8 จุดในรถที่ควรเช็ค ก่อนออกทริปต่างจังหวัด

avatar writer
โดย : Xyanyde
avatar writer20 ธ.ค. 2567 avatar writer11
8 จุดในรถที่ควรเช็ค ก่อนออกทริปต่างจังหวัด

ใกล้ช่วงปีใหม่จะได้หยุดยาว ๆ กันแล้ว หลายคนน่าจะวางแผนไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน และหลายบ้านก็น่าจะขับรถไปเที่ยวกันเองด้วย ซึ่งการขับรถออกต่างจังหวัดแต่ละทีเนี่ย อย่างน้อยเราควรจะเช็ครถตัวเองซักหน่อยว่ามันอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่ไปดับหรือเกิดปัญหากลางทาง...วันนี้เราเลยมาแนะนำ 8 จุดในรถที่ควรเช็กก่อนออกทริปต่างจังหวัดกัน


 

เช็กสภาพรถก่อนเดินทาง

 

สำหรับการเช็กสภาพรถ จะเป็นการที่เราตรวจดูอาการของรถว่าสมบูรณ์พร้อมออกทริปรึเปล่า คือถ้าเกิดพบอาการผิดปกติก็เอารถไปเข้าศูนย์ให้ช่างแก้ไขปัญหากันอีกทีนึง (ในกรณีที่แก้เองไม่ได้)

 


 

จุดสำคัญที่ควรเช็ก 8 จุด

 

1. ยางรถยนต์

เป็นส่วนสำคัญอันดับต้น ๆ เลย เพราะถ้าเกิดความผิดปกติแค่นิดเดียวก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุกันได้เลย โดยสิ่งที่ต้องเช็กก็จะมีทั้ง

  • ดอกยางไม่สึกมากเกินไป
  • แก้มยางไม่แตก ไม่มีรอยร้าว รอยปริ หรือรอยรั่ว 
  • ยางไม่บวมหรือนูน
  • เนื้อยางไม่แข็งกระด้าง (ทดลองใช้เล็บจิกตรงดอกยาง ถ้าไม่ทิ้งรอยแสดงว่าเนื้อยางแข็งแล้ว ควรเปลี่ยน)

ตรวจสภาพรถ


 

2. น้ำมันเบรก

อันนี้ก็สำคัญมาก เพราะถ้าเบรกรถเรามีปัญหาคือเรื่องใหญ่เลย ได้เกิดอุบัติเหตุกันแน่ ๆ โดยน้ำมันเบรกปกติจะเปลี่ยนทุก ๆ 1-2 ปี หรือประมาณ 40,000 กม. และก่อนออกทริปก็ควรสังเกตปริมาณน้ำมันเบรกก่อน ให้อยู่ในปริมาณ Max ตลอดเวลา (ถ้าพึ่งเติมไปไม่นานแต่น้ำมันเบรกลดลงเร็วไป ควรให้ช่างเช็กว่ารั่วรึเปล่านะ)

 

ตรวจสภาพรถ


 

3. น้ำมันเครื่อง

จุดนี้เช็คเพื่อให้รถยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดเวลา เพราะน้ำมันเครื่องจะคอยช่วยหล่อลื่นระบบเครื่องยนต์ให้ำงานได้แบบไม่มีสะดุดนั่นเอง 

สำหรับวิธีเช็กก็แค่เปิดฝากระโปรงรถขึ้นมาแล้วมองหาก้านเช็กระดับน้ำมันเครื่อง (ส่วนมากจะมีแถบสีส้มหรือสีเหลืองติดไว้) ก็ให้ดึงขึ้นมาแล้วเอากระดาษทิชชู่เช็ด 1 รอบ จากนั้นก็แยงลงไปอีกทีแล้วดึงขึ้นมาเพื่อดูระดับของน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะหรือไม่ ถ้าต่ำกว่าระดับ Min ก็ซื้อมาเติมซะ

 

ตรวจสภาพรถ


 

4. เช็กหม้อน้ำ

ถ้าขับรถทางไกลแล้วเกิดความร้อนสูงจนเครื่องยนต์น็อค รับรองว่าหมดสนุกแน่...เพราะงั้นก็ต้องเช็คหม้อน้ำรถยนต์ให้ดี วิธีคือรอให้เครื่องเย็นลงก่อน (ห้ามเช็คตอนเครื่องยนต์กำลังร้อน ๆ นะ...อันตราย) จากนั้นก็เปิดฝาหม้อน้ำดูว่าน้ำยาหล่อเย็นไม่ต่ำกว่าระดับ Min / Low ถ้าต่ำกว่าก็ไปหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นมาเติมซะเลย

 

ตรวจสภาพรถ

 


 

5. หลอดไฟรถยนต์

ส่วนนี้ถ้าคนที่ขับรถเฉพาะตอนกลางวันจะไม่ค่อยสังเกตกัน เพราะสตาร์ทรถแล้วก็ออกตัวไปเลย ซึ่งจริง ๆ พวกหลอดไฟรถยนต์ก็เป็นอะไรที่สำคัญ โดยเฉพาะเวลาขับตอนกลางคืนถ้าเราไม่รู้ตัวว่าหลอดไฟรถดับไม่ว่าจะหน้าหรือหลัง ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงบนท้องถนนได้เลย เพราะฉะนั้นสตาร์ทรถแล้วก็เดินลงมาเช็กซะหน่อยว่าไฟติดทุกดวงมั้ย ไม่ว่าจะไฟหน้า ไฟสูง ไฟหลัง ไฟเบรก ไฟเลี้ยว

 


 

6. น้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ก็เป็นส่วนท่สามารถเช็กด้วยตัวเองได้ แต่อาจจะต้องอ่านคู่มือรถของเราหน่อยว่า "ก้านน้ำมันเกียร์" มันซ่อนอยู่ตรงไหน แต่ก่อนหน้านั้นก็ให้สตาร์ทรถทิ้งไว้ก่อนซัก 2-3 นาที (หรือไม่ต้องสตาร์ทก็ได้เหมือนกัน) จากนั้นเหยียบเบรกเอาไว้แล้วลองเปลี่ยนเกียร์ไปมาให้ครบทุกตำแหน่ง แล้วกลับมาที่ P 

ทีนี้เปิดกระโปรงรถแล้วดึงก้านน้ำมันเกียร์ขึ้นมาดู ถ้าเราเช็กตอนสตาร์ทเครื่องระดับน้ำมันเกียร์ต้องไม่เกินขีด Hot แต่ถ้าเช็กตอนเครื่องเย็นระดับต้องไม่ต่ำกว่าขีด Cool 

 


 

7. แบตเตอรี่

จุดนี้จะทำให้เกิดเรื่องวุ่น ๆ อย่างสตาร์ทรถไม่ติดและต้องอาศัยรถคันอื่นมาจั๊มแบตเตอรี่ให้ วุ่นวายเสียเวลา อันนี้เช็คเองได้จากอายุการใช้งานว่าแบตเตอรี่เราอายุเท่าไหร่แล้ว ถ้าต่ำกว่า 1 ปี คือยังปลอดภัย แต่ถ้ามากกว่า 1 ปี อาจต้องเอารถเข้าศูนย์ให้ช่างตรวจดูว่าสถานะแบตเตอรี่รถของเรายังอยู่ดีมีสุข ไม่ต้องกลัวไปจอดแช่เพราะสตาร์ทไม่ติดกลางทาง

 

ตรวจสภาพรถ


 

8. ใบปัดน้ำฝน

เหมือนจะไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดใบปัดน้ำฝนหรือระบบฉีดน้ำมีปัญหาขึ้นมา เวลาฝนตก หรือรถฝั่งตรงข้ามขับสวนแล้วน้ำบนถนนสาดขึ้นมาใส่หน้ากระจกเราแล้วที่ปัดใช้ไม่ได้ล่ะก็...เป็นเรื่อง 

 

ตรวจสภาพรถ


 

เท่านี้ก้น่าจะออกทริปต่างจังหวัดกันได้แบบสบายใจแล้วล่ะ แต่ถึงสภาพรถจะพร้อมแล้ว...สภาพคนขับก็ต้องพร้อมด้วยนะ เพราะงั้นก่อนจะออกทริปยาว ๆ ก็อย่าลืมพักผ่อนนอนหลับกันให้เต็มที่ด้วยนะ

 

  • avatar writer
    โดย Xyanyde
    เรื่องเทคโนโลยี หรืออะไรที่มันล้ำ ๆ ขอให้บอกเท้อออ
แสดงความคิดเห็น