อันตราย! เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ เสี่ยงโดนจับและอุบัติเหตุ

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer27 ธ.ค. 2562 avatar writer4.2 K
อันตราย! เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ เสี่ยงโดนจับและอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุกับช่วงเทศกาลเป็นอะไรที่เกิดมาคู่กันซะจริงๆ
แต่ถ้าเลี่ยงได้ เราก็ควรจะเลี่ยง
มารู้ก่อนระวังก่อนกับภัยร้ายใกล้ตัว
อย่าง 'พฤติกรรมการเล่นมือถือระหว่างขับรถ' กันดีกว่าาา


ใกล้วันหยุดยาวทั้งที จะขับรถขับราต้องระวัง! เพราะเมื่อนำสถิติการเกิดอุบัติเหตุย้อนหลังมาเปิดดู เราจะพบได้เลยว่ายอดการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการขับขี่นั้นมีจำนวนตัวเลขที่พุ่งสูงมาก

อ้างอิงจากข้อมูลของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน หรือ ศปภ. ในช่วงสิ้นปี 61 - ต้นปี 62 ที่ผ่านมานั้นมีจำนวนของการเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 3,791 ครั้ง บาดเจ็บ 3,892 คน และเสียชีวิต 463 ราย ถือว่าเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับปี 2561 ถึงแม้ว่าช่วงที่เก็บข้อมูลนั้นจะเป็นช่วงที่อยู่ระหว่างเทศกาลปีใหม่ แต่ยังไงเราเองก็ไม่ควรที่จะประมาทกันอยู่ดี

 


สาเหตุและพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

องค์กรอนามัยโลก หรือ WHO จัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงเป็นอันดับ 9 ของโลกในปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุมาจาก

1. เมาสุรา
จากสถิติของคดีเมาแล้วขับช่วงเดือนเมษายนปีที่ผ่านมาพบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นจากปี 61 อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่าปีนี้เทศกาลสงกรานต์จะถูกงดไป แต่ช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงก็ยังคงต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะคนมักจะมีการสังสรรค์ ออกเดินทางไปต่างจังหวัด โดยเฉพาะการดื่มแล้วขับ ที่สถานการณ์นี้นี่แหละที่นำพาให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ดังนั้นถ้าใครรู้ตัวว่าจะมีการดื่มก็อย่าขับรถกันนะ

2. ขับรถเร็ว
อีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาล คนมักจะมีการใช้รถใช้ถนนที่มากกว่าปกติ ยิ่งถ้าถนนเส้นไหนโล่ง ผู้ขับขี่จะมีการเร่งความเร็วที่สูงกว่าปกติ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ทางแก้ที่ดีคือควรลดความเร็วลง ยิ่งถ้าเป็นเขตชุมชนยิ่งต้องควบคุมความเร็วให้อยู่ในระดับที่พอดีมากที่สุด กันไว้ก่อนปลอดภัยกว่าน้าา

3. หลับใน
ถ้ารู้ตัวว่าง่วงก็อย่าขับรถกันเลยนะ โดยสาเหตุของการหลับในนั้นมาการสภาวะที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากยา รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวในตอนนั้น ช่วงเวลาที่พบการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการหลับในคือช่วงเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สภาพการมองเห็นของเราในตอนนั้นไม่ได้สมบูรณ์ 100% และถ้ายิ่งขับรถไปในเส้นทางที่เปลี่ยวๆ ไม่ค่อยมีแสงไฟยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ ทางแก้ที่ดีที่สุดคือถ้ารู้ตัวว่ามีอาการง่วงก็ให้จอดรถในที่ปลอดภัยทันที แนะนำให้จอดในพื้นที่ที่มีคนสัญจรเข้าออกตลอดเวลา อย่าไปจอดบนทางเปลี่ยว ไม่งั้นจะยิ่งน่าอันตรายเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะสาวๆ

4. ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
ฝ่าไฟแดง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่ผู้ที่สัญจรบนท้องถนนเองก็ต้องระวังเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ต่อให้คุณจะเร่งรีบแค่ไหน ยังไงก็ต้องเคารพกฎจราจรเพื่อตัวของเรา รวมถึงผู้ร่วมทางคนอื่นๆ กันนะจ๊ะ

5. ใช้ / เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ
สาเหตุที่หลายคนมักคาดกันไม่ถึง แต่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ แถมยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ โดยเฉพาะถ้าเรามัวแต่จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ ยิ่งทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากกว่าเดิมถึง 5 เท่าเลยทีเดียว 


สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุมาจากการใช้โทรศัพท์มือถือ

ผลสำรวจวัยรุ่นชาวอเมริกาจำนวน 48% นั้นคิดว่าการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถนั้นอันตรายกว่าการเล่นโทรศัพท์ แต่ความจริงแล้วจากยอดผู้ใช้งานโทรศัพท์ระหว่างขับรถนั้นมีมากถึง 660,000 คนในสหรัฐ ซึ่งมีจำนวนตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจ คิดเป็น 1 ใน 4 ของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเลยทีเดียว

โดยกิจกรรมที่มักจะทำในโทรศัพท์ระหว่างขับรถก็คือการเปิด GPS และกว่า 60% ของผู้ขับขี่รถยนต์ในสหรัฐนั้นเปิดการใช้งานแอปนำทางบนโทรศัพท์ระหว่างการขับรถเสมอ สาเหตุนั้นอาจจะมาจากความสะดวกสบาย อยากจะไปที่ไหนแค่หยิบโทรศัพท์เราก็สามารถค้นหาข้อมูลได้ทันที ซึ่งเราอาจจะลืมคิดกันไปว่า เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เราก้มหน้ามองหน้าจอ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่อาจคาดคิด

และสำหรับสถิติของประเทศไทยในปี 61 ที่ผ่านมา ระบุว่า มีการจับกุมคดีที่เกี่ยวข้องกับการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถสูงถึง 164,675 ราย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดา และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจังหวัดที่มีการจับกุมสูงสุด 3 อันดับนั้นได้แก่ ระยอง, ชลบุรี และภูเก็ต

 

 

เมื่อมาเปรียบเทียบกับข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือของคนไทย เราจะพบได้ว่ามีการใช้งานสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แถมยังมีการผูกโทรศัพท์เข้าไว้กับทุกๆ กิจกรรมในแต่ละวัน สถิติการใช้มือถือขณะขับรถของไทยจากแบบสอบถามของ GlobalWebIndex ที่ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทยจำนวน 500 คน ผลปรากฎว่า

36% เล่น Social Network ขณะขับรถ

38% พยายามไม่ใช่มือถือขณะขับรถ 

52% เคย หรือเกือบประสบอุบัติเหตุจากการเล่นโทรศัพท์ระหว่างขับรถ โดยกิจกรรมที่ทำให้ขาดสมาธิก็คือ การส่งข้อความ และรับโทรศัพท์

75% คิดว่าโทษของการขับขี่ของไทยควรมีความรุนแรงมากกว่านี้

 


กฎหมายเกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ

ประเทศที่มีการประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่อย่างเป็นทางการนั้นได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์, อิสราเอล, สเปน, โปรตุเกส, อิตาลี, บราซิล, ชิลี, สวีเดน, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย

เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 62 รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียเพิ่งจะเริ่มมีการใช้กล้องตรวจจับการใช้มือถือขณะขับรถขึ้นเป็นที่แรกในโลก โดยหวังว่าจะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือถือขณะขับรถให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยครั้งแรกที่มีการฝ่าฝืนกฎ ผู้ขับขี่จะได้รับจดหมายแจ้งเตือนก่อน 1 ครึ่ง หลังจากนั้นถ้าพบว่ามีการละเมิดกฎอยู่จะถูกปรับเป็นเงิน 344 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 7,000 บาทไทย โดยประมาณ

สำหรับประเทศในแถบเอเชียเราอย่าง ญี่ปุ่น ก็มีการให้ความสำคัญกับการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเล่นโทรศัพท์อย่างจริงจังมากขึ้น โดยประเทศญี่ปุ่นนั้นมีการแก้ไขกฏหมายเพิ่มการลงโทษแก่ผู้ใช้โทรศัพท์ระหว่างขับรถ ให้ค่าปรับมีมูลค่ามากขึ้น รวมถึงระยะเวลาของการจำคุกที่นานกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งหลังจากปรับแล้วในตอนนี้ค่าปรับมูลค่าสูงสุดนั้นอยู่ที่ 300,000 เยน หรือประมาณ 80,000 บาทไทยเลยทีเดียว

มาต่อกันที่บ้านเรากันบ้าง ถ้ายังจำกันได้จากข้อมูลก่อนหน้าที่บอกว่า 75% ของคนไทย คิดว่าโทษของการขับขี่ควรมีความรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งโดยส่วนตัวเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะว่ากฏหมายของบ้านเรานั้นยังรุนแรงไม่พอ เลยทำให้คนมักจะเพิกเฉย ละเลยต่อการกระทำผิด

โดยตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2551 มาตราที่ 43 ระบุเอาไว้ว่า ห้ามผู้ขับขี่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในขณะขับรถ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนา โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษปรับตั้งแต่ 400-1,000 บาท ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่อยู่ในระดับที่สามารถจ่ายได้ และต่อให้ต้องมีการจ่ายค่าปรับบ่อยๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

ถึงอย่างไรก็ตามต่อให้ค่าปรับจะไม่ได้แพงมากเหมือนในต่างประเทศ แต่ถ้าเรามองข้ามไปยังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้น เราจะพบว่าค่าปรับอันน้อยนิดนั้นเทียบอะไรไม่ได้เลย แล้วถ้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งตัวเราและคนอื่นยิ่งเป็นอะไรที่ควรจะเห็นค่าความสำคัญให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นต่อให้เหลือบมองมือถือแค่ 1 วินาทีเดียว อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ทางที่ดีก็อย่าเล่นโทรศัพท์ระหว่างขับขี่กันเลยน้าา

 


วิธีการใช้โทรศัพท์อย่างถูกวิธี (กรณีที่จำเป็น)

• ถ้ามีสายเข้าหรือจำเป็นที่จะต้องใช้งานโทรศัพท์ ควรจอดรถไว้ข้างทาง ในปั้ม หรือบริเวณที่มีผู้คนสัญจรไป-มา ตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เมื่อจอดรถแล้วก็ทำการคุยธุระให้เสร็จเรียบร้อย แล้วค่อยขับรถต่อ หลีกเลี่ยงการคุยไปด้วยขับรถไปด้วย เพราะสมาธิของเราจะไปจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ แทนที่จะไปโฟกัสบนเส้นทางที่เรากำลังขับรถไป

• ถ้าจำเป็นที่จะต้องรับสายนั้นจริงๆ ควรใช้ Small Talk หรือ Speaker แทนการหยิบโทรศัพท์มาแนบหูตรงๆ แต่ถ้าไม่สำคัญมาก หรือรออีกหน่อยได้ เราก็อยากแนะนำให้ปฎิบัติตามข้อ 1 จะเป็นการดีที่สุดนะจ๊ะ

 


📱  ปันโปรสรุปให้ 📱 

• อันตรายจากการใช้โทรศัพท์นั้นมีมากกว่าที่เราคิด รู้กันไหมว่าการพิมพ์ข้อความขณะขับรถนั้นมีความเสี่ยงมากกว่าการเมาแล้วขับถึง 6 เท่าเชียวนะ  เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นก็อย่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นกันเลยน้า

• อุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสาเหตุมาจากการเล่นโทรศัพท์ ดังนั้นปลอดภัยไว้ก่อน ถ้ามีธุระด่วน แล้วจำเป็นต้องใช้จริงๆ แนะนำให้จอดรถแล้วทำธุระให้เสร็จเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยขับรถน้าา

• หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับคนอ่านทุกคน หยุดยาวนี้ขับขี่ปลอดภัย ดูแลตัวเองกันดีๆ ด้วยน้าา

 

via GIPHY

 

- ขอบคุณข้อมูลจาก Tqm, Bangkokbiznews, Thaihealth, Matichon, Naewna, The Zebra,
Edgarsnyder, Simplyinsurance, Thairoads, Thaipbsradio และ Japantimes -

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น