Barbie เฟมินิสต์ผู้รักความเท่าเทียม ที่เคยตกม้าตายเพราะ Beauty Standard
โดย : waranggg
บาร์บี้ การ์ตูนเรื่องโปรดปรานของเด็กผู้หญิงหลายๆ คน การ์ตูนที่มาพร้อมเรื่องราวสนุกๆ ของเจ้าหญิงสุดแฟนตาซีที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยใฝ่ฝันถึง การ์ตูนที่สร้างแรงบันดาลใจ พร้อมดันหลังให้ผู้หญิงทุกคนมั่นใจในการเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตาแบบไหน ทำอาชีพอะไร หรือสัญชาติใดก็ตาม บาร์บี้มักสอดแทรกแง่คิดในเรื่องราวเหล่านั้นและบอกกับเราเสมอว่า...
' การเป็นตัวของตัวเองนั้นดีที่สุดแล้ว '
หลายคนอาจจะคิดว่าบาร์บี้เป็นการ์ตูนไร้สาระ เป็นการ์ตูนที่มีแต่เด็กสาวช่างเพ้อฝันเท่านั้นแหละที่จะนั่งดูอะไรแบบนี้ ทางเราต้องขอเถียงแบบขาดใจว่า ไม่จริง !
เพราะบาร์บี้คือการ์ตูนในวัยเด็กไม่กี่เรื่องที่พอได้ย้อนกลับไปดูแล้ว ไม่มีร่องรอยของความบ้ง ความพัง การปลูกฝังความเชื่ออันล้าหลังไว้เลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะเรื่องความเป็น เฟมินิสต์ เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันของชายหญิงก่อนใครเพื่อนเลย ถ้าเทียบกับการ์ตูนที่เคยรุ่งเรืองในยุคเดียวกัน เป็นไงพี่สาวบาร์บี้ของเราเจ๋งสุดยอดไปเล้ย !
ยกตัวอย่างแบบเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุด ก็ต้องเป็นเรื่อง บาร์บี้กับสามทหารเสือ เรื่องนี้บาร์บี้รับบทเป็นคลอรีน หญิงสาวสุดธรรมดาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและกล้าหาญ ได้เดินทางเข้ามาในเมืองปารีสด้วยความฝันที่อยากจะเป็นทหารองครักษ์ และได้เจอกับเพื่อนสาวอีกสามคนที่มีความใฝ่ฝันเดียวกัน ขอสปอยล์ตัวโตๆ ว่าสุดท้ายแล้วคลอรีนก็ได้เป็นทหารเสือสมความตั้งใจ แต่กว่าที่จะได้เป็นนั้นก็โดนดูถูกจากคนรอบตัว จากคำว่า ผู้หญิงเป็นทหารเสือไม่ได้หรอก ไหนจะต้องพิสูจน์ความสามารถมากมายกว่าจะได้รับคัดเลือกก็เล่นเอาแทบลากเลือดอยู่เหมือนกัน
ในชีวิตจริงเราต่างรู้กันดีว่าทหารองครักษ์ เป็นอาชีพของชายหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรง รูปร่างกำยำเท่านั้นที่จะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ แต่ในเรื่องนี้บาร์บี้ก็ได้ทำให้เราเห็นว่าไม่ว่าจะอาชีพไหน ผู้หญิงอย่างเราก็มีสิทธิ์ฝันที่จะเป็น มีสิทธิ์ที่จะไล่ตามความฝัน และสามารถทำจนสำเร็จได้เช่นกัน นอกจากจะแทรกเรื่องความเท่าเทียมกันของชายหญิงไว้แล้ว ในเรื่องยังให้ข้อคิดในเรื่องของการวิ่งตามความฝันไว้ด้วยว่า...
' บางครั้งคนเราก็ต้องวิ่งตามความฝัน ถึงแม้ว่าใครๆ จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ '
-บาร์บี้กับสามทหารเสือ-
นอกจากเรื่องบาร์บี้กับสามทหารเสือแล้ว ยังมีประโยคที่น่าประทับใจจากการ์ตูนบาร์บี้เรื่องอื่นๆ อีกหลายประโยคเลย ฟังแล้วสร้างแรงบันดาลใจพร้อมเติมเต็มหัวใจของเราให้พองโตแบบสุดๆ
' ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวโต ก็มีความแตกต่างเฉพาะตัวทั้งนั้น '
-บาร์บี้ 12 เจ้าหญิงเริงระบำ-
' ดาวทุกดวงมีเหตุผลที่อยู่ตรงนั้น พวกมันไม่ต้องเข้ากับดาวดวงอื่นเพื่อโดดเด่น มันแค่ต้องเป็นตัวของตัวเอง '
-บาร์บี้ แมรี่โพซ่ากับเหล่านางฟ้าผีเสื้อแสนสวย-
' เวทมนตร์เกิดขึ้นได้ ตอนที่เชื่อมั่นในตัวเอง '
-บาร์บี้กับเทพธิดาแห่งแฟชั่น-
' ขอให้ตั้งใจและทุ่มเท แล้วพวกเธอจะทำสำเร็จ '
-บาร์บี้กับโรงเรียนของเจ้าหญิง-
' เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรได้ จนกว่าจะได้ลองทำ '
-บาร์บี้กับประตูพิศวง-
' ไม่มีใครควบคุมทุกเรื่องได้ตลอดเวลาหรอกนะ
-บาร์บี้ผจญภัยตามล่าน้องหมาสุดป่วน-
' ไม่เป็นไรถ้าทำผิดพลาด ไม่มีใครคาดหวังให้เธอเพอร์เฟกต์ '
-บาร์บี้กับสายลับเจ้าเสน่ห์-
บอกแล้วว่าบาร์บี้คือการ์ตูนที่ยืนหนึ่งเรื่องการให้แรงบันดาลใจดีๆ พร้อม Empower สาวๆ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะกี่เรื่องต่อกี่เรื่องบาร์บี้จะสอนให้เรามุ่งมั่นตั้งใจและย้ำให้เราเป็นตัวของตัวเองเสมอมา ❤️
บาร์บี้คือการ์ตูนที่ดันหลังสาวๆ ให้เป็นตัวเอง
แต่ดันตกม้าตายเพราะเรื่อง Beauty Standard
นอกจากบาร์บี้ในพาร์ทของการ์ตูนจะสร้างแรงบันดาลใจให้เราได้แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ต้องยอมรับเลยก็คือบาร์บี้กำลังพยายามลบภาพคำว่า Beauty Standard ออกจากหัวของผู้หญิงทุกคน เพราะความงามไม่ควรมีมาตรฐาน ทุกคนควรจะเบ่งบานอย่างสวยงามในแบบของตัวเอง
อ่านพารากราฟด้านบนแล้วนึกสงสัยกันอยู่ในใจใช่มั้ยล่ะ ?
ก็บาร์บี้แต่ละตัวไม่ว่าจะในการ์ตูนหรือตุ๊กตาที่เราเคยดูเคยเล่นกัน ทั้งสวย ทั้งหุ่นดี เอว 18 สะโพก 33 เนินอกขาวจั๊วะ ผมบลอนด์ยาวถึงกลางหลัง เป็นตุ๊กตาที่เรียกได้ว่าหุ่นเป๊ะหน้าปังตามแบบฉบับของสตรีนิยม ทำไมถึงกล้าที่จะบอกให้โนสนโนแคร์เรื่องความสวยงามตามมาตรฐานกันนะ
ก่อนจะปัง ก็เคยพังมาก่อน คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงสำหรับบาร์บี้ ก่อนที่บาร์บี้จะลุกขึ้นมายืนหยัดเพื่อผู้หญิงทุกคนแบบในวันนี้ บาร์บี้เองก็เคยหลงอยู่ใน Beauty Standard มาก่อนเหมือนกัน อาจจะด้วยเพราะค่านิยมของสังคมในแต่ละยุคแต่ละสมัย และบาร์บี้ตัวแรกของโลกก็มีขึ้นมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.1959 หรือปี พ.ศ. 2502 นู่นเลย แถมคุณป้าบาร์บี้รุ่นแรกยังมีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับ Bild Lilli ตุ๊กตาสาวดาวยั่วสุดก๋ากั๋นของเยอรมนีอีกต่างหาก ซึ่ง Lilli เป็นผู้หญิงเซ็กซี่ อกใหญ่ เอวเล็ก สะโพกผาย ซึ่งเป็นหุ่นที่สาวๆ หลายคนฝันอยากจะเป็น
Bild Lilli vs Barbie ตัวแรก
บาร์บี้ตัวแรกได้ถูกเผยโฉมครั้งแรกในงาน America Toy Fair ในปี ค.ศ. 1959 หลังจากการเปิดตัวในงานของเล่นครั้งนั้น บาร์บี้ก็ได้รับความนิยมในหมู่เด็กสาวชาวอเมริกันทันที ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในตอนนั้นอเมริกายังไม่ค่อยมีตุ๊กตาของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงมากนัก จึงทำให้บาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเด็กผู้หญิงทุกคนต้องเคยเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ จนกลายมาเป็นอีกหนึ่งของเล่นในตำนาน
ถึงแม้ว่าในยุคนั้นกระแสการต่อต้านมาตรฐานความสวยงามจะยังไม่รุนแรงเท่ากับตอนนี้ พี่สาวบาร์บี้ก็ยังไม่วายโดนทัวร์ลง เรื่องหุ่นที่ผอมเกินมนุษย์นั้นอาจจะเป็น Soft Power ทำให้เด็กๆ เกิดเป็นความเสี่ยงต่ออาการคลั่งผอม
ในปี ค.ศ. 1993 ได้มีกลุ่มต่อต้านชื่อ The Barbie Liberation Organization หรือองค์การปลดปล่อยบาร์บี้ ได้ทำการซื้อบาร์บี้มาเปลี่ยนและดัดแปลงเสียงใหม่ และนำกลับไปวางขายอีกครั้ง โดยใช้เสียงของตัวละครใน G.I Joe ที่พูดว่า “Vengeance is mine” และ “Eat lead, Cobra!” จุดประสงค์ก็เพื่อวิพากษ์วิจารณ์ว่าตุ๊กตาบาร์นี้นั้นสร้างทัศนคติเชิงลบกับตัวเองให้แก่ผู้หญิง
และก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ตุ๊กตาบาร์บี้นั่นส่งผลต่อชุดความคิดเรื่องรูปร่างในอุดมคติจริงๆ
มีงานวิจัยจากประเทศอังกฤษ ได้นำเด็กอายุ 5-9 ขวบ จำนวน 30 คนมาทำการทดลอง โดยให้เด็กๆ เลือกรูปร่างในอุดมคติจากคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะปล่อยให้เล่นกับตุ๊กตาที่มีรูปร่างสมส่วนและรูปร่างผมบาง หลังจากการเล่น 5 นาทีจึงให้เด็กๆ มาเลือกรูปร่างในอุดมคติอีกครั้ง และผลการทดลองพบว่า เด็กๆ ที่เล่นตุ๊กตาหุ่นผอมบาง เลือกรูปร่างในอุดมคติเป็นคนรูปร่างผอมตามตุ๊กตาที่เล่น ส่วนเด็กๆ ที่เล่นตุ๊กตาหุ่นสมส่วน ก็ยังคงเลือกรูปร่างคนที่มีรูปร่างสมส่วนตามปกติ
นอกจากนี้ Lynda Boothroyd ศาสตราจารย์และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยด้านจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเดอรัม (Durham University) ในสหราชอาณาจักรยังบอกอีกด้วยว่า การให้เด็กๆ เล่นตุ๊กตาที่มีหุ่นผอมบางอาจส่งผลต่อ ความไม่พอใจในรูปร่างของตัวเองในระยะยาวไปจนถึงช่วงวัยรุ่นได้ และสามารถส่งผลไปถึงเรื่องการควบคุมน้ำหนักรวมถึงการกินที่ผิดปกติด้วย
เห็นแบบนี้แล้วพ่อแม่หลายๆ คน ถึงขั้นใช้ 'กฎไม่เล่นบาร์บี้' กับลูกสาวของตัวเองกันเลยทีเดียว ถึงขั้นที่ว่าจะไม่มีการซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ให้เด็ดขาด แม้ว่าเด็กๆ จะร้องขอด้วยตัวเองก็ตาม แต่จะเลือกซื้อตุ๊กตาที่มีรูปร่างสมส่วนให้มากกว่าเพื่อให้เด็กๆ เรียนรู้รูปร่างและสัดส่วนของมนุษย์ตามปกติ เหมือนเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
บาร์บี้ New Gen ใส่ใจเรื่องความหลากหลาย และลดความแปลกแยกของสังคม
สำหรับตุ๊กตาบาร์บี้รุ่นหลังๆ ก็ได้เร่ิมมีการปรับตัวให้มีความหลากหลายมากขึ้น ในปี ค.ศ. 2016 บริษัทแมทเทิล (บริษัทผู้ให้กำเนิดบาร์บี้) ได้ออกคอลเลกชันบาร์บี้โฉมใหม่ มีทั้งรูปร่างอวบ ต้นขาใหญ่ มาพร้อมพุงห้อยน้อยๆ มีสีผิวให้เลือกถึง 7 เฉดสี ไหนจะสีตาและทรงผมให้เลือกหลายรูปแบบมาก เพื่อมาสยบข่าวที่ว่า ตุ๊กตาบาร์บี้ทำให้เกิดความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับรูปร่าง และที่เริ่ดไปกว่านั้น บาร์บี้เล่นใหญ่ถึงขั้นขึ้นปกนิตยสาร TIME พร้อมพาดหัวแบบตัวโตๆ ว่า Now can we stop talking about my body ?
บาร์บี้บนปกนิตยสาร TIME เมื่อปี ค.ศ. 2016
นอกจากนี้เมื่อปี ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา บาร์บี้ยังเปิดตัวตุ๊กตารูปโฉมใหม่เพิ่มอีกหนึ่ง ! นั่นก็คือ บาร์บี้ไม่มีผม ผิวด่างขาว พร้อมบาร์บี้ใส่ขาเทียมและนั่งวีลแชร์ เพื่อทลายกำแพงของการแบ่งแยกผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านร่างกาย และลดความรู้สึกแปลกแยกของสังคมด้วย
บาร์บี้นั่งวีลแชร์ เพื่อลดความแตกต่างทางสังคม
การปรับเปลี่ยนรูปโฉมของบาร์บี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีและยังแสดงให้เห็นว่า เธอพร้อมจะยืนหยัดอยู่ข้างสาวๆ ทุกคนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา หรือสีผมแบบไหนก็ตาม เพื่อสร้างความเท่าเทียมและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในสังคม ต่อไปนี้จะมาว่าบาร์บี้ของเราว่าเป็นการ์ตูนช่างเพ้อ หน้าสวยแต่ไม่มีสมองไม่ได้อีกแล้วนะ และเราในฐานะที่แฟนบาร์บี้คนหนึ่งก็รู้สึกภูมิใจในตัวพี่สาวบาร์บี้มากที่สุดเลย ❤️
Yes, I am a girl like you
ใช่ ชั้นก็เป็นผู้หญิงที่มีความฝันเช่นเดียวกับพวกเธอทุกคน
อีกหนึ่งข่าวดีมากๆ ของแฟนบาร์บี้ตัวยงอย่างพวกเรา เป็นเหมือนฝันที่ไม่กล้าฝัน แต่ในที่สุดฝันก็เป็นจริงซักที ! ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องบาร์บี้กำลังจะมีภาพยนตร์เวอร์ชั่นคนแสดงแล้ว~ บอกเลยว่าแค่เห็นภาพเปิดตัวนักแสดงก็คือตื่นเต้นแล้ว รอเจอกันในโรงภาพยนตร์ วันที่ 23 ก.ค. 2566 ได้เล้ยย
ในระหว่างนี้ก็มาดูเวอร์ชั่นการ์ตูนรอกันวนไป บางเรื่องมีลง Netflix แล้วด้วยน้า~
📍 รวม "การ์ตูนบาร์บี้" ตอนดังในตำนาน กลับมาดูใหม่กี่ครั้ง ก็ยังฟินเหมือนเดิม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sarakadeelite.com, themarysue.com, messynessychic.com, cnn.com, thenationalnews.com
โดย waranggg
thaitealism