14 พ.ย. "วันเบาหวานโลก" สำคัญอย่างไร ดูแลตัวเองยังไงให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน ?

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer12 พ.ย. 2564 avatar writer253
14 พ.ย. "วันเบาหวานโลก" สำคัญอย่างไร ดูแลตัวเองยังไงให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน ?

 

เมื่อเอ่ยถึงวันสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพ ทุกคนจะนึกถึงวันสำคัญวันไหนกันบ้าง ?  อะ อย่างน้อยก็ต้องมีวันมะเร็งเต้านมแล้ว 1  วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติอีก 1 แล้วมีอะไรต่ออีก ? แหะๆ ชื่อบอกชัดเจนอยู่ขนาดนี้ ใช่จ้า วันเบาหวานโลกนั่นเอง 😇

 

ซึ่งไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ทุกคนเคยได้ยินชื่อของวันนี้กันมาบ้างไหม อย่างเรา.. สารภาพตามตรงเลยว่า ที่ผ่านมาไม่เคยให้ความสำคัญกับวันที่เกี่ยวกับสุขภาพสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าในบ้านเราไม่ได้ให้การโปรโมท หรือทำให้คนรู้สึกถึงผลเสียที่เกิดกับสุขภาพจริงๆ จังๆ สักที แต่พอเข้าสู่ช่วงนึงของชีวิต เราจะหันมาใส่ใจกับสุขภาพโดยอัตโนมัติ แต่กว่าเราจะหันมาใส่ใจได้ บางทีอาจจะกินระยะเวลานานเกินไป จนทำให้ตัวเรา หรือคนใกล้ตัวต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพกันไปซะแล้ว 

 

" แต่เราก็ไม่จำเป็นจะต้องรอ จนกว่าจะถึงวันที่ร่างกายของเราแสดงอาการความผิดปกติก่อนสักหน่อย

เพราะถ้าตอนนี้เรายังสุขภาพดีอยู่ ก็ควรจะต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญกันตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าหรอ ?

 


 

 

เบาหวานโลกเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นมายังไง ถึงได้กลายเป็นวันสำคัญ ?

 

เห็นแบบนี้ แต่ในต่างประเทศเค้าให้ความสำคัญกับวันเบาหวานโลกนี้กันมากนะ ถึงขนาดประกาศให้เป็นวันหยุดกันเลยแหละ อ่ะ เรามาเริ่มกันที่ความเป็นมาของวันนี้กันก่อน สำหรับวันเบาหวานโลกก่อตั้งขึ้นมาในปี 1991  โดยสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ และองค์การอนามัยโลก โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการให้คนในสังคมตระหนัก และเห็นถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขของผู้ป่วยที่มีแต่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นๆ ในทุกวัน

 

| แล้วทำไมต้องเป็นวันที่ 14 พ.ย. ?

 

เพราะวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของ เฟรเดอริก แบนติง นักวิทยาศาสตรการแพทย์ ผู้ค้นพบอินซูลิน  และวิธีการรักษาโรคเบาหวานด้วยการปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในร่างกาย ซึ่งการค้นพบนี้ส่งผลทำให้เค้าได้ช่วยชีวิตผู้คนไปได้เยอะมากที่กำลังป่วยเป็นโรคเบาหวานในตอนนั้น ดังนั้น เพื่อเป็นการสรรเสริฐและระลึกถึงบุคคลสำคัญ วันเบาหวานโลกเลยถูกยึดเอาวันเกิดของเฟรเดอริก ให้เป็นวันเดียวกับวันเบาหวานโลกไปเลย

 

เฟรเดอริก แบนติง

เฟรเดอริก แบนติง ขอบคุณภาพจากวิกิพีเดีย

 


 

โรคเบาหวานเกิดจากอะไร ?

 

ไหนๆ ก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการเอ่ยถึงสิ่งที่เรียกว่า อินซูลิน กันไปแล้ว และแน่นอนว่ามันมีความสำคัญกับโรคเบาหวานนี้อย่างแน่นอน ถ้าถามว่าโรคเบาหวานเกิดจากอะไร โรคเบาหวานนั้นเกิดจากภาวะที่ร่างกายมีความผิดปกติ ซึ่งความผิดปกตินั้น ก็คือ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากขาดอินซูลิน  รวมไปถึงการดื้อต่ออินซูลินด้วยก็ได้เช่นกัน

 

เมื่อร่างกายมีความผิดปกติปุ๊บ จะส่งผลทำให้การทำงานของกระบวนการดูดซึมน้ำตาลในร่างกายมีความผิดปกติ และทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้บรรดาน้ำตาลที่ควรจะต้องถูกดูดซึม กลายเป็นค้างเติ่งอยู่ในร่างกาย จนก่อให้เกิดโรคเบาหวานนี้ขึ้นมา

 

ซึ่งโรคเบาหวานนี้จัดว่าเป็น โรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง  มีทั้งกลุ่มที่เป็นโรคเบาหวานที่สามารถรักษาได้ กับแบบที่รักษาไม่ได้ ซึ่งภาษาทางการแพทย์จะเรียกความแตกต่างของโรคเบาหวานทั้ง 2 แบบนี้ด้วยคำว่า ชนิด

 

  • เบาหวานชนิดที่ 1 : เป็นระยะที่มีความรุนแรง ร่างกายจะแสดงอาการอย่างรวดเร็ว  เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เลย จึงทำให้ต้องมีการให้ยาทุกวัน
  • เบาหวานชนิดที่ 2 : สำหรับเบาหวานชนิดนี้ เป็นเบาหวานที่สามารถรักษาให้หายได้  ยับยั้งได้ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน + ทานยาร่วมด้วย สำหรับอาการจะไม่ได้แสดงออกรวดเร็วเหมือนชนิดที่ 1 แต่ร่างกายจะค่อยๆ แสดงความผิดปกติ ซึ่งถ้าเรารู้ทัน ก็สามารถยับยั้งไม่ให้อาการทวีความรุนแรงได้

 

แต่พูดก็พูดได้แหละ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าเมื่อลองหันกลับมาดูพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้แล้ว เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า คนส่วนใหญ่มักจะละเลยการให้ความสำคัญรวมถึงความใส่ใจกับสุขภาพของตนเอง กว่าจะรู้ตัวบางคนก็สายเกินไปซะแล้ว คือถ้าไม่มีโอกาส หรือไม่ได้มีนัดหมายอะไรอย่างเป็นทางการ น้อยคนมากๆ ที่จะเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการขอตรวจสุขภาพเอง นี่จึงเป็นจุดประสงค์ที่สำคัญของวันเบาหวานโลก ที่อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับโรคเบาหวานรวมถึงสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้นนั่นเอง

 

 

| อาการเบื้องต้นของโรคเบาหวานเป็นแบบไหน ?

 

สำหรับอาการของโรคเบาหวานนั้น ถ้าเป็นในระยะแรกร่างกายอาจจะยังไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ แต่ถ้าเริ่มแสดงอาการแล้ว ส่วนใหญ่ที่พบกันมักจะเป็น กระหายน้ำ, ปากแห้ง, ปัสสาวะบ่อย, หิวบ่อย,  น้ำหนักลด - เพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วยอีก อาทิ อาการชาตามมือ,  นิ้ว หรือเท้า รู้สึกเหนื่อยง่าย,  สายตาพร่ามัว หรือถ้าเป็นแผลแล้วหายยาก เป็นต้น

 

แต่ไม่ใช่ว่าเจออาการผิดปกติปุ๊บ จะสามารถตัดสินได้เลยว่าเป็นโรคเบาหวานนะ !

 

เพราะการจะตัดสินว่าเป็นโรคเบาหวานได้ จะต้องอาศัยข้อมูลร่วมด้วยหลายอย่าง อาทิ ประวัติการเป็นโรคเบาหวานของคนในครอบครัว ผลการตรวจร่างกาย รวมถึงผลตรวจเลือดที่จำเป็นจะต้องใช้ประกอบการวินิจฉัยด้วย

 

| ถ้าร่างกายแสดงอาการมาสักพักใหญ่ แต่ไม่ยอมไปรักษาสักที จะเกิดอะไรขึ้น ?

 

ไม่ได้อยากขู่ให้กลัว แต่อยากให้เพื่อนๆ ที่รู้ว่าตัวเองว่ามีอาการเข้าข่ายว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ให้รีบนัดหมายเพื่อทำการรักษาโดยด่วน เพราะถ้าปล่อยไว้นานไม่ดีแน่นอน  เพราะจากโรคเบาหวานธรรมดา อาจจะต่อยอดกลายเป็นโรคอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวานขึ้นตา, โรคหัวใจ, โรคแทรกซ้อนที่ระบบประสาท อย่างบางคนมีอาการร้ายแรงมากจนถึงขั้นที่ต้องตัดอวัยวะบางส่วนออกกันเลยนะ เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่มีอาการ หรือเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติของตัวเอง ก็ให้รีบไปพบแพทย์ หรือตรวจเช็กสุขภาพกันหน่อย เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้รีบทำการรักษาได้ทัน

 

| วิธีป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นโรคเบาหวาน

 

  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานบ่อยๆ ทานได้ แต่ควรทานแบบพอดี โดยเฉพาะใครที่รู้ตัวว่าติดหวาน เห็นทีจะต้องเพลาๆ ลงบ้างแล้วล่ะ
  • หมั่นสังเกตน้ำหนักของตัวเองบ่อยๆ ถ้ารู้สึกว่าเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แบบที่ไม่ลดลงเลย ก็ให้หันกลับมาควบคุมน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้มีประโยชน์ 
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย หรือมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย เพื่อที่จะให้ร่างกายขับเอาออกเสียออกมาบ้าง ลดการสะสมไว้ในร่างกายถ้าไม่จำเป็น
  • ตรวจเช็กสุขภาพของตนเองบ่อยๆ ปีละครั้ง - สองครั้งก็ได้ เหมือนเป็นการอัปเดตเราด้วยไปในตัว อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะบางทีอาจจะสายเกินแก้ อันนี้ไม่ได้หมายถึงโรคเบาหวานอย่างเดียวกัน แต่ยังรวมไปถึงโรคอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 


 

ในช่วงวันเบาหวานโลกที่จะถึงนี้ หลายหน่วยงานก็ได้มีการจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน ณ สถานพยาบาลทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน โดยเพื่อนๆ สามารถสอบถามที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือจะเข้าไปอัปเดตกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ของทาง สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยกันได้ที่นี่ > คลิก

 

และสำหรับใครที่อยากลองทำแบบประเมินความเสี่ยงโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 เบื้องต้นด้วยตัวเอง สามารถเข้าไปทำกันได้ที่นี่ >  คลิก เพื่อเป็นการเช็กสุขภาพตัวเองเบื้องต้นไปในตัวน้าา 😊

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : awarenessdays.commedicalcenter.mch.mfu.ac.th, wikipedia และ dmthai.org

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น