มต้นได้ค่อนข้างยาก แต่เมื่ออาการเสื่อมเพิ่มมากขึ้น จะมีอาการต่อไปนี้
- มองเห็นภาพบิดเบี้ยว
- มองภาพสีเพี้ยนไป
- ตาแพ้แสงง่าย
- เวลามองภาพจะมีเงาหรือจุดดำบังตรงกลางภาพ
การรักษา
สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการเลเซอร์ การฉีดยายับยั้งการเกิดของเส้นเลือดใหม่ (สำหรับจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก) และการผ่าตัด
ภาวะวุ้นในประสาทตาเสื่อม
ภายในดวงตาของเราจะมี "วุ้นตา" ที่มีลักษณะคล้ายกับไขข่าว อยู่ติดกับบริเวณจอตาด้านหลัง มีหน้าที่เป็นทางผ่านของแสง ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้น หรือมีการใชสายตามากจนเกินไป จะทำให้วุ้นตาเสื่อมและจับตัวกันเป็นตะกอนเล็กๆ ขึ้น
อาการของโรค
เมื่อไปที่ที่มีแสงสว่าง เช่น ท้องฟ้า หรือฉากสีขาว จะมองเห็นเส้นหยากไย่ หรือจุดดำลอยไปมา หรือในกรณีที่จอตาด้านหลังและวุ้นตาดึงรั้งกันอยู่ จะทำให้เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลชขึ้นมาเมื่ออยู่ในที่มืด
การรักษา
ภาวะวุ้นจอตาเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ สมองจะปรับตัวและเกิดความเคยชิน จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการมองเห็น แต่หากไม่สบายใจสามารถเข้าพบจักษุแพทย์ได้เช่นกัน
วิธีการป้องกันจากโรคเกี่ยวกับตา
- วางคอมพิวเตอร์ให้ห่างจากสายตาประมาณ 20 -28 ซม. และวางให้จุดกึ่งกลางของคอมพิวเตอร์อยู่ตำ่กว่าระดับสายตา 15 -20 องศา
- ไฟในห้องทำงานต้องไม่สว่างจนเกินไป เพื่อลดการสะท้อนของแสงที่หน้าจอ
- พักสายตาด้วยใช้สูตร 20-20-20 คือ พักสายตาทุกๆ 20 นาที โดยการมองไปที่วัตถุที่ห่างออกไป 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที
- หากมีอาการปกติเกี่ยวกับสายตาควรรีบพบจักษุแพทย์ให้เร็วที่สุด
🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈
- ผู้ที่มีอาการเสี่ยงเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ควรงดสูบบุหรี่ เพราะมีโอกาสเสี่ยงกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า
- ภาวะวุ้นจอประสาทตาเสื่อม แม้จะไม่อันตรายมากก็จริง แต่เมื่อมีอาการควรรีบพบจักษุแพทย์ก็จะดีที่สุดค่า
- ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญ อย่าลืมถนอมและดูแลรักษาเค้าให้ดีๆ น้า
ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลศิริราช และ โรงพยาบาลสมิตเวช
โดย waranggg
thaitealism