Dusit Thani โรงแรมไทยสุดหรู ผ่านการปลุกปั้นจากผู้หญิง "ที่ไม่เคยเรียนการโรงแรม"
โดย : Ying
"ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเป็นเด็ก ได้มีโอกาสไปพักที่โรงแรมดุสิตธานี ภาพจำจากการไปนอนโรงแรมครั้งนั้นคือ แตงโมแกะสลักแสนสวย พนักงานที่ชอบเข้ามาคุยด้วย และงานเลี้ยงตอนเย็นที่มีน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปหงส์"
😊
ดุสิตธานี (Dusit Thani) เครือโรงแรมอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ที่เปิดบริการตั้งแต่ระดับหรูหรา 5 ดาว ไปจนถึงระดับราคาเป็นมิตร ซึ่งจะครอบคลุมกับทุกความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังมีสาขามากมายทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ไปจนถึงต่างประเทศ ต้องบอกว่าโรงแรมดุสิตธานีมักจะเป็นโรงแรมไทยที่ผู้คนมักนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็เพราะว่าโรงแรมดุสิตนั้นอยู่คู่คนไทยมานานนับ 75 ปี ทำให้คนไทยคุ้นเคยกับชื่อและภาพลักษณ์ของดุสิตธานีเป็นอย่างดี
ชื่อ “ดุสิตธานี” แปลว่า “เมืองสวรรค์” เป็นชื่อที่ตั้งตามเมืองจำลองของรัชกาลที่ 6 เหตุผลหลักๆ ที่โรงแรมถูกตั้งในชื่อนี้มีอยู่ 2 ข้อคือ
- อยากให้ผู้เข้าพักรู้สึกดี รู้สึกสบาย ฟีลลิ่งแบบมีความสุขเหมือนอยู่บนสวรรค์
- อีกหนึ่งเหตุผลเพราะตัวโรงแรมดุสิตธานีตั้งอยู่ตรงข้ามกับสวนลุมพินี ในสวนจะมีรูปปั้นของรัชกาลที่ 6 อีกทั้งท่านเคยต้องการใช้พื้นที่ตรงนั้นสร้างเมืองแม่แบบประชาธิปไตย และจะตั้งชื่อว่า “ดุสิตธานี”
ดุสิตธานีก่อตั้งโดย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ด้วยความเชื่อที่ว่า
"ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว"
และท่านผู้หญิงชนัตถ์ยังมั่นใจอีกว่า วิธีการที่จะผลักดันให้ประเทศไทยประสบความสำเร็จในเวทีโลกคือการสร้างโรงแรมที่มีความโดดเด่นและดีที่สุด ตามมาตรฐานสากลที่กลมกลืนไปกับรายละเอียดของการตกแต่ง และการให้บริการที่ยึดขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทยที่มีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นหลัก
ก่อนที่เครือดุสิตธานีจะเติบโต ขยายไปหลายจังหวัดหลายประเทศขนาดนี้ แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้ใช้ชื่อว่าดุสิตธานีนะ เรื่องการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ คงต้องเล่าย้อนไทม์ไลน์กันไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2491 กันเลย เพราะดุสิตธานีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนามาตลอด
ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย และ โรงแรมดุสิตธานี สาขาฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี
ดุสิตธานี จากความเชื่อมั่น สู่ความยิ่งใหญ่
เรื่องราวของดุสิตธานีตลอด 75 ปี เต็มไปด้วยการเติบโตทั้งด้านประสบการณ์ การเรียนรู้ และยังเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย จนทำให้ดุสิตธานีเป็นเครือโรงแรมที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ ซึ่งจุดเริ่มต้นก็มาจากความเชื่อมั่นของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ไม่เคยแม้แต่จะเรียนด้านการโรงแรมมาก่อน
🛎️ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ไม่ได้เรียนการโรงแรมมาก่อน จะอยากทำธุรกิจโรงแรมไปทำไม ?
คำตอบคือ ท่านผู้หญิงเริ่มต้นทำธุรกิจโรงแรมมาเพราะความอยากล้วนๆ แต่ความอยากนี้มีที่มาจากเมื่อครั้งที่ท่านไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แล้วท่านเกิดประทับใจการบริการของโรงแรมที่นั่น เมื่อกลับมาไทยจึงริเริ่มอยากจะสร้างโรงแรมแห่งแรกบนที่ดินของพี่สาวขึ้นมา ด้วยในยุคที่ผู้หญิงถูกมองว่าไม่ควรมาทำธุรกิจด้านนี้ บวกกับเมื่อได้ลงมือทำจริงๆ แล้ว ท่านพบว่ามันยากมาก ในช่วงแรกโรงแรมปริ๊นเซสเกิดปัญหาเยอะมาก ท่านทุ่มเททำทุกอย่างแม้กระทั่งล้างห้องน้ำด้วยตัวเอง
แต่ความพยายามและการพัฒนาตลอดเวลานี้ ในที่สุดท่านก็พาโรงแรม 4 ดาวของท่านอย่างปริ๊นเซสเติบโตขึ้นมาได้เป็นอย่างดี มีแขกต่างชาติเข้ามาพักตลอด รวมๆ แล้วทำกำไรได้หลายสิบล้าน ถ้าถามว่า ความที่ไม่เคยเรียนด้านการโรงแรมมาก่อนเป็นอุปสรรค์ต่องานไหม? คำตอบคือ มี แต่ความเชื่อ ความมุ่งมั่น และการฝึกฝนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ มันช่วยทำให้ผู้คนมองข้ามเรื่องการศึกษาไปได้ในที่สุด
พร้อมทั้งยังยกย่องว่าท่านเป็น ผีเสื้อเหล็ก และไม่ได้เป็นเพียงคำยกย่องสวยหรูเท่านั้น ท่านหญิงมีรางวัลการันตีจากสถาบันโรงแรมระดับโลก รวมไปถึงได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และยังได้เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมโรงแรม ก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างสงบเมื่อปี พ.ศ. 2563
พ.ศ. 2561 ท่านได้รับรางวัล SHTM Lifetime Achievement Award จาก School of Hotel and Tourism Management (SHTM) สถาบันการศึกษาด้านการท่องเที่ยวและการบริหารโรงแรมในสังกัดมหาวิทยาลัย Hong Kong Polytechnic
🛎️ ลำดับการปลุกปั้นโรงแรมจนเติบใหญ่ในแบบฉบับ ผีเสื้อเหล็ก
ขอบคุณรูปจากเพจ : หมู เวสป้า
- พ.ศ. 2491 : ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ก่อตั้งบริษัทดุสิตธานีขึ้นมาเพื่อสร้างโรงแรมโดยเฉพาะ โรงแรมแห่งแรกของบริษัทใช้ชื่อว่าโรงแรมปริ๊นเซส ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ซึ่งถือเป็นโรงแรมแรกๆ ในกรุงเทพเลยที่มีเครื่องปรับอากาศ สระว่ายน้ำ รวมไปถึงเครื่องอำนวยความสะดวกแบบครบสุดๆ
ท่านผู้หญิงเคยให้สัมภาษณ์กับ becommon ว่า “ในตอนนั้นโรงแรมปริ๊นเซสถูกตำหนิบ่อยๆ เพราะโรงแรมไม่ดี ทำให้ท่านอยากจะสร้างโรงแรมที่มีความสมบูรณ์ด้านบริการที่สุด”
- พ.ศ. 2513 : ความใฝ่ฝันของท่านผู้หญิงก็เป็นจริง เมื่อในที่สุดโรงแรมดุสิตธานีก็ถือกำเนิดขึ้น เดิมทีจะให้ชื่อภาษาอังกฤษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปีนั้นดุสิตธานีจัดเป็นโรงแรมที่สูงที่สุด ดีที่สุด อีกทั้งยังเป็นโรงแรมที่มีเซอร์วิสที่ดีที่สุดในประเทศและระดับสากล เลยทำให้โรงแรมดุสิตธานีกลายเป็นภาพลักษณ์ให้กับกรุงเทพฯ และประเทศไทยในเวลานั้นได้อีกด้วย ในตอนนั้นท่านผู้หญิงมีอายุแค่ 28 ปี เท่านั้น!
- ถัดมาเพียง 2 ปี ท่านผู้หญิงก็จดทะเบียนดุสิตธานีเข้าตลาดหลักทรัพย์ นั่นทำให้บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ ดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทแรกๆ ที่มีการซื้อขายกันในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้เวลาเพียงไม่นานในการก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้นๆ ของประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยทำให้ต่างชาติรู้จักโรงแรมดุสิตธานีกันอย่างกว้างขวางอีกด้วย
- พ.ศ. 2530 : ดุสิตธานีได้หาหมุดหมายใหม่เพิ่มเติม ซึ่งชื่อดุสิตลำดับที่ 2 นี้เป็นรูปแบบรีสอร์ท ในชื่อว่า ดุสิต ลากูนา รีสอร์ท หรือก็คือ ดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต นั่นเอง
- พ.ศ. 2531 : โรงแรมดุสิตธานี สาขาพัทยา ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และแน่นอนว่าตั้งอยู่บนทำเลของการพักผ่อนหย่อนใจ เดินลงชายหาดได้สบายๆ
- พ.ศ. 2532 : เปิดตัวโรงแรม รอยัล ปริ๊นเซส ซึ่งเป็นบูทีกโฮเต็ล ตั้งอยู่ที่หลานหลวง บนเกาะรัตนโกสินทร์
- พ.ศ. 2533 : เปิดตัวโรงแรมดุสิต รีสอร์ท โปโลคลับ ปัจจุบันก็คือ ดุสิตธานีหัวหิน
- พ.ศ. 2538 : เปิดตัวแบรนด์ดุสิตปริ๊นเซส ที่เป็นโรงแรมระดับ Upper midscale ซึ่งประกอบด้วย โรงแรม รอยัลดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ (ปัจจุบันคือ ดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่) และดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ทเชียงราย และ ในปี 2539 ก็มี ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพ เพิ่มขึ้นมา
- พ.ศ. 2549 : เปิดตัวแบรนด์ ดุสิตดีทู แบรนด์ร่วมสมัยระดับหรู โดยไปเปิดที่เชียงใหม่เป็นที่แรก
- พ.ศ. 2550 : เปิดตัวแบรนด์ ดุสิต เดวาราณา เพื่อเจาะกลุ่มตลาดหรูระดับบน ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ
จากโรงแรมไทย ขยายใหญ่สู่นานาประเทศ การเติบโตของดุสิตธานีไม่ได้หยุดอยู่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ธุรกิจโรงแรมในเครือยังได้ไปเปิดสาขาในต่างประเทศด้วย มีทั้งประเทศใหญ่ที่มักจะมีผู้คนเดินทางเข้าออกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงประเทศแห่งการท่องเที่ยวยอดฮิต ดังนี้
- พ.ศ. 2540 : เข้าซื้อกิจการโรงแรมนิกโก้ มะนิลา ในเมืองมากาติ ประเทศฟิลิปปินส์ ปัจจุบันคือ ดุสิตธานี มะนิลา
- พ.ศ. 2544 : ดุสิตธานีก็เป็นอีก 1 ตึกที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในนครดูไบ
- พ.ศ. 2553 : เปิดโรงแรมดุสิตธานี เลควิวไคโร ประเทศอียิปต์
- พ.ศ. 2555 : เปิดโรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ที่เกาะมูดู และ ปี พ.ศ. 2556 จัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟูดู แมนเนจเมนท์ ที่ร่วมลงทุนกับกลุ่ม ฉาง โจว เฉียวอวี้ในจีน เพื่อบริหารโรงแรมในเครือประเทศจีน ซึ่งโรงแรมแรกในแบรนด์คือ ดุสิตดีทู ฟูดู บินฮู และในปีเดียวกันก็เปิดตัวโรงแรมดุสิตธานี อาบูดาบี อีกด้วย
- ปีถัดมา : เปิดโรงแรม ดุสิตดีทู ไนโรบี ที่ประเทศเคนยา และดุสิตเดวาราณา ฮอต สปริง แอนด์ สปา ที่ประเทศจีนเพิ่ม และปี พ.ศ. 2558 เปิดโรงแรมที่เกาะกวม ชื่อว่า ดุสิตธานี กวม พร้อมกันกับที่เปิดตัว ดุสิตธานี บีช รีสอร์ท ที่กระบี่
- พ.ศ. 2559 : เปิดตัวโรงแรมพร้อมกันถึง 4 แห่ง ดุสิตดีทู เขาใหญ่ ,ดุสิตดีทู เคนส์ ดูไบ ,ดุสิตธานี ตงไถ่เจียงซู และโรงแรมดุสิตธานี ฉิ่งเฟิ่ง ฉางโจว และปี พ.ศ. 2561 เปิดตัวโรงแรมใหม่อีก 4 แห่งทั้งที่กระบี่, เวียดนาม, ภูฏาน และจีน
- พ.ศ. 2561 : เปิดตัวแบรนด์ อาศัย เป็นแบรนด์โรงแรมไลฟ์สไตล์แบบเรียบง่าย เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวมิลเลนเนียล หลังจากนั้นในปี 2563 ก็เปิดตัวโรงแรมแรกภายใต้แบรนด์ มีชื่อว่า โรงแรมอาศัย ไชน่าทาวน์ กรุงเทพ และ พ.ศ. 2562 เปิดตัวโรงแรมในฟิลิปปินส์พร้อมกันถึง 3 แห่ง แบ่งเป็นดุสิตดีทู 2 แห่ง ดุสิตธานี 1 แห่ง นอกจากนั้นยังเปิดดุสิตธานีที่ประเทศจีนเพิ่ม 1 แห่ง และเปิดในไทยบริเวณถนนราชดำริอีก 1 แห่ง ภายใต้ชื่อดุสิต สวีท โฮเต็ล
- พ.ศ. 2564 : เปิดตัวแบรนด์ เทวารัณย์ เวสเนส ด้วยแนวคิดการดูแลสุขภาพองค์รวม และกำลังดำเนินการก่อสร้างใหม่เป็น ดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค แทนที่ ดุสิตธานี สาขาสีลม ที่เปิดมาตั้งแต่ 2513
เราจะเห็นว่าหลังจากจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เครือของดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนลก็เติบโตไปอย่างรวดเร็ว มีการเปิดตัวแบรนด์และโรงแรมภายใต้แบรนด์ชนิดที่แทบจะเรียกได้ว่าปีต่อปีเลยทีเดียว มีโรงแรมขึ้นพร้อมกันทีเดียวทั้ง 2 พื้นที่ก็มี ถ้าเราลองนับๆ ดู ในปัจจุบัน (พ.ศ. 2566) แบรนด์ในเครือดุสิตธานี อินเตอร์เนชั่นแนล มีการบริหารงานโรงแรม รีสอร์ทและวิลล่าให้เช่ากว่า 270 แห่ง ใน 14 ประเทศ นี่ยังไม่รวมเป้าหมายในอนาคตที่เขาเล็งจะเปิดเพิ่มขึ้นอีกนะ
แบรนด์ในเครือดุสิตธานีอินเตอร์เนชั่นแนล ในปัจจุบัน
วิทยาลัยดุสิต สร้างโรงเรียนมาพัฒนาคน เพื่อให้คนพัฒนาองค์กร
🛎️ การพัฒนาคนให้เต็มไปด้วยคุณภาพ
จากไทม์ไลน์ของเครือดุสิตข้างต้น เราจะเห็นการเจริญเติบโตอย่างสวยงามในด้านโรงแรม จริงๆ แล้วมีอีก 1 สิ่งที่เติบโตมาพร้อมกันเลยนั่นก็คือ โรงเรียนการโรงแรมดุสิตธานี และยังเป็นโรงเรียนแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการอนุมัติให้เป็น วิทยาลัยดุสิตธานี ปัจจุบันมีเปิดสอนสูงถึงระดับปริญญาโทเลย รวมถึงมีสาขาที่พัทยาด้วย แล้วอะไรคือที่มาของการจัดตั้งโรงเรียนการโรงแรมดุสิตกันนะ ?
ในปี 2536 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ได้ก่อตั้งโรงเรียนการโรงแรมดุสิตขึ้นเพราะ "ความขาดแคลน"
- ขาดแคลนผู้ปฏิบัติงานเฉพาะทาง ซึ่งควรมีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
- ขาดแคลนสถาบันผลิตบุคลากร ที่มีไม่เพียงพอกับความต้องการ และบางสถาบันที่มีอยู่ก็จัดสอนเพียงแค่ภาคทฤษฎี แต่การปฏิบัติงานในธุรกิจโรงแรมนั้นแทบจะไม่มี
- ขาดแคลนหลักสูตรด้านธุรกิจโรงแรม ที่สอดคล้องกับความสามารถของผู้เรียน และความต้องการของโรงแรม
- ขาดแคลนผู้นำในการพัฒนาด้านวิชาการของธุรกิจโรงแรม ซึ่งจะต้องพัฒนาทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติไปพร้อมกัน
ดังนั้น โรงเรียนการโรงแรมดุสิตธานีจึงจัดตั้งขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพเฉพาะ และเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาธุรกิจโรงแรมให้รุดหน้าทัดเทียมนานาประเทศ
จากความมุ่งมั่นของท่านผู้หญิงที่ว่า "อยากจะสร้างโรงแรมที่มีความสมบูรณ์ด้านบริการที่สุด" ทำให้ท่านเล็งเห็นว่า การจะทำโรงแรมที่มีบริการดีที่สุดได้นั้น ต้องเริ่มจากการมีบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญในด้านการบริการซะก่อน และก็ต้องมีจำนวนที่เพียงพอในการบริการแขกด้วย แต่ในเมื่อประเทศไทยในขณะนั้นยังไม่มี ท่านก็สร้างเองไปเลย รับรองบุคลากรต้องตรงสเป็กอย่างแน่นอน
หลังจากโรงเรียนดุสิตธานีได้รับการอนุมัติให้มีฐานะเป็นวิทยาลัย ในปี 2539 แล้ว วิทยาลัยดุสิตก็ไม่ได้อยู่นิ่งแค่ในไทยเท่านั้นนะ แน่นอนว่าถ้าอยากจะได้ความรู้มหาศาล ก็ต้องออกนอกกะลาไปรับประสบการณ์แปลกใหม่ดูบ้าง และเพื่อสิ่งใหม่ๆ จึงทำให้เกิดการจับมือกับนานาประเทศเพื่อรับมอบ แลกเปลี่ยน ขยายความรู้และประสบการณ์ทุกด้านที่เกี่ยวกับโรงแรมมากขึ้น
- พ.ศ. 2550 : ดุสิตจับมือกับ เลอ กอร์ดอง เบลอ ตัวตึงด้านอาหารจากฝรั่งเศส เกิดเป็น โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต
- พ.ศ. 2555 : วิทยาลัยดุสิต จัดทำหลักสูตรในระดับอุดมศึกษาที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันโรงแรมชั้นนำอย่าง อีโค โฮเทลเลีย เดอ โลซาน โดยลงนามความร่วมมือทางวิชาการ
- พ.ศ. 2559 : ร่วมมือกับทางวิชาการกับ สถาบัน พอบ โบคุส ประเทศฝรั่งเศส และถัดมาอีก 1 ปี ก็ได้มีการ เปิดตัวเแบรนด์กลุ่มธุรกิจการศึกษา Dusit Hospitality Education สอนทั้งหลักสูตรภาษาไทย และอินเตอร์
- พ.ศ. 2562 : หลังจากเคยเปิดหลักสูตรการโรงแรมร่วมกันมาก่อนหน้านี้แล้ว จนได้เปิด ดุสิตฮอสพิทาลิตี้ แมนเนจเมนท์ คอลเลจ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ นับเป็นวิทยาลัยการโรงแรมนอกประเทศแห่งแรกเลย
เครือธุรกิจการศึกษาของวิทยาลัยดุสิต หรือ Dusit Hospitality Education
🛎️ วิสัยทัศน์ที่ทำให้พนักงานช่วยขับเคลื่อนองค์กร
ดุสิตธานีมีวิสัยทัศน์ว่า "ภูมิใจในความเป็นไทย มอบบริการจากใจอันงดงาม สร้างความประทับใจทั่วโลก" ในวิสัยทัศน์เน้นไปที่การเห็นคุณค่าในความเป็นไทย ซึ่งความเป็นไทยจะเต็มไปด้วยความปราณีตและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอ ในด้านของการบริการก็แน่นอนว่า พนักงานถูกฝึกฝนจนเข้าใจงานด้านการบริการจนสามารถแสดงออกมาด้วยใจได้
ซึ่งเมื่อเกิด 2 สิ่งแรกแล้วความประทับใจก็จะตามมาในที่สุด และถ้าสังเกตกันดีๆ จะพบว่าวิสัยทัศน์ของดุสิตนั้น ตรงกับความตั้งใจของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ตั้งแต่คลอดโรงแรมแรกออกมาเลยนะ
อดีตพนักงานฝ่ายจัดเลี้ยงท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
"ดุสิตจะทำงานอย่างมีระบบ ทุกคนทำตามระบบและรับผิดชอบงานของตัวเอง
การบริการลูกค้าก็จะออกมาดี และน่าประทับใจ"
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นสิ่งที่ช่วยตอกย้ำได้ว่า เครือดุสิตธานีเป็นแบรนด์ไทยเบอร์ต้นของประเทศ และยังเป็นแบรนด์ไทยที่ต่างชาติให้การยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการโรงแรม การบริการ ไหนจะการบริหารงานด้านโรงแรมอีก บางคนอาจจะไม่เคยทราบว่า 1 ในงานของเครือดุสิตคือ การรับจ้างบริหารงานโรงแรมด้วย แล้วโรงแรมที่เขารับจ้างบริหารนั้นมีทั้งในและต่างประเทศ ไหนจะการลงนามด้านวิชาการ การร่วมมือ หรือการได้รับรองมาตรฐานจากสถาบันด้านอาหารจากประเทศชั้นนำอีกล่ะ สิ่งเหล่านี้น่าจะใช้ประโยคว่า เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เลย
ถ้าเราไม่ได้มองในมุมของธุรกิจ แต่จะเลือกมองในมุมของการท่องเที่ยวล่ะ ก็สามารถพูดได้ว่า เกือบทุกที่มีดุสิต ลองคิดตามเล่นๆ สมมติเราอยากจะไปเที่ยวมัลดีฟส์เพื่อพักผ่อนหย่อนใจแค่คนเดียว แต่อีกใจก็กลัวเหลือเกินเพราะเป็นประเทศที่ไม่คุ้นเคย แล้วถ้าเราเปิดเว็บเจอว่ามีโรงแรมแบรนด์ไทยเปิดกิจการอยู่ด้วย ก็นับเป็นตัวเลือกที่ดี ถึงแม้เราอาจจะไม่ได้เจอผู้จัดการคนไทย พนักงานพูดภาษาไทย แต่การนอนโรงแรมที่ชื่อคุ้นหู เป็นแบรนด์ที่คุ้นเคย นั่นก็ช่วยทำให้เราเบาใจลงได้ในระดับหนึ่งเลยนะ
ดุสิตธานี ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีสวยของมัลดีฟส์
💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้ที่นี่
- โรงแรม ธุรกิจที่เติบโตโดยมีจุดเริ่มต้นมาจาก "การหยิบยื่นน้ำใจให้นักเดินทาง"
- แชร์พิกัด 12 ที่พักขึ้นดอย บรรยากาศดีเย็นสบาย น่าผ่อนคลายรับลมหนาว
- รวม 11 ที่พักบางแสน หยุดแค่เสาร์-อาทิตย์ก็ไปได้!
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : dusit-international / dtc / larts.rmutt / Le Cordon Bleu Dusit Culinary School
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨