รู้จัก Daniel Wellington แบรนด์เครื่องประดับน้อยแต่มาก ที่โตได้ด้วยพลังของโซเชียล !
โดย : imnat
น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชึ่น 😉
ถ้าให้เปย์เป้นิยามแบรนด์เครื่องประดับที่เรากำลังจะพูดถึงกันในคอนเทนต์นี้ ส่วนตัวเปย์เป้คิดว่าคงจะไม่มีคำอธิบายไหน ที่อธิบายแล้วเห็นภาพได้เท่ากับคำนิยามด้านบนนี้อีกแล้ว ซึ่งเปย์เป้เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนน่าจะรู้จักและคุ้นเคยกับแบรนด์ Daniel Wellington แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติสวีเดนกันดีอยู่แล้ว โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้เพื่อน ๆ รู้จักกับแบรนด์นี้ เปย์เป้ให้เกิน 50% เลยว่า เพื่อน ๆ น่าจะรู้จักแบรนด์นี้มาจากบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะไทย หรือต่างประเทศ
อย่างบางคนรู้ทั้งรู้ว่าเป็นการจ้างมาโปรโมท แต่มันก็หยุดความอยากได้ไม่ได้เลย สรุปสุดท้ายแล้วเป็นไง ก็เสียเงินไปตามระเบียบยังไงล่ะฮะ วันนี้เปย์เป้เลยตั้งใจจะพาทุกคนไปรู้จักกับแบรนด์ Daniel Wellington นี้กันให้มากขึ้น พร้อมพิสูจน์หาความจริงกับคำถามที่ว่า การที่แบรนด์ Daniel Wellington มีทุกวันนี้ได้เพราะพลังแห่งอินฟลูเอนเซอร์จริงหรอ มาหาคำตอบกัน ! 🤔
Daniel Wellington คนชื่อนี้มีอยู่จริง !
ถ้าเปย์เป้เป็นคนที่ชื่อ Daniel Wellington อาจจะยิ้มเบา ๆ ก่อนตอบสั้น ๆ ว่า Never Mind ถ้าที่ผ่านมาเพื่อน ๆ เคยอ่าน Brand Story ของเรากันมาบ้าง คงจะพอจำกันได้ราง ๆ ว่าจุดเริ่มต้นของชื่อแบรนด์ส่วนใหญ่ มักจะมาจากชื่อของตัวเอง ลูก หรือไม่ก็ภรรยา ซึ่งจะบอกว่าจุดเริ่มต้นของชื่อ Daniel Wellington นี้ มาจากชื่อและนามสกุลของ ผู้มีพระคุณ ของ Filip Tysander เจ้าของแบรนด์ Daniel Wellington ซึ่งถ้าถามว่า บุคคลนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณ เปย์เป้ขอเท้าความย้อนกลับไปในสมัยที่ Tysander เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ในสมัยนั้น Tysander ได้มีเว็บไซต์ขายสินค้าของตัวเองอยู่แล้ว 2 ร้าน ได้แก่ ร้านขายเนคไท กับร้านขายนาฬิกาพลาสติกที่กำลังเป็นที่นิยมในสมัยนั้น
หลังจากเรียนจบในสาขาบริหารธุรกิจ Tysander ก็ได้เข้าทำงานประจำ แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน Tysander ก็ยังคิดว่างานที่เค้าทำอยู่นั้นมันยังไม่ใช่ แถมยังทำให้เค้าถูกไล่ออกมาแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งเค้าก็เหมือนเด็กวัยรุ่นอย่างเรา ๆ นี่แหละ เมื่อรู้ตัวว่ายังไม่ใช่ บวกกับยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มันเลยทำให้เค้าตัดสินใจเบรกจากทุกอย่าง ก่อนจะหนีไป Backpack คนเดียวที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งที่นั่นทำให้เค้าได้เจอกับนักเดินทางคนนึง ที่นอกจากจะเป็นนักเดินทางเหมือนกันกับเค้าแล้ว ยังกลายมาเป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญ ซึ่งชื่อของเค้า เราแทบจะไม่ต้องเดากันเลย เพราะชายผู้นั้นมีชื่อว่า Daniel Wellington นั่นเอง
ความสำเร็จไม่ได้มาแค่คืนเดียว
"เมื่อล้มได้ ก็ต้องลุกได้"
การเจอกันในครั้งนั้น ทำให้ตัวของ Tysander ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนนักเดินทางคนนี้กลับมาเยอะมาก ด้วยบุคลิกท่าทาง รวมถึงสไตล์ทุกอย่างของ Daniel ทำให้ Tysander รู้สึกถูกจริตกับเพื่อนใหม่คนนี้เป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้เค้าถูกจริตและก็ประทับใจมากที่สุดนั้นได้แก่ นาฬิกาข้อมือวินเทจยี่ห้อ Rolex ด้วยความเรียบง่าย แต่ดูมีอะไรของนาฬิกาเรือนนั้น เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ Tysander ตัดสินใจควักเงินของตัวเองกว่า 24,000 ดอลลาร์ในการลงทุนกับธุรกิจที่ 3 ที่ได้เปลี่ยนชีวิตของคน ๆ นึง จากที่กำลังล้มเหลว หาทางออกในชีวิตไม่ได้ ให้กลายเป็นมีความหวัง และมีพลังขึ้นมาได้อีกครั้ง !
"น้อยแต่มาก" ที่สามารถดูดเงินในกระเป๋าของเราได้ทุกเมื่อ
ในปี 2011 Product ไลน์แรกของ Daniel Wellington ก็ได้ถูกเปิดตัวออกมา ซึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก นาฬิกา ที่ Tysander ได้ดึงจุดขายของความมินิมอลและเรียบง่ายจากความประทับใจแรกในตอนที่เค้าได้เจอกับ Daniel Wellington (ที่เป็นคนจริง ๆ) ออกมาใช้ สำหรับข้อดีของนาฬิกาแบบมินิมอลและเรียบง่ายนี้ก็คือ ไม่ว่าจะหยิบขึ้นมาใส่เมื่อไหร่ ในโอกาสไหน ดีไซน์ของนาฬิกาก็สามารถเข้ากับทุกสถานการณ์ของชีวิตเราได้ทั้งนั้น แต่ใดใดก็ตามเจ้าตัวนาฬิกาของเค้าก็ยังมีกิมมิกเล็ก ๆ ที่ช่วยมาสร้างสีสันให้กับการใส่นาฬิกาของเราไม่ให้น่าเบื่อ ด้วยการให้สายของนาฬิกา สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ และสายที่เป็นเอกลักษณ์ และถูกพูดถึงมากที่สุดก็ได้แก่ สาย NATO
ต้องออกตัวก่อนว่าจุดเริ่มต้นของสาย NATO อันเป็นเอกลักษณ์ของ Daniel Wellington นี้ไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นมาโดย Tysander นะ แต่เค้าได้แรงบันดาลใจมาจาก สายนาฬิกาของกองทัพนาโต้ ที่บูมมาก ๆ ในช่วง 70s ซึ่งจุดเด่นของสายนาโต้นี้ได้แก่ วัสดุที่ใช้ ที่ก่อให้เกิดลวดลาย ซึ่งหลัก ๆ นั้นทำมาจากผ้าและไนลอน มีห่วงแบน ๆ ที่ร้อยสายเข้ากับตัวเรือน โดยสายนาโต้ของ Daniel จะมีให้เลือกหลายสี หลายแบบ ซึ่งต้องบอกเลยว่า Tysander สามารถนำสไตล์ของนาฬิกาที่เคยบูมมาก่อนในอดีต ให้กลับมาฮิตได้อีกครั้ง และอย่างที่เราเห็นกันว่า ต่อให้รูปแบบของนาฬิกาจะมินิมอลแค่ไหน แต่ถ้าผู้ใส่อยากจะได้สีสันหรือกิมมิกอะไรที่เข้ามาเติมเต็มให้แก่ตัวเรือนธรรมดา ๆ เราก็สามารถหาซื้อสายมาแต่งตัวให้นาฬิกาของเราเพิ่มเติมกันได้ 🤩
"พลังแห่งอินฟลู" ทำให้ Daniel Wellington มีวันนี้
ก่อนหน้านี้มีใครจำกันได้บ้าง ว่า Tysander เรียนจบจากสาขาบริหารธุรกิจ และต่อให้เค้าจะค้นหาตัวเองไม่เจอหลังเรียนจบ แต่เค้าก็ได้งัดวิชาเรียนที่ถนัด ออกมาใช้ได้แบบถูกที่ ถูกจังหวะ หลังจากใช้เวลากว่า 5 ปีในการเรียนด้านนี้มา ทำให้ Daniel Wellington เป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งในเรื่องของการทำการตลาด, การใช้กลยุทธ์ รวมถึงการทำแคมเปญออนไลน์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับแบรนด์เครื่องประดับอื่น ๆ แล้ว จะบอกว่าสาขาของ Daniel Wellington นั้นมีจำนวนที่น้อยมาก ๆ แต่เพราะอะไรที่ทำให้แบรนด์โตขึ้น และเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้ได้ เปย์เป้ขอยกเครดิตให้ ความสามารถด้านการทำการตลาดออนไลน์ของ Tysander เลยฮะ
ด้วยเทคนิคที่ใช้ในการทำการตลาด ทำให้ Daniel Wellington เปิดตัวด้วยยอดขายนาฬิกามากถึง 1 ล้านเรือนในปีแรก แถมยังสร้างกำไรได้มากกว่า 70 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้ว่าทางแบรนด์จะได้ใช้พลังมหาศาลไปกับการลงทุนจ้างอินฟลูเอนเซอร์มาโปรโมทสินค้า แต่นั่นก็นับว่าเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม แม้รู้ทั้งรู้ว่านี่เป็นการทำการตลาด แต่มันก็ทำให้คนทั่วไปที่ได้เห็น เกิดแรงจูงใจอยากจะซื้อสินค้าตามขึ้นมาได้ ก็คงเหมือนอย่างที่เราเคยได้ยินกันมานั่นแหละ ในเมื่อไม้แขวนมันดี มีอย่างที่ไหนคนจะไม่ซื้อตาม 😎
อีซองคยอง และฟ่าน ปิงปิง Global Brand Ambassador คนปัจจุบันของ Daniel Wellington
ในปี 2015 ที่ผ่านมา Daniel Wellington ก็ได้กลายเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่สามารถทำรายได้ ได้มากถึง 200 ล้านดอลลาร์ในเวลาแค่เพียง 4 ปี ส่งผลทำให้ Tysander ได้รับรางวัลในฐานะ Male Star of the Year ในปีเดียวกัน แถม Daniel Wellington ยังเป็นแบรนด์นาฬิกาที่โตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของปี 2015 ในตอนนั้นอีกด้วย
ไม่ได้เป็นแค่แบรนด์นาฬิกาอีกต่อไป
แต่ตอนนี้ Daniel Wellington ได้กลายเป็นแบรนด์เครื่องประดับ
สำหรับ Unisex ไปเรียบร้อยแล้ว
ตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ Daniel Wellington ก็ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่ปีที่ 11 เป็นที่เรียบร้อย จากจุดเริ่มต้นที่มาจากเว็บไซต์ และจากความสามารถด้านการทำการตลาด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ด้วยพลังจากทั้งหลายทั้งมวลนี้ทำให้ Daniel Wellington โตมาได้ยาวนานจนเดินทางเข้าสู่ปีที่ 11 เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งข้อดีของการใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการทำการตลาดหลัก ๆ เลยก็คือ ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้าน คนทั่วโลกก็สามารถเปิดเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าของเราได้ แล้วเดี๋ยวนี้บริษัทขนส่งก็สามารถเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกนี้ได้แบบสะดวกแล้ว ดังนั้น ต่อให้ไม่มีหน้าร้าน หรือมีหน้าร้านน้อยสาขาแค่ไหน นั่นดูเหมือนว่าจะไม่เป็นปัญหาสำหรับ Daniel Wellington เลย
แล้วเดี๋ยวนี้นอกจากนาฬิกาแล้ว Daniel Wellington ก็ได้งอกไลน์เครื่องประดับตามออกมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น แหวน, สร้อย หรือกำไลข้อมือ ซึ่งก็ยึดตามสไตล์น้อยแต่มากอยู่เหมือนเดิม อีกทั้งสไตล์ที่สามารถหยิบจับมาใส่เมื่อไหร่ก็ได้ ผู้หญิงใส่ได้ ผู้ชายก็ใส่ได้ Daniel Wellington เลยกลายเป็นแม่แบบของการทำการตลาดที่น้อยแต่มากที่ดีมาก ๆ แค่จับทางถูก แล้วลงมือทำ แล้วอาศัยพลังของโซเชียลมีเดียในการกระตุ้นอยู่เรื่อย ๆ เชื่อเปย์เป้เถอะว่า กระแสและความนิยมของแบรนด์ Daniel Wellington ก็ยังคงอยู่ และดูท่าว่าจะอยู่ได้เรื่อย ๆ ยาว ๆ เลยด้วย 😉
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่อยากจะเริ่มต้นซื้อเครื่องประดับของ Daniel Wellington แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากอะไร เปย์เป้ขอแนะนำเป็นนาฬิกาข้อมือสาย NATO อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ (เริ่มต้น 4,150 บาท) หรือใครที่มี Smart Watch อยู่กับตัว จะบอกว่าตอนนี้ทาง Daniel Wellington เค้าได้ปล่อย Product ใหม่ อย่างสายนาฬิกา Smart Watch ออกมาแล้วด้วยนะ (เริ่มต้น 7,050 บาท) บอกเลยว่าน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ สมชื่อแบรนด์มากเลยฮะ ดู Product เพิ่มเติมได้ที่นี่ > คลิก
ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก : Daniel Wellington, Wikipedia และ Business Insider
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)