Apple Vision Pro (แว่น AR) แรงกระเพื่อมครั้งใหม่ของจักรวาลนฤมิต

 

ณ ช่วงกลางดึกของวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา นับเป็นช่วงเวลาที่สาวก Apple ทั้งหลายรอคอย กับงานเปิดตัวโปรดักส์ใหม่ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่งานแรก ก่อนจะตามมาด้วยงานเปิดตัว iPhone อีกครั้งในช่วงปลายปี ที่ไม่รู้ว่าปีนี้จะมีไม้เด็ดอะไรมาเซอร์ไพรส์พวกเรากันอีก

 

แต่ก่อนที่จะไปนั่งคาดหวังกับ iPhone รุ่นใหม่ เรามาว่ากันถึงงาน WWDC 2023 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก่อนดีกว่า อย่างใครที่ติดตามมานาน คงจะพอรู้กันดีอยู่แล้วว่าไฮไลต์ของงานนี้มักจะหนีไม่พ้นการเปิดตัว MacBook หรือไม่ก็ฟังก์ชันการใช้งาน iOS ที่จะอัปเกรดตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ทว่าปีนี้ มีอีก 1 ไฮไลต์ ที่สร้างความตื่นเต้นฮือฮาให้กับคนกลุ่มใหญ่ได้ไม่น้อย กับการเปิดตัว Vision Pro แว่นตา AR สุดล้ำ ที่เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อกับจักรวาลนฤมิต (Metaverse) ชิ้นแรกของ Apple  !

 

โฉมหน้า Vision Pro แว่นตา AR สุดล้ำ ขอบคุณภาพจาก Wired

 

---

 

แว่น AR ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับ Apple นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก !

 

ในช่วง 1 - 2 ปีให้หลังมานี้ เราอาจจะได้ยินคำว่า Metaverse จนหลอนหูกันไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ใช้งาน Facebook หลายคน ที่น่าจะเจอะเจอกับความรู้สึกที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นความรู้สึกที่แทบไม่ต่างจากเวลาที่เรากดดัน หรือถูกดันหลังให้ไปเผชิญหน้ากับอะไรใหม่ ๆ โดยที่เราไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกันมาก่อน 

 

ซึ่งการมาของ Metaverse (หรือใครอยากจะเรียกว่า จักรวาลนฤมิต ก็ย่อมได้) มักจะมาคู่กันกับเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการผสานโลกแห่งความจริงเข้ากับจักรวาลใหม่ โดยอาศัยสื่อกลางไม่ว่าจะเป็น แว่น AR หรือแว่น VR อย่าง Apple Vision Pro ล่าสุด ก็สามารถจัดอยู่ในหมวดเดียวกันกับแว่นตา AR  ได้

 

 

แล้ว AR / VR ที่ว่านี้คืออะไร ?

 

ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ เราก็ขอไต่ระดับขึ้นไปตามเลเวล อย่างเลเวลที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโลกแห่งความเป็นจริงของเรามาก จะถูกเรียกว่า AR หรือ Augmented Reality ที่เป็นการผสมผสานโลกแห่งความเป็นจริงเข้ากับเทคโนโลยี โดยวิสัยทัศน์ที่เรามองเห็นผ่านอุปกรณ์ AR เราจะยังคงเห็นภาพบรรยากาศโดยรอบ (ที่เป็นโลกจริง ๆ) ของเรากันอยู่

 

แต่สิ่งที่จะเพิ่มเติมมาก็ได้แก่ เทคโนโลยีที่ปรากฏอยู่ในรูปแบบของภาพ 3 มิติ ที่ปรากฏทับซ้อนขึ้นมาตรงหน้า โดย AR จะเป็นการผสานเอาทั้งสองอย่างนี้เข้าไว้ด้วยกัน ในแบบที่ขาของเรายังอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ได้หลุดเข้าไปในโลกเสมือน ยกตัวอย่างเช่น ฟิลเตอร์ IG ที่จะมีสารพัดเอฟเฟ็กต์ทับซ้อนไปกับภาพจริงของเราด้วย ซึ่งเจ้าเทคโนโลยี AR ที่ว่า ก็จะให้ฟีลประมาณนั้นนั่นแหละ

 

 

แต่ในส่วนของ VR หรือที่ย่อมาจาก Virtual Reality จะเป็นการที่เจ้าเทคโนโลยีทำการดันหลัง หรือจับเราโยนเข้าไปในโลกเสมือนแบบเต็มตัว ไม่ได้มีสัดส่วนของโลกจริงหลงเหลืออยู่เลย สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เรามองเห็นก็จะเป็นสภาพแวดล้อมที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ตัวเราจะถูกแทนที่ด้วย Avatar หรือร่างโคลนนิ่งอีกร่างหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นตัวแทนของเรา ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน สิ่งของ รวมไปถึงการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงใบนั้นได้แบบกลมกลืน

 

ยกตัวอย่างเช่น สมมุติเราหลุดเข้าไปในโลกของเกมเดอะซิมส์ เราก็จะกลายเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเกม กิจวัตรหน้าที่ประจำวันของเราก็คือการใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงใบนั้น ตื่นเช้ามาไปทำงาน ทำงานเสร็จกลับบ้าน คือเราต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวนั้น ในโลกใบนั้นกันจริง ๆ บรรยากาศรอบตัวจะกลายเป็นบรรยากาศใหม่ ที่อาจจะมี หรือไม่มีเค้าโครงของความเป็นจริงปะปนอยู่เลยก็ได้

 

ดังนั้นอุปกรณ์ VR ส่วนใหญ่เลยจะถูกออกแบบมาไว้สำหรับ การใช้งานเพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง เล่นเกม เพราะมันสามารถสร้างความตื่นเต้นเร้าใจได้มากกว่า แถมยังให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เจ๋ง ๆ ได้อีกเพียบ !

 

 

อย่างในปัจจุบันนี้ก็มีอุปกรณ์ AR และ VR วางขายอยู่เยอะ ไม่ว่าจะเป็นแว่น AR ของ Xiaomi แว่น AR ของ RayBan หรือจะเป็นแว่น VR ของ Sony รวมไปถึง Oculus หรือแบรนด์แว่น VR ของพี่ Mark Zuckerberg ก็มี ในส่วนของระดับราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความสามารถ ฟังก์ชันการใช้งาน ยิ่งมีลูกเล่นเยอะราคาก็จะยิ่งแรงตามไปด้วย

 

และอย่างที่เราเห็นคือมันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย เพราะโลกเสมือนที่ว่านี้มันได้ถือกำเนิดมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ในทางกลับกันสำหรับ Apple สิ่งนี้ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ใหม่มาก เรียกได้ว่าเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมกับความคาดหวังอันใหญ่ยิ่ง !

 

---

 

เมื่อมาอยู่ในมือของ Apple ย่อมต้องมาพร้อมกับความคาดหวังเป็นเรื่องธรรมดา

 

เป็นเวลาเกือบ ๆ 40 ปี ที่เราได้รู้จักกับ Macintosh หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โปรดักส์ชิ้นแรกที่ทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของ Apple และเป็นเวลากว่า 16 ปี ที่ชายที่มีนามว่า Steven Paul Jobs ได้เปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของ Apple อย่าง iPhone ที่ตอนนี้ได้กลายเป็น สมาร์ทโฟนแห่งยุค ไปเป็นที่เรียบร้อย

 

เราจะเห็นได้ว่า ทุกการขยับตัวของ Apple

สามารถสร้างอิทธิพลต่อคนในสังคมได้อย่างมหาศาล

ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ความคาดหวังของผู้ที่จงรักภักดีต่อแบรนด์

ก็ย่อมที่จะสูงขึ้นตามไปด้วย 

 

 

ถึงแม้ว่าการเปิดตัวแว่น Apple Vision Pro ในครั้งนี้ จะเป็นการเปิดตัวที่อยู่ในขั้นตอนของ Pre-Production แต่เราก็พอจะรู้คุณสมบัติ รวมไปถึงฟีเจอร์การใช้งานแบบคร่าว ๆ กันบ้างแล้ว ว่ามันสามารถทำอะไรได้ จะอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานของเราได้มากน้อยแค่ไหน อย่าง Presentation ที่ทาง Apple ปล่อยออกมา เราสามารถสรุปจุดเด่นแบบคร่าว ๆ ของเจ้า Apple Vision Pro ออกมาได้ตามนี้

 

• Apple Vision Pro จัดอยู่ในหมวดเดียวกันกับแว่น AR โดยจะยังคงอยู่กับโลกความจริงเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือประสบการณ์ของผู้สวมใส่ ที่จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
  
  
• Apple Vision Pro มีคอนเซ็ปต์สำคัญอย่างการทลายกำแพงระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกเสมือนจริง ก่อนจะเบลนด์ทั้งสองโลกนี้เข้าด้วยกัน เหมือนกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อมแก้วหนึ่ง
  
  
• อุปกรณ์หลักของ Apple Vision Pro จะมีแค่แว่น ส่วนการควบคุมคำสั่งจะใช้การควบคุมผ่านปลายนิ้ว และปฏิกิริยาทางร่างกาย (โดยเฉพาะดวงตา)
  
  
• Apple Vision Pro จะมี ฟังก์ชันการใช้งานภาพถ่ายและวิดีโอที่สมจริงกว่าเดิม โดยภาพถ่ายและวิดีโอจะมีความลึก และมีความเป็น 3 มิติมากขึ้น เหมือนกับว่าเป็นดวงตาอีกหนึ่งคู่ของเราเลยก็ว่าได้
  
  
• และแน่นอนว่า Apple Vision Pro เป็นโปรดักส์ใหม่ของ Apple ที่ ไม่จำกัดผู้ใช้งานเอาไว้ในกรอบสี่เหลี่ยมแบบเดิม ๆ เพราะเราสามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้แบบไร้ขีดจำกัด 

 

โดยตัวแว่นจะมาในภาพลักษณ์ที่คล้ายกับแว่นตาดำน้ำ (หรือบางคนก็บอกว่าเหมือนแว่นตาของเจ๊ไฝ) ที่ด้านในมีการใส่ชิป M2 และ R1 เอาไว้ แทบไม่ต่างอะไรจากโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่อง  แต่ท้ายที่สุดแล้วบทสรุปจะเป็นอย่างไร ก็ต้องรอติดตามกันอีกที

 

ซึ่งถ้าอิงจากข้อมูลของ Apple ก็น่าจะถูกปล่อยออกมาวางขายในช่วงปลาย ๆ ปีนี้ เมื่อถึงตอนนั้นเราคงจะได้เห็นรายละเอียด หรือรีวิวการใช้งานกันมากขึ้น ว่าจะเวิร์กหรือไม่เวิร์กยังไง เพราะอย่างที่บอกว่าพอสินค้าประทับตรา Apple เข้าไปแล้ว ความคาดหวังที่จะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน (หรือถ้าเคยมีคนทำมาแล้ว แต่ Apple ต้องทำให้ดีกว่า) ย่อมจะต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย  เพื่อให้สมกับการเป็นแว่นตาอัจฉริยะ ที่จะช่วยยกระดับโลกแห่งความเป็นจริงให้ดียิ่งขึ้น

 

งานนี้เห็นทีว่า "แรงกระเพื่อมครั้งใหญ่" ของจักรวาลนฤมิต

คงจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วจริง ๆ

⏳

 

---

 

💭  ถ้าถามถึงความรู้สึกของเรา หลังจากที่ได้เห็นคอนเซ็ปต์การใช้งานของแว่นตาตัวนี้ไปคร่าว ๆ (โดยที่เราจะไม่พูดถึงราคาของมัน)  ส่วนตัวเรามองว่ามันเจ๋งมาก ตรงที่มันไม่ได้แยกโลกแห่งความจริงออกจากโลกเสมือนไปเลย

 

แต่มันเป็นการ พล็อตจุดตรงกลาง ในการสร้างประสบการณ์อันแปลกใหม่ ที่เราสามารถอยู่กับโลกปัจจุบัน และโลกเสมือนจริงพร้อมกันได้ ในแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในส่วนของราคาก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ดูจากท่าทีตอนนี้ อย่างต่ำก็น่าจะปาไปแสนห้าแล้ว 😱 

 

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่ :

• ใช้ Apple Watch ให้คุ้ม ! กับสารพัดทริคที่หลายคนอาจไม่รู้
• เวิร์กจริงไหม ? Find My ฟีเจอร์ตามหาของหาย ที่สาวก Apple ไม่ควรมองข้าม !

 

---

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : Apple