ไขข้อสงสัย 'ลัทธิประหลาด' ความเชื่อ ความศรัทธา หรือความงมงาย

avatar writer
โดย : wacheese
avatar writer11 พ.ค. 2565 avatar writer2.8 K
ไขข้อสงสัย 'ลัทธิประหลาด' ความเชื่อ ความศรัทธา หรือความงมงาย

 

⚠️ ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณ ⚠️

 

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย คงผิดหวังกับผู้สืบทอดพุทธศาสนาอย่างพระสงฆ์บางรูป ที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยตั้งแต่ระดับพระลูกวัดจนถึงเจ้าอาวาส โดยเฉพาะการเสพเมถุน หรือการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างพระภิกษุกับสีกา ซึ่งถือเป็นความผิดที่ร้ายแรง จนกลายเป็น Talk Of The Town ทั้งกรณีเจ้าอาวาสกับผ้าคาดหัว หรือ อดีต 'พระกาโตะ' ที่ปัจจุบันกลายเป็น สมีกาโตะ* จนหลายคนเริ่มหมดความศรัทธาและอยากย้ายศาสนา เพราะทุกวันนี้ศาสนาพุทธเริ่มเสื่อมถอยจากคนบางกลุ่มที่อาศัยผ้าเหลืองในการทำเรื่องไม่ดี บวกกับสังคมวิปริตที่เห็นผิดเป็นชอบ คอยสนับสนุนและให้กำลังใจคนผิดโดยไม่สนความถูกต้อง

 

*สมี (สะ-หมี) เป็นคำเรียกบุคคลถูกไล่สึกจากพระ เพราะต้องอาบัติปาราชิก โดยบุคคลที่เป็นสมีจะบวชอีกไม่ได้ตลอดชีวิต

 


 

พระบิดา

 

รู้จัก 'ลัทธิประหลาด' ความเชื่อ ความศรัทธา และการเสียดสี

 

ตามมาด้วยความเชื่อ ความศรัทธาชวนขมคอกับ #พระบิดา เจ้าของลัทธิที่ประกาศตนว่าเป็น 'พระบิดาของพระเยซู' เป็นผู้สร้างโลก และยังมีความสามารถในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงโควิด-19 ด้วยวิธีการที่ห่างไกลจากความสะอาดและสุขอนามัย อย่างการนำสิ่งปฏิกูลและของเสียที่ถูกขับออกจากร่างกายของพระบิดา 💩 มาชำระล้าง ประทินผิว มิหนำซ้ำลูกศิษย์ลูกหาผู้ศรัทธาในพระบิดา ยังใช้ดื่มกินเพื่อบำรุงร่างกายให้สุขภาพแข็งแรงตามความเชื่อของลัทธินี้ 

 

นอกจาก 'พระบิดา' แล้วยังมีลัทธิประหลาดที่มีคำสอนสุดแปลก ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ ยิ่งทำความเข้าใจ ยิ่งต้องขมวดคิ้ว อาจถึงขั้นต้องใช้ผ้าคาดหัวระหว่างทำการศึกษาเลยทีเดียว

 

พระบิดา

 

💫 ลัทธิโอมชินริเกียว

 

'ลัทธิโอมชินริเกียว' (Aum Shinrikyo) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1984 ประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งโดย 'โชโกะ อาซาฮาระ' (โชโกะ อาซาฮาร่า) มาจากครอบครัวยากจน ที่ตั้งรกรากบนเกาะคิวชูทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ความพิการทางสายตาที่เกือบบอดสนิทของชายหนุ่มผู้ลวงโลก ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการหลอกลวงผู้คนให้หลงงมงาย เริ่มต้นด้วยการเปิดคลินิกรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม โยคะ และสมุนไพรที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง จนถูกดำเนินคดีในปี 1982

 

ต่อมาในปี 1986 เขาได้เผยแพร่ภาพตนเองลงบนนิตยสารขณะกำลังลอยตัวกลางอากาศ

พร้อมตีพิมพ์คำพูดว่า "ข้าพเจ้าสามารถลอยตัวอยู่ราว 3 วินาที และจะเพิ่มนานขึ้นเรื่อย ๆ"

 

โชโกะ อาซาฮาระ ปรับเอาแนวคิดจากความเชื่อ ลัทธิจากศาสนาต่าง ๆ มาเป็นลัทธิของตนเอง ทั้งพุทธศาสนา นิกายเซน โยคีฮินดู ลัทธิบำเพ็ญตบะ พราหมณ์-ฮินดู ลัทธิอะกอนชู นอสตราดามุส คริสต์ศาสนา-ไบเบิ้ล เป็นต้น โดยมีการสอนให้ใช้การฝึกจิต การเข้าสมาธิและโยคะ เพื่อให้รู้แจ้ง

 

โดยสาวกมีตั้งแต่ระดับนักการเมือง บุคคลมีชื่อเสียง และมหาเศรษฐี ความศรัทธาที่มาพร้อมกำลังทรัพย์มหาศาลจากสาวกนับพันทั่วญี่ปุ่น สามารถตั้งศูนย์ปฏิบัติการลัทธิใกล้กับภูเขาไฟฟูจิ มูลค่ากว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสร้างเสร็จในเดือน มิ.ย. 1993 ซึ่ง 'ศูนย์ฟูจิ' แห่งนี้ มีทั้งสำนักงาน แผนกวิจัยวิทยาศาสตร์ ห้องขัง โรงพิมพ์ คลินิก รวมทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งความลับที่แทบไม่มีใครได้กล้ำกรายเข้าไป นอกจากนี้โอมชินริเกียว ยังมีศูนย์ปฏิบัติกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ทำให้มีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นกว่า 40,000 คน

 

 

💫 ปิดฉาก 'ลัทธิโอมชินริเกียว'

 

ลัทธิโอมชินริเกียวยังมีความเชื่อเกี่ยวกับ 'วันสิ้นโลก' จนนำไปสู่เหตุสะเทือนขวัญในปี 1995 บนรถไฟใต้ดิน กรุงโตเกียว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บกว่า 6,000 คน จากการใช้ 'ซาริน'  ก๊าซพิษไร้สีไร้กลิ่นที่มีความเข้มข้น 30% มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทและระบบหายใจ เมื่อสูดดมจะทำให้น้ำมูกน้ำลายไหล แน่นหน้าอก ม่านตาหด ตาพร่ามัว กล้ามเนื้อเกร็ง เหงื่อออกมากผิดปกติ อาเจียน หายใจลำบาก ไม่สามารถกลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะได้ และนำไปสู่สาเหตุการเสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุเป็นสมาชิกลัทธิโอมชินกิเรียวทั้งหมด ได้แก่

 

  • อิกุโอะ ฮายาชิ ศัลยแพทย์โรคหัวใจ (รถไฟสายชิโยดะ)
  • มาซาโตะ โยโกยาม่า จบการศึกษาด้านฟิสิกส์ประยุกต์ (รถไฟสายฮิบิยะ)
  • โตรุ โตโยดะ นักศึกษาปริญญาโทด้านฟิสิกส์โมเลกุล (รถไฟสายฮิบิยะ)
  • เคนิชิ ฮิโรเซ่ จบการศึกษาด้านฟิสิกส์ประยุกต์ (รถไฟสายมารุโนอุชิ)
  • ยาสุโอะ ฮายาชิ วิศวกรไฟฟ้า (รถไฟสายมารุโนอุชิ)

 

ในปี 2018 โชโกะ อาซาฮาระ ผู้ก่อตั้งลัทธิโอมชินริเกียว และสาวกอีก 13 คน ถูกศาลตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ เหตุการณ์นี้จึงเป็นจุดจบของลัทธิประหลาดที่ลวงโลกและมอมเมาผู้คนมากว่า 30 ปี

 


 

ลัทธิเบคอน

 

🥓 ลัทธิเบคอน

 

'ลัทธิเบคอน' (The United Church of Bacon) ถือกำเนิดขึ้นในปี 2010 ก่อตั้งโดย 'John Whiteside' อดีตนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 และเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิเสรีภาพทางศาสนาทหาร (Military Religious Freedom Foundation) โดยลัทธิเบคอนสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน เสียดสีหลายศาสนา (Parody Religion) ที่เชื่อในพระเจ้า และเรื่องราวปาฏิหาริย์ต่าง ๆ รวมถึงเพื่อต่อสู้การเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า หรือคนไร้ศาสนา ซึ่งจุดประสงค์คล้ายกับอีกหลายศาสนา ทั้งศาสนายูนิคอร์นสีชมพูล่องหน (Invisible Pink Unicorn), ศาสนาพาสตาฟาเรียน (Pastafarianism) หรือลัทธิวิหารแห่งเจได (Temple of the Jedi Order) 

 

"Bacon is our God. Because bacon is real"

 

"เบคอนคือพระเจ้าของเรา เพราะเบคอนมีอยู่จริง" ข้อความโฆษณาลัทธิที่เสียดสีศาสนาอื่น ๆ อย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงคาทอลิก (Catholicism) และศาสนาคริสต์จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง แม้ศาสนาเบคอนจะยียวนกวนประสาทหลายศาสนา แต่ก็มีภารกิจหลักอย่างการระดมเงินเพื่อการกุศล โดยเคยระดมทุนเป็นจำนวนเงินหลายล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ มะเร็ง ออทิสติก และองค์กรการกุศลอื่น ๆ นอกจากนี้ยังรับจัดพิธีงานแต่งงานโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และไร้ซึ่งเงื่อนไขทางศาสนา

 

 

🥓 พระบัญญัติ 8 ประการของลัทธิเบคอน

 

  • รู้จักตั้งคำถาม
  • ศาสนาไม่แทรกแซงการเมือง
  • ศาสนาไม่มีสิทธิพิเศษในสังคม
  • เล่นสนุก เสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์กันได้
  • เมตตาปราณีต่อเพื่อนร่วมโลก
  • บริจาคเงินช่วยเหลือสังคม
  • สรรเสริญเบคอน
  • สถาบันทางศาสนาต้องจ่ายภาษี

 

ศูนย์ปฏิบัติการของลัทธิเบคอน (Church of Bacon) จดทะเบียนเป็นโบสถ์และมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย โดยตั้งอยู่ในลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 30,000 คนทั่วโลก

 

เปลี่ยนศาสนา

 

🥓 ลัทธิเบคอนในประเทศไทย

 

ลัทธิเบคอนในประเทศไทยถูกพูดถึงเมื่อ 'รศ. ชนินทร์ มณีดำ' อาจารย์ประจำภาควิชามนุษยศาสตร์และศิลปกรรม สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ออกมาโพสต์ภาพบัตรประชาชนที่มีการระบุศาสนาว่า 'ลัทธิเบคอน' โดย รศ. ชนินทร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เดิมทีตั้งใจจะเปลี่ยนศาสนาเป็นชื่อของสุนัขที่เลี้ยง แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2557 ในขณะนั้น ได้กำหนดว่า ศาสนาที่จะระบุบนบัตรประจำตัวประชาชนจะต้องมีผู้นับถือในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีผู้ระบุลัทธิประหลาดอย่าง 'ริลัคคุมะ' หรือ 'เจได' ไปแล้ว 

 

แต่เป็นที่น่าเสียดาย เพราะรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 ฉบับปัจจุบัน

กรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้เป็นผู้นิยามและให้ทางราชการรับรองศาสนาในประเทศไทยไว้เพียง 5 ศาสนาเท่านั้น

ได้แก่ ศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ ฮินดู และซิกข์

 

นอกจากนี้ใน 'มาตรา 67' ยังระบุว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย

 

หรือจาก 'มาตรา 31' บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนาและย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติหรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่งข้อกฎหมายเกี่ยวกับศาสนาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังคงถูกตั้งคำถามว่า รัฐบาลไทยให้การยอมรับเพียง'พระพุทธศาสนา นิกายเถรวาท' หรือ ? ในขณะที่ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ มีผู้นับถือรวมกว่า 4 ล้านคน รวมถึงศาสนาอื่น ๆ ในประเทศไทยด้วย ยังไม่ได้รับการผลักดันให้วันสำคัญของศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธเป็น 'วันหยุดราชการไทย' สำหรับไปประกอบพิธีทางศาสนาตามความเชื่อของตนบ้าง ?

 


 

ความเชื่อ ความศรัทธาต่อศาสนา หรือลัทธิต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและชี้นำในการดำเนินชีวิต อาจถูกมองว่าเป็น 'ลัทธิประหลาด' จากคนภายนอกที่มองเข้ามา แต่การเลือกนับถือพระเจ้า หรือไม่นับถือในพระเจ้าใดเลย ควรจะได้รับการปฏิบัติและได้รับสิทธิอย่างเดียวกัน เพราะถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล และสิทธิเสีรีภาพทางความคิด ทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนความถูกต้องและไม่ส่งผลร้ายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และอย่าปล่อยให้ความเชื่อมาครอบงำจนกลายเป็นความงมงาย และความลุ่มหลงจนขาดสติ

 

ในประเทศไทยเองก็เคยมีผู้สร้างสารคดี เพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับคำสอนของวัดชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยบุคคลที่อ้างตนว่าเคยศรัทธาวัดนี้ได้ให้สัมภาษณ์ว่า คำสอนของวัดมุ่งเน้นไปที่การทำบุญ ด้วยการถวายปัจจัยอย่าง 'เงิน' ที่ถ้าสั่งสมบุญมากในโลกนี้ เมื่อตายไปได้ก็จะไปอยู่บนสวรรค์ แต่เป็นสวรรค์ที่แบ่งลำดับชั้นจากการสั่งสมบุญ (ถวายเงิน) เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ และจำนวนเงินนี้เองจะเป็นตัวกำหนดว่า จะได้เป็นเทวดาประเภทใด และอยู่ในฐานะอะไร ? ความเชื่อที่ขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้านี้ มอมเมาให้หลายคนงมงายจนต้องเสียรถ เสียบ้าน และเสียครอบครัวกันมาแล้ว !

 

ที่มา: bbc, learnrelig, realoldpicsarchive, syairir, silpa-mag, deserthousewifediary, unitedchurchofbacon, themomentum, workpointtoday, benwonx, ocsc

แสดงความคิดเห็น