Call me Freediver รีวิวเรียนดำน้ำ ถึงจะลึก 16 เมตร แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด

avatar writer
โดย : Ying
avatar writer28 ธ.ค. 2565 avatar writer589
Call me Freediver รีวิวเรียนดำน้ำ ถึงจะลึก 16 เมตร แต่ก็ไม่ยากอย่างที่คิด

 

เพื่อน 1 : อยากเรียนดำน้ำอ่ะ
เพื่อน 2 : เอาสิ อยากเรียนเหมือนกัน เรียนแบบไหนดี ? 
เพื่อน 3 : Freedive ไหม ? ไปเรียนที่เกาะเต่า ได้เที่ยวด้วย 
All : OK  จองเลย ! 



First Time With Freediving

 

ในเย็นวันศุกร์ก่อนจะเป็น Long Weekend คณะของนักเรียนจำนวน 4 ชีวิตกำลังขับรถมุ่งหน้าไป เกาะเต่า เกาะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะแห่งกิจกรรม เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ  แล้ววันหยุดยาวแบบนี้ก็เต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมหาศาล และแน่นอนว่านักท่องเที่ยว 2 ใน 3 คนมาที่นี่ก็เพื่อเรียนดำน้ำ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสถาบันสอนดำน้ำเป็นสิบๆ สถาบัน หลังจากที่เราส่งข้อความไปขอรายละเอียดการเรียนและโปรโมชันจากหลายๆ สถาบันมาได้สักพัก สุดท้ายสถาบันที่กลุ่มเราเลือกเรียนกันนั่นก็คือ BigBubble Diving 

 

Big Bubble Diving เป็นสถาบันดำน้ำที่ได้รับรองจาก PADI ( สถาบันที่สามารถออกใบอนุญาตดำน้ำสากล ) คุณครูผู้สอนทุกคนล้วนผ่านการฝึกและอบรมมาเป็นอย่างดี ซึ่งตรงกับคุณสมบัติข้อแรกๆ ที่เราใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกสถาบัน หลักสูตรของที่นี่ก็มีทั้ง Scuba, Freedive และยังสอนพวกหลักสูตรที่เกี่ยวกับความปลอดภัยอย่าง RESCUE DIVER รวมไปถึงหลักสูตรการช่วยชีวิตด้วย เมื่อมีการบุ๊คคิวแล้วทางโรงเรียนจะบอกเราว่าเราต้องเตรียมตัวอะไรกันมาบ้าง ส่วนมากอะไรที่เป็นของใช้ส่วนตัวเขาจะให้เราเตรียมมาเอง ส่วนพวกอุปกรณ์อย่าง Fin, Mask และ Snorkel ทางโรงเรียนจะมีให้ยืม

 

เราขับรถมาถึงท่าเรือลมพระยากันช่วงประมาณตี 5 และลงเรือเที่ยว 07.00 น. โดยเรื่องการจองเรือทางโรงเรียนเป็นคนจัดการทั้งหมด เราแค่นำรูปตั๋วที่ทางโรงเรียนส่งมาให้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์เพื่อรายงานตัวเท่านั้นเอง ก็ถือว่าสะดวกและดีต่อใจมาก ลดขั้นตอนในการเตรียมตัวไปได้เยอะ โดยเรือพาพวกเรามาถึงเกาะช่วงสายๆ ประมาณ 10 โมง  

 

ทางโรงเรียนจะส่งลิสต์อุปกรณ์ที่นักเรียนจะต้องเตรียม พร้อมจองเรือให้เสร็จเรียบร้อย

 



Freediving Level 1 เค้าเรียนอะไรกันบ้าง 

 

ก่อนที่จะจองคอร์สเรียนเรารู้กันเพียงแค่ว่า Freediving เป็นการดำน้ำที่ต้องกลั้นหายใจได้นาน ไม่ค่อยได้หาข้อมูลอะไรไปมาก จะมีก็คือเปิดรูปดูบ้างซึ่งพอเห็นรูปแล้วก็ชอบ แต่แอดมินเพจไม่ปล่อยให้เรารอนาน ก็มีการส่งเนื้อหาพร้อมทั้งแจกแจงรายละเอียดให้อย่างดีว่าแต่ละวันเราจะได้เรียนอะไร โดยการเรียนทั้งหมด 2 วันครึ่งของเรานั้นก็จะประกอบไปด้วย  

 

  • เรียนทฤษฎี 
  • ฝึกที่สระ
  • ฝึกที่ทะเล 
  • สอบภาคทฤษฎี สอบปฏิบัติ 


เมื่อดำเนินการครบจบทุกอย่างแล้วก็จะได้รับ Certificate จาก PADI ไปครอง ซึ่ง Certificate ของเขาจะเป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอหรือทำหล่นหายที่ไหน

 

ตารางเรียนของพวกเรา

 



ได้เวลาฝึกเป็นนักดำน้ำตัวเปล่า ที่ระดับความลึก 10 - 16 เมตร

 

🤿 DAY 1

 

วันแรกตามตารางคือเริ่มกันตั้งแต่ 13.00 น. ถึงเราจะไม่ได้พักที่รีสอร์ทที่ทางโรงเรียนเตรียมไว้ให้ แต่ที่พักเราก็ไม่ได้ไกลจากโรงเรียนมาก เมื่อมาถึงก็ได้พบกับครูพงษ์ครูที่จะสอนเราไปตลอดทั้งคอร์สนี้ โดยครูพงษ์จัดการพาเราไปกรอกใบสมัคร พร้อมสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัวเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนในการสอน ในกลุ่มเรามี 2 คนที่เป็นภูมิแพ้และเป็นไซนัส แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องทานยาทุกวัน หมอนัดทุกเดือน ก็ถือว่าไม่น่ากังวล สามารถปล่อยใจให้สนุกไปกับการเรียนได้ 

 

เข้ามาในห้องเรียนเราก็จะได้ทำความรู้จักกับครูเตอร์รวมถึงเพื่อนร่วมคอร์สอีก 3 - 4 คน หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเริ่มเรียนจริงจังครูเตอร์ก็ยิงคำถามแรกง่ายๆ ว่า “ ทำไมถึงมาเรียน Freedive ? ” เพื่อเป็นการชวนคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น แต่ละคนก็ให้คำตอบแตกต่างกันไปบ้างก็ว่า อยากฝืนขีดจำกัดตัวเอง บ้างก็ว่า เคยเรียน Scuba มาแล้วอยากลองแบบอื่น ตัวเราเองก็ตอบไปว่า ชอบอยู่ในน้ำ มันช่วยให้สบายใจดี หลังจากพูดคุยกับพอประมาณก็มาถึงส่วนของเนื้อหา โดยวันแรกเนื้อหาที่เราจะได้เรียนก็คือ

 

  • รู้จัก Freedive มากขึ้น

ครูก็จะพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการดำน้ำตัวเปล่า ทั้งในแง่มุมของกิจกรรมสันทนาการ และในแง่มุมของการแข่งขัน อีกทั้งยังพูดถึง Freediver สายแข่งเก็บสถิติ ความน่าทึ่งของพวกเขา การจัดระเบียบร่างกาย และรวมไปถึงการฝึกฝน

 

 

บรรยากาศขณะนั่งเรียนภาคทฤษฏีกับครูเตอร์ จะเป็นลักษณะนั่งคุยกันซะมากกว่า 

 

  • แรงดันน้ำกับการดำน้ำ

ในส่วนนี้จะมีหลักการของวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ครูจะแสดงให้ดูว่าเมื่อเรายืนบนผิวโลกเรารับแรงกดดันรอบตัวเราอยู่ 1 ชั้นบรรยากาศ หรือ 1 ATM (Atmosphere) = ประมาณ 1 Bar แต่พอลงน้ำไปลึกแต่ละเมตรจะเป็นแรงดันกี่ Bar ตรงนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่ Freediver ควรรู้ เพราะจะมีในการสอบภาคทฤษฏีของ PADI ด้วย

 

ในส่วนของเรื่องคำนวนแรงดันน้ำนั้นคำนวนกันสนุกมาก 

 

  • การเตรียมอากาศ การกลั้นหายใจ และฝึกกลั้นหายใจบนบก

สำหรับเรื่องของการกลั้นหายใจ ในช่วงแรกครูก็จะให้พวกเราจับเวลากลั้นหายใจกันก่อน หลังจากนั้นครูก็จะเริ่มสอนเทคนิคการกลั้นหายใจให้ได้นานขึ้น พร้อมทั้งแสดงให้ดูด้วย หลังจากสอนเสร็จ นักเรียนก็จะลองกลั้นหายใจกันอีกครั้ง เราทุกคนก็จะได้เห็นสถิติที่ดีขึ้นของตัวเอง   

 

หลังจากเรียนเสร็จก่อนนอนก็ฝึกกันอีกครั้ง พอจิตใจสงบผลลัพธ์คือดี ต้องฝึกบ่อยๆ

 

  • การเคลียร์หู

การเรียนในห้องเรียนอาจจะไม่สามารถเรียนเรื่องการเคลียร์หูให้เห็นภาพได้มากนัก แต่ครูจะแสดงให้เราเข้าใจว่าทำไมเราถึงเจ็บหูเวลาลงน้ำลึก ทำไมเราต้องเคลียร์หูให้เป็น พร้อมทั้งบอกอันตรายถ้าหากเราเคลียร์หูไม่ได้ และยังเล่าให้ฟังด้วยว่าทำไมคนที่มีอาการไซนัสหรือภูมิแพ้หนักๆ ถึงเรียนดำน้ำลำบาก

 

  • ดาวน์โหลดและเรียนรู้เกี่ยวกับแอป PADI 

PADI เป็นแอปฟรีที่มีเนื้อหาให้ทบทวน และนักเรียนทุกคนจะต้องทำข้อสอบผ่านแอปนี้กันหมด หรือใครจะสะดวกทำผ่าน PC ก็ได้นะ เมื่อโหลดมาแล้วเราก็จะสมัครสมาชิกสร้างตัวตนกันก่อน ครูบอกเราว่าให้หาเวลาว่างนั่งทำข้อสอบทั้งหมดให้เสร็จ อาจจะเป็นหลังจากที่สอบปฏิบัติเสร็จแล้วก็ได้ แต่อย่าเกิน 7 วันหลังจบคอร์สแล้ว ถ้าใครสอบทฤษฏีผ่านเสร็จแล้วแต่ยังปฏิบัติไม่ผ่านก็ไม่ต้องกังวล คะแนนภาคทฤษฏีก็จะอยู่กับเราไป 1 ปี นั่นแปลว่าถ้าเราไม่ผ่านปฏิบัติก็สามารถกลับมาสอบใหม่ได้ภายใน 1 ปี 

 

 

PADI นอกจากจะเป็นแหล่งเนื้อหาและเป็นห้องสอบแล้ว เมื่อสอบผ่าน ใบเซอร์ของเราก็จะอยู่ในนี้เช่นกัน

 

  • รู้จักอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเตรียมอุปกรณ์ที่เราจะใช้

ครูทำการโชว์ให้เราดูอุปกรณ์ที่เราจะต้องอยู่กับมันไปตลอดคอร์สเรียน พร้อมยกตัวอย่าง Fin, Mask, snorkel ให้เรารู้จัก อีกทั้งยังนำ Fin ที่ใช้วัสดุในการผลิตต่างกันมาให้ดูด้วยว่าความรู้สึกมันต่างกันยังไง หลังจากจบภาคทฤษฎี ครูก็พานักเรียนไปลอง Fin, Mask และ snorkel ที่พอดีกับตัวเองเพื่อจะได้นำไปใช้ฝึกในสระ และทะเลต่อไป 

 

 

แนะนำอุปกรณ์ที่จะอยู่กับเราไปตลอดคอร์สนี้

ครูจะแจกจ่าย Fin ให้ตามขนาดเท้าของเรา คับไปหรือหลวมไปก็บอกครูได้เลย

 

 

หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาฟรีสไตล์ ใครมีคำถามอะไรก็สามารถสอบถามครูได้เลย ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน ซึ่งทั้งครูเตอร์และครูพงษ์ก็น่ารักมากมีการแจกจ่ายพิกัดร้านอาหารอร่อยบนเกาะเต่าให้เราด้วย บทเรียนถัดไปจะเป็นการฝึกในสระว่ายน้ำและลงทะเล ครูทั้ง 2 ได้นัดพวกเราตอน 08.30 น. เพื่อจะได้ฝึกกันได้นานๆ เลยต้องนัดเช้าสักนิด

 


 

🤿 DAY 2

 

เช้านี้เรานัดขึ้นรถกันที่หน้าโรงเรียน ในภาคปฏิบัตินี้ครูพงษ์และครูเตอร์จะช่วยกันสอน ระหว่างทางที่รถพาเราไปที่สระว่ายน้ำ เราจะได้เห็นความคึกคักของเกาะ แถมตลอดทั้งทางยังเต็มไปด้วยรถที่โดยสารนักเรียน/นักท่องเที่ยวเพื่อไปฝึกดำน้ำกันมายมาย ไหนจะพวกร้านค้า บาร์ ต่างๆ ที่เตรียมจะจัดปาร์ตี้กันในคืน Full Moon ช่างเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยสีสันจริงๆ 

 

อุปกรณ์พร้อม คนพร้อม เราก็เริ่มฝึกในสระว่ายน้ำกัน

 

พอถึงสระว่ายน้ำเราก็แยกย้ายกันไปเปลี่ยนชุด ยืดเส้นยืดสาย กายบริหารกันเล็กน้อยก่อนที่ครูจะเรียกรวม และอธิบายว่าวันนี้สิ่งที่เราจะฝึกกันก็จะมี 

  • ว่ายน้ำ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่มีอะไรมากเพราะนักเรียนว่ายน้ำกันเป็นทุกคน 
  • ฝึกตีขาโดยใส่ Fin นักเรียนจะตกหลุมรักความมหัศจรรย์ของ Fin ก็ตอนนี้แหละ ตีขา 2 ทีถึงขอบสระอีกฝั่ง เรียนจบเตรียมซื้อเลย !
  • Duck Dive เป็นการฝึกมุดน้ำ ครูจะให้เราลงไปแตะพื้นสระโดยการหักตัว 90 องศา พุ่งลงไปเลย ทุกคนได้ลองฝึกกันเป็นครั้งแรกก็จะมีความสะเปะสะปะพอสมควร แต่หลังจากฝึกกันไปคนละ 3 - 4 ครั้งก็เริ่มจับจุดได้ ทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง แถมท่า Duck Dive ของแต่ละคนก็สวยงามมากขึ้น
  • เคลียร์หู ตอนอยู่ในห้องเรียนเราไม่สามารถเห็นภาพของการเคลียร์หูได้เท่าไหร่นัก แต่พอได้ลงสระก็คือชัดเจน นักเรียนบางคนก็เคลียร์ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ครูไม่ได้กดดันอะไรบอกให้เราค่อยๆ ฝึกกันต่อไป
  • ฝึกกลั้นหายใจ แน่นอนว่าเราต้องฝึกกลั้นหายใจกันบ่อยๆ ครูเลยให้พวกเราอยู่ในท่าสบายๆ เตรียมอากาศตามที่เรียนมาจากในห้อง  จากนั้นก็เริ่มจับเวลา พอฝึกที่สระว่ายน้ำเห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนมีการไปฝึกกันมาแล้ว และก็กลั้นหายใจได้นานขึ้นด้วย 

ผ่านช่วงเช้าไปสักเกือบๆ เที่ยงเราก็กลับไปกินข้าวกลางวันกัน ด้วยความที่ Big bubble นั้นมีทั้งรีสอร์ท ร้านอาหาร บาร์ จึงสะดวกกับเราไม่ต้องไปกินข้าวที่ไหนไกล เมื่อทานเสร็จครูก็เรียกรวมพลพร้อมสอบถามว่าใครต้องการยาแก้เมาเรือไหม เมื่อทานยากันเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางไปฝึกที่ทะเลกันต่อโดยการขึ้นเรือเล็กเพื่อไปต่อเรือใหญ่อีกที บนเรือลำใหญ่จะมีหลายคณะทั้งนักเรียน Freedive, Scuba รวมไปถึงนักท่องเที่ยวที่มาดำน้ำพักผ่อนกัน 

 

เนื่องจากหน้าหาดเต็มไปด้วยปะการังน้ำตื้น เราจึงต้องลงเรือเล็กแล้วไปต่อเรือใหญ่

 

ช่วงบ่ายจะเป็นช่วงเวลาของการออกทะเลจริง ระหว่างที่อยู่บนเรือครูเตอร์จะแนะนำว่าเราจะไปดำน้ำตรงจุดไหนบ้าง แต่ละจุดลึกเท่าไหร่ พร้อมทั้งแนะนำส่วนต่างๆ ของเรือ แถมยังเอาตำรามาเปิดให้เรารู้จักปลา ปะการังกันด้วย พอถึงจุดดำน้ำทุกคณะก็จะลุกขึ้นมาเตรียมตัว ชาว Freedive อย่างเราไม่มีอุปกรณ์อะไรมากแค่ใส่ Fin ใส่ Mask ก็โดดได้เลย เราว่ายน้ำตามครูไปหยุดตรงจุดที่ลึกประมาณ 7 เมตร ครูบอกว่าจุดนี้สวยมาก ฝูงปลาอยู่รอบตัว น้ำใส แดดสวยไม่ต้องกังวลเรื่องการถ่ายรูปเลย

 

ครูให้พวกเราสลับกันฝึก Duck Dive เพราะเป็น 1 ในท่าที่ต้องสอบ พอวนกันครบทุกคนแล้ว ครูก็ปล่อยเราไปตามสะดวก บางคนแยกไปฝึกเคลียร์หู บางคนลงไปกำทรายที่ก้นทะเล ระหว่างนี้ครูจะว่ายน้ำตามไปดูแล และถ่ายรูปพวกเราทุกคน ฝึกกันผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ เราก็กลับขึ้นเรือ ย้ายไปจุดดำน้ำที่ 2 กันต่อ ซึ่งจุดที่ 2 นี้จะมีความลึกมากขึ้นเล็กน้อย ครูเรียกรวมเรากลางทะเลอีกครั้ง เรายังคงสลับฝึกในลักษณะเดิม 

 

ภาพซ้ายครูของเราลงไปเกาะบุยส่งยิ้มรอแล้ว ส่วนภาพขวาคือกลุ่มเราซ้อม Duck Dive กัน

 

บรรยากาศใต้น้ำมีทั้งกลุ่มที่ลงไปกำทรายก้นทะเล และกลุ่มที่ลงไปทักทายเพื่อนร่วมเรือ

 

 

เราดำผุดดำว่ายจุดนี้กันประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็กลับขึ้นเรือเตรียมเข้าฝั่ง ระหว่างทางก็มีพูดคุยกันในกลุ่มสนุกสนาน จากการแชร์ประสบการณ์กันทำให้เห็นว่าเราทุกคนทำได้มากน้อยต่างกันไปตามที่ตัวเองถนัด บางคนเก่งเรื่องกลั้นหายใจ บางคนเซียนเรื่อง Duck Dive ในขณะที่บางคนมุ่งมั่นต่อสู้กับการเคลียร์หู แต่เห็นได้ชัดว่าครูทั้ง 2 ก็ไม่ได้กดดันเราเลย เน้นให้เราปล่อยใจสนุกกับท้องทะเลซะมากกว่า คอยให้คำปรึกษา และชื่นชมกับทุกสถิติที่นักเรียนทำได้ 

 


 

🤿 DAY 3  

 

วันที่ 3 และก็เป็น วันสุดท้ายของคอร์สเรียน ครูยังคงนัดเจอกันที่เวลา 08.30 ในครึ่งวันเช้าเราไปฝึกที่สระเช่นเดิม แต่นอกจากจะฝึก Duck Dive, การกลั้นหายใจทั้งแบบอยู่กับที่ และเคลื่อนไหวไปข้างหน้าแล้ว เช้าวันนี้เรายังมีฝึก RESCUE หรือทักษะการช่วยเหลือบัดดี้ ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ไปจนถึงการหมดสติหรืออาการ BLACK OUT ซึ่งทักษะการช่วยเหลือนี้เราจะต้องสอบตอนออกทะเลด้วยนะ เพราะถือเป็นทักษะพื้นฐานที่นักดำน้ำไม่ว่าจะ Freedive หรือ Scuba ต้องมีกันทุกคน

 

หลังฝึกทักษะการช่วยเหลือบัดดี้ในช่วงเช้ากันจนชำนาญแล้ว พักทานข้าวเที่ยงแล้ว เติมครีมกันแดด แล้วก็ถึงเวลาออกทะเลไปสอบกันจริงๆ สักที วันนี้เรายังคงลงน้ำกัน 2 จุดเช่นเคย และก็มีครูช่วยตามเก็บรูปเช่นกัน บนเรือยังคงเต็มไปด้วยผู้คนจากหลายๆ คอร์สเรียน ระหว่างทางไปจุดปล่อยตัวก็ต้องยอมรับเลยว่าตื่นเต้น แต่ละคนก็คือพยายามนึกถึงบทเรียนที่ได้ร่ำเรียนมาเพื่อที่ตอนสอบจะได้ไม่พลาด

 

เมื่อถึงจุดแรกเราก็ เริ่มจากการสอบ Duck Dive ก่อน ครูเรียกพวกเราไปสอบทีละคนวนไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นก็จะมีสอบไต่ลงทะเลไปตามเชือกที่ระดับความลึก 5- 7 เมตร เราจะคอยจับเชือกแล้วไต่ลงไปแบบไม่รีบร้อน ตามขีดจำกัดส่วนใหญ่ ก็สามารถลงไปได้สุดเชือกแบบไม่เจ็บหูเลย จบจากจุดที่ 1 ก็ไปลงจุดที่ 2 กันต่อ

 

พอต้องสอบจริงที่ความลึก 10 - 16 เมตรบรรยากาศข้างล่างก็จะมีความมืดหน่อย 
ตรงนี้ไม่ต้องกังวลนะ ครูจะคอยย้ำกับเราว่า ครูจะอยู่ข้างๆ เสมอ

 

จุดที่ 2 คือจุดสำคัญ เพราะเราต้องสอบกันที่ระดับความลึก 10 - 16 เมตร รอบนี้ครูแนะนำว่ามีเพื่อนเพิ่มมาอีกคนเป็นนักเรียนสอบซ่อมจากรอบก่อน แถมรอบนี้คุณพี่ก็สอบผ่านเป็นคนแรก กองเชียร์คือกรี๊ดเสียงดังมาก เราสลับกันสอบไปเรื่อยๆ คนที่ผ่านแล้วก็จะมีทั้งขึ้นไปรอบนเรือ หาขนม หาน้ำกินแก้หิว แล้วก็จะมีอีกกลุ่มที่ว่ายน้ำไปดูปลา ดูปะการัง เพื่อรอสอบ RESCUE หรือการช่วยหรือบัดดี้ต่อ 

 

สำหรับการสอบ RESCUE เราจะสอบโดยการที่ครูของเรา จะแกล้งหมดสติที่ระดับความลึกประมาณ 5 เมตร นักเรียนจะต้องดำน้ำลงไปแล้วพาครูขึ้นมาบนผิวน้ำ พร้อมทั้งต้องช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากรอบข้าง

 

ลีลาของผู้ที่สอบผ่าน แต่ละคนคือมีหลากหลายท่ามาก ถือเป็นสีสันอย่างหนึ่งของทริปเลย

สอบ RESCUE โดยลงไปช่วยครูที่หมดสติจากระดับความลึก 5 เมตร และปฐมพยาบาลเบื้องต้นบนผิวน้ำ

 

ในส่วนของรอบนี้ก็มีกลุ่มที่สอบไม่ผ่านเช่นกัน ด้วยอุบัติเหตุขาพลิกแต่ก็ใจสู้ลงทะเลไป 1 รอบ อีก 2 คนที่สอบไม่ผ่านด้วยปัญหาเคลียร์หูไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือเครียดแต่อย่างใด อาจเพราะทำตามคำแนะนำของครูที่ว่า ให้ปล่อยใจจอยกับบรรยากาศ อย่าไปเครียด คิดซะว่ามาเที่ยว  ตกเย็นวันนั้นพวกเราในคณะก็นัดกันมาปาร์ตี้ที่ Bar ของโรงเรียน รวมถึงครูทั้ง 2 คนด้วย พวกเราก็นั่งคุยและเปลี่ยนประสบการณ์การดำน้ำกันอย่างสนุกสนาน



ถ้าย้อนกลับไปตอนที่เข้าห้องเรียนวันแรก ครูเตอร์ถามว่า “ ทำไมถึงมาเรียน Freedive ? ” ในวันสุดท้ายก็มีหลายคนบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจ ต่อให้มีคนที่สอบไม่ผ่านแต่เชื่อว่าเขาได้รับอะไรจากการมาเรียนดำน้ำที่นี่กลับไปแน่นอน อย่างน้อยๆ จากเดิมที่กลั้นหายใจได้ไม่ถึง 40 วินาที  ในวันสุดท้ายนี้ทุกคนกลั้นหายใจกันได้เกิน 1.30 นาทีไปแล้ว หรือจากเดิมที่ดำน้ำได้แค่ระดับ Skin Diving  แต่ตอนนี้ทุกคนสามารถดำน้ำได้ลึกอย่างต่ำก็ 7 เมตร ถือเป็นอีก 1 ความก้าวหน้าที่ดีเลยนะ

 

ในตอนที่พวกเราคุ้นเคยกับทะเลแล้ว พวกเราก็เริ่มดำน้ำเล่นกันสนุกสนาน เริ่มสลับกันโชว์ท่ายาก
ไม่มีใครกังวลเรื่องสอบเลยสักนิด 🤣 

 

ระหว่างที่พวกเราทั้ง 4 คนกำลังเดินทางกลับกันนั้น  พวกเราก็มีการพูดคุยกันไปตลอดทางว่าอยากจะลงเรียนให้ถึง Freediving Level 2 กันเลย เพราะถ้าเราดำน้ำได้ถึง 10 -16 เมตรแล้ว การดำน้ำลึกไปถึง 20 -24 เมตรก็ไม่น่าจะยากอะไร  อีกทั้งพวกเราต่างก็รู้สึกดีที่เลือกเรียนที่สถาบัน Big Bubble Diving เพราะไม่ใช่แค่ครูเตอร์กับครูพงษ์เท่านั้นที่เฟรนด์ลี่ แต่ครูทุกคนในสถาบันต่างก็เป็นคนคุยสนุก เล่นมุขตลกเก่ง อารมณ์ดีกันทั้งสถาบัน  เกาะเต่าเองก็นับเป็นเกาะสวรรค์สมคำร่ำลือจริงๆ ทะเลสวย แถมยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเลือกเยอะ ถือเป็นการตามล่าฝันในวันหยุดที่ลงตัวจริงๆ ได้ทั้งสกิล Freediving เพิ่ม และยังพักผ่อนได้อย่างสบายใจอีกด้วย  💕 

 

 

ขอบคุณครูพงษ์และครูเตอร์จาก Big Bubble Diving ที่คอยเก็บรูปให้เราตลอดทั้งคอร์สเรียน ใครสนใจรายละเอียดคอร์สเรียนติดต่อได้ที่ >> Big Bubble Diving  รับรองเรียนสนุกแน่นอน

 


 

💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้ที่นี่

 

  • avatar writer
    โดย Ying
    ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨
แสดงความคิดเห็น