ลูกจ๋า แม่ไม่พร้อม ! รวม 4 วิธีคุมกำเนิดชั่วคราว วิธีไหนดี มีผลข้างเคียงยังไงบ้าง ?
โดย : waranggg

ในช่วงเวลาของโรคระบาดที่ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไหร่ ไหนจะเรื่องเศรษฐกิจที่แสนจะซบเซา ทำเอานาทีนี้หลายๆ คนถึงกับต้องพับโครงการการใช้เงินไว้ก่อนแบบไม่มีกำหนด รวมไปถึงคู่รักหลายๆ คู่ที่ตัดสินใจเลื่อนแพลนการมีเบบี๋ออกไปก่อนด้วย เพราะการที่มีหนึ่งชีวิตน้อยๆ เกิดมา โดยที่พ่อและแม่ยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูในสถานการณ์แบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่โอเคเอาซะเลย เพราะฉะนั้นการคุมกำเนิดจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่การคุมกำเนิดนั้นก็มีอยู่หลายวิธีมากๆ วิธีไหนดีไม่ดียังไง เปย์เป้รวมมาไว้ให้แล้ว
รวม วิธีการคุมกำเนิด ทางออกของคู่รักที่ยังไม่พร้อมเป็นคุณพ่อคุณแม่มือใหม่
👶🏻 การกินยาคุมกำเนิด
วิธีการคุมกำเนิดที่นิยม ง่าย และค่อนข้างได้ผลดี คือการใช้ยาคุมกำเนิดโดยสามารถคุมกำเนิดได้ผลมากถึง 99% ซึ่งยาคุมกำเนิดมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน คือ ยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา และ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
ยาคุมกำเนิดแบบธรรมดา หรือยาคุมแบบรายเดือน มี 2 ชนิด คือ ชนิดฮอร์โมนรวม ที่มีส่วนประกอบทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตรเจน และยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่มีเพียงฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเพียงอย่างเดียว ยาคุมแบบนี้เป็นยาคุมที่ต้องกินเป็นประจำทุกวัน มีลักษณะเป็นแผงๆ มีให้เลือก 2 แบบ คือ แบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ยาคุมประเภทนี้จะใช้เฉพาะเวลาฉุกเฉินหรือกินเมื่อจำเป็นเท่านั้น โดยจะมียาทั้งหมด 2 เม็ด มีเพียงฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียว ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดประมาณ 80-90% โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่กินยาด้วย ยิ่งกินช้าเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น
ข้อดีของการกินยาคุมกำเนิด
- เป็นการคุมกำเนิดที่ง่ายและสะดวก สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาใกล้บ้านได้เลย
- ราคาไม่สูงมาก มีให้เลือกหลายระดับราคา เริ่มต้นที่แผงละ 50-500 บาทเท่านั้น
ข้อเสียของการกินยาคุมกำเนิด
- ต้องกินสม่ำเสมอและตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน ถ้าหากว่าลืมกินอาจจะต้องใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือวิธีการคุมกำเนิดอื่นๆ ร่วมด้วย
- อาจจะเจอกับผลข้างเคียงได้ เช่น น้ำหนักขึ้น สิวขึ้น ประจำเดือนมาไม่ปกติ และอาจมีอารมณ์แปรปรวนด้วย
👶🏻 การฉีดยาคุม
การฉีดยาคุมกำเนิดคือการฉีดฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) เข้าไปเพื่อยับยั้งการตกไข่ และช่วยให้ผนังมดลูกบางลง ทำให้เกิดการปฏิสนธิได้ยาก เป็นอีกวิธีคุมกำเนิดที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่จำเป็นต้องกินยาทุกวัน แต่ได้ประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกัน การฉีดยาคุมกำเนิดมีทั้งหมด 2 แบบ ตามนี้เลย
การฉีดแบบฮอร์โมนเดี่ยว หรือเมดรอกซีโปรเจสเทอโรน (Medroxyprogesterone)
มีเพียงฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเท่านั้น จะช่วยทำให้ผนังมดลูกบางลง ทำให้ไข่ที่มีการปฏิสนธิแล้วไม่สามารถเกาะตัวได้ โดยจะต้องฉีดทุกๆ 3 เดือน และอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ แต่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพรุนแรง ราคาประมาณ 100-200 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล)
การฉีดแบบฮอร์โมนรวม หรือเมดรอกซีโปรเจสเตอโรน (Medroxyprogesterone) และเอสทราดิอัล ไซพิโอเนท
เป็นยาคุมกำเนิดแบบฉีดที่มี 2 ฮอร์โมน คือ โปรเจสเตอโรนและเทสโทสเตอโรน ซึ่งจะช่วยให้ไข่ฟ่อ ไม่สามารถผสมกับอสุจิและเกิดการปฏิสนธิได้ ต้องฉีดเป็นประจำทุกเดือน การฉีดแบบฮอร์โมนรวมแบบนี้ประจำเดือนจะยังคงมาตามปกติ แต่จะไม่เหมาะกับแม่ๆ ที่ยังต้องให้นมเบบี๋ เพราะอาจทำให้น้ำนมน้อยหรือแห้งได้ ราคาประมาณ 200-500 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาล)
ข้อดีของการฉีดยาคุมกำเนิด
- คุมกำเนิดได้ผลดีและต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องกินยาทุกวัน ฉีด 1 เข็มสามารถคุมกำเนิดได้นาน 1-3 เดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการฉีดที่เราเลือกด้วย
- ฉีดยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยว คุณแม่ที่ยังต้องให้นมลูกก็สามารถฉีดได้
- เมื่อต้องการหยุดคุมกำเนิด ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ ฤทธิ์ของยาจะหมดไปเอง เมื่อเราไม่ได้ไปฉีดครั้งถัดไปตามที่แพทย์นัด
ข้อเสียของการฉีดยาคุมกำเนิด
- ต้องฉีดต่อเนื่องเป็นประจำและต้องให้คุณหมอฉีดเท่านั้น ไม่สามารถฉีดเองได้
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
- มีผลข้างเคียง เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ วิงเวียนศีรษะ ปวดเต้านม และอาจจะส่งผลให้โพรงกระดูกพรุนด้วย
👶🏻 การฝังยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เป็นยาคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่ออกฤทธิ์นาน 3-5 ปี โดยจะใช้หลอดที่บรรจุฮอร์โมนโปรเจสติน ขนาดประมาณ 3 ซม. ฝังที่ใต้ท้องแขนด้านใน ข้างที่ไม่ถนัด โดยใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีเท่านั้น และยังเป็นการคุมกำเนิดที่ได้ประสิทธิภาพสูงมากอีกวิธีหนึ่งเลย
การทำงานของการฝังยาคุมกำเนิด คือ ตัวฮอร์โมนจะค่อยๆ ซึมจากหลอดยาเข้าสู่ร่างกาย และไปยับยั้งการตกไข่ และทำให้มูกบริเวณปากมดลูกมีความเข้มข้นขึ้น ทำให้อสุจิผ่านเข้าไปได้ยากขึ้น และยังทำให้ผนังมดลูกบางลง จนทำให้ไข่ที่เกิดการปฏิสนธิไม่สามารถฝังตัวจนเกิดเป็นตัวอ่อนได้
ข้อดีของการฝังยาคุม
- เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่สะดวก เพราะฝัง 1 ครั้งสามารถคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี และมีประสิทธิภาพสูง อัตราการล้มเหลวน้อย
- สามารถฝังได้ทันทีที่คลอดลูกแล้วหรืออยู่ในระหว่างให้นมลูกก็สามารถฝังได้
- หากต้องการหยุดการคุมกำเนิด สามารถนำยาที่ฝังออกเมื่อไหร่ก็ได้ และการฝังยาคุมสามารถกลับมามีโอกาสตั้งท้องได้ไวกว่าการฉีดยาคุมด้วย
ข้อเสียของการฝังยาคุม
- การฝังยาคุมอาจมีผลข้างเคียง ทำให้มีประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือในบางคนประจำเดือนอาจจะมามากขึ้นหรือมาถี่ขึ้นได้
- ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
👶🏻 การใส่ห่วงอนามัย
การใส่ห่วงอนามัย เป็นการใส่อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นห่วงคล้ายตัว T ขนาดประมาณ 3 ซม. ใส่ให้พอดีกับมดลูกเพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ วิธีนี้เป็นการคุมกำเนิดที่อาจจะไม่ได้รับความนิยมในหมู่สาวๆ มากนัก เพราะว่าในช่วงแรกๆ ของการใส่ห่วงต้องอาศัยการปรับตัวของร่างกายค่อนข้างมาก แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพการคุมกำเนิด คือ สูงมาก และคุมกำเนิดได้นานตั้งแต่ 3-10 ปีเลยทีเดียว ซึ่งการใส่ห่วงอนามัยในปัจจุบันแบ่งได้ 2 แบบ คือ
ห่วงอนามัยแบบเคลือบสารทองแดง
เป็นห่วงอนามัยที่มีทองแดงพันอยู่รอบๆ อุปกรณ์ เมื่อใส่ห่วงชนิดนี้จะปล่อยสารทองแดงออกมาทำให้เยื่อบุมดลูกเกิดการอักเสบ จนไข่ไม่สามารถปฏิสนธิได้ สามารถคุมกำเนิดได้นานถึง 10 ปี
ห่วงอนามัยแบบเคลือบฮอร์โมนโปรเจสติน
เป็นห่วงคุมกำเนิดที่จะเคลือบฮอร์โมนโปรเจสตินไว้ เมื่อใส่ห่วงชนิดนี้ฮอร์โมนจะค่อยๆ ซึมเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายผลิตมูกในช่องคลอดมากขึ้น ทำให้อสุจิผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ยากขึ้น
ข้อดีของการใส่ห่วงอนามัย
- ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดสูงและมีอายุการใช้งานนาน 3-10 ปี
- เหมาะสำหรับสาวๆ ที่กังวลเรื่องน้ำหนักขึ้นหลังการคุมกำเนิด หรือคนที่ไม่อยากใช้ฮอร์โมนในการช่วยคุมกำเนิด การใส่ห่วงอนามัยแบบเคลือบทองแดงก็ถือว่าตอบโจทย์
- หากต้องการหยุดคุมกำเนิด สามารถพบแพทย์เพื่อนำห่วงออกได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอจนครบอายุการใช้งาน
ข้อเสียของการใส่ห่วงอนามัย
- มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการคุมกำเนิดแบบอื่นๆ ราคาเริ่มต้นประมาณ 3,000 บาท
- ต้องไปพบแพทย์เสมอเพื่อตรวจเช็กว่าสภาพห่วงว่ายังอยู่ในสภาพเดิมหรือไม่
- เสี่ยงห่วงอนามัยหลุดออกมานอกช่องคลอด
แอปเป๋าตัง ให้บริการการคุมกำเนิดฟรี !
สำหรับสาวๆ ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการคุมกำเนิด วันนี้เปย์เป้มีข่าวมาบอก แอปเป๋าตังมีให้บริการคุมกำเนิดฟรี สำหรับอายุ 10 - 59 ปี โดยมีการคุมกำเนิดให้เลือก 3 แบบ คือ การฉีดยาคุมกำเนิด, ยาฝังคุมกำเนิด และการใส่ห่วงอนามัย นอกจากนี้ยังมีแจกยาคุมกำเนิดให้ฟรี สำหรับอายุ 15-59 ปีด้วย โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน 'กระเป๋าสุขภาพ' ในแอปเป๋าตัง และเลือกสถานพยาบาลใกล้บ้านได้เลย ระยะเวลาการรับสิทธิ์ถึงวันที่ 30 ก.ย. 65 นี้เท่านั้น หรือจนกว่าสิทธิ์จะเต็ม
ปล. สำหรับบริการการคุมกำเนิดแบบต่างๆ แนะนำให้โทรสอบถามแต่ละสถานพยาบาลก่อนว่าสิทธิ์เต็มหรือยังด้วยนะ
ถ้าหากยังไม่พร้อมเลี้ยงลูก การคุมกำเนิดไว้ถือว่าดีที่สุด เปย์เป้ไม่สามารถฟันธงให้ได้ว่าวิธีไหนดีกว่ากัน สาวๆ เลือกเอาตามความสะดวกได้เลย ยิ่งมีบริการคุมกำเนิดจากแอปเป๋าตังด้วยแล้ว ก็สามารถไปใช้สิทธิ์กันได้ ถือว่าได้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีกทางหนึ่งเช่นกัน แต่ก็อย่าลืมว่าการคุมกำเนิดไม่ได้ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นะ ทางที่ดีควรใส่ถุงยางอนามัยไว้จะดีกว่า ป้องกันการติดโรคทั้งเราและคนรักของเราด้วย ❤️
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad.com, nakornthon.com, sikarin.com
โดย waranggg
thaitealism
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ