รวมมือถือน่าใช้ งบ 10,000 - 20,000 บาท ที่เปิดตัวในปี 2566
โดย : Xyanyde
เข้าช่วงปลายปีแบบนี้ หลายคนอาจจะอยากเปลี่ยนมือถือใหม่ หรือเล็ง ๆ จะซื้อมือถือใหม่ให้แฟน ให้พ่อแม่กันบ้างล่ะ...แถมยังจะมีงาน Thailand Mobile Expo 2023 จัดขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะซื้อรุ่นไหนดี และไม่รู้ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นตรงไหนบ้าง เราก็เลยขอรวบรวมเอามือถือในช่วงราคา 10,000 - 20,000 บาท ที่มีสเปคน่าใช้มาให้ดูกัน เพื่อเป็นตัวเลือกในการซื้อมือถือคู่ใจเครื่องใหม่กันครับ
มือถือที่เรานำมาแนะนำกันทั้งหมดนี้ จะมีราคาอยู่ในช่วง 10,000 - 20,000 บาท ซึ่งเป็นราคาศูนย์นะครับ หากเราไปซื้อในงาน Thailand Mobile Expo หรือซื้อทางร้านค้าออนไลน์ อาจจะมีราคาที่ถูกกว่านี้ รวมถึงอาจจะมีของแถมคุ้ม ๆ ให้มาอีกเพียบด้วยก็ได้ ลองไปเช็คกันดูนะครับ
สเปคมือถือที่ใช้ตัดสินใจก่อนซื้อ
เหตุผลในการเลือกซื้อมือถือของหลาย ๆ คน ก็จะมีหลัก ๆ อยู่ที่เรื่อง หน้าจอขนาดเท่าไหร่, ความละเอียดเท่าไหร่ (FHD+ คือปกติสำหรับราคาระดับนี้ ถ้า 1.5K ขึ้นไปนับว่าความละเอียดสูงเลย), หน้าจอรีเฟรชเรทเท่าไหร่ (90Hz - 120Hz ขึ้นไป คือลื่นสบายตา), กล้องสวยมั้ย ให้เลนส์อะไรมาบ้าง, ขนาดแบตเตอรี่+ชาร์จไวเท่าไหร่, ลำโพงกี่ตัว ฯลฯ ซึ่งหากว่ารุ่นไหนมีจุดเด่นพวกนี้อยู่ เราก็จะแยกมาให้ดูกันเลยครับ
ส่วนมือถือที่เอามาแนะนำก็มีหลากหลายรุ่นหลากหลายแบรนด์มาก ไม่ว่าจะเป็น iPhone, Samsung, OPPO, vivo, Xiaomi, HONOR, Infinix, OnePlus, realme ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นของตัวเองแตกต่างกันออกไป โดยเราเคาะให้ดูง่าย ๆ เลยว่ารุ่นไหนมีอะไรเด่นบ้าง
HONOR 90 5G (13,990.-)
จุดขาย
- กล้องหลังความละเอียดสูง 200MP
- กล้องเซลฟี่ถ่ายวิดีโอ 4K
- จอเทพ AMOLED ขนาด 6.7" ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR10+
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 66W
แบรนด์น้องใหม่ที่เริ่มเข้ามาตีตลาดในบ้านเรา ด้วยมือถือสเปคอย่างเทพแต่ราคาเอื้อมถึงได้ไม่ยาก โดย HONOR 90 5G ก็เป็นหนึ่งในมือถือรุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวได้ไม่นานนี้ มีราคาแค่หมื่นต้น ๆ แต่สเปคจัดหนักจัดเต็มสุด ไม่ว่าจะหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรทลื่นไหล 120Hz, ชิป Snapdragon 7 Gen 1 RAM 12GB ความจุ 256/512GB ที่สามารถใช้งานทั่วไปและเล่นเกม 3D ได้แบบลื่น ๆ เลย, แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ใช้งานได้ทั้งวัน พร้อมชาร์จไว 66W
จุดขายของรุ่นนี้ก็คือกล้องหลัง 3 ตัว ที่มากับกล้องหลักความละเอียดสูงลิ่วถึง 200MP ซูมดิจิทัลสูงสุด 10x ถ่ายวิดีโอได้ระดับ 4K และยังมีกล้องหน้าความละเอียดสูง 50MP ถ่ายวิดีโอเซลฟี่ 4K ได้ด้วย
Infinix ZERO 30 5G (11,999.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED ขนาด 6.78" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงลิ่ว 144Hz
- กล้องหลัง 108MP มีกันสั่น OIS ถ่าย 4K 60fps
- สเปคแรงเหมาะกับสายเกม
- ลำโพงคู่ ระบบเสียง DTS
- ทนน้ำ IP53
- แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไว 68W
อีกหนึ่งแบรนด์มือถือมาแรงที่ก่อนหน้านี้ Infinix มักจะมีแต่มือถือราคาประหยัดหลักพันบาทเท่านั้น แต่ด้วยความที่ได้เสียงตอบรับเป็นอย่างดีในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงบ้านเราด้วย Infinix ก็เลยเริ่มขยับเข้ามาในตลาดมือถือหลักหมื่น แต่ยังคงมากับเอกลักษณ์สเปคแน่น ๆ ราคาเบา ๆ เช่นเคย
Infinix ZERO 30 5G แม้จะมีราคาแค่หมื่นนิด ๆ แต่สเปคเนี่ย บอกเลยว่าเร็วแรงลื่นปรื๊ด ด้วยชิป Dimensity 8020 เล่นเกมกราฟิก 3D ได้แบบสบายหายห่วง, หน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูงถึง 144Hz , กล้องหลังความละเอียด 108MP มีกันสั่น OIS พร้อมกล้องหน้า 50MP ที่ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ได้ด้วย, ลำโพงสเตอรีโอระบบเสียง DTS เพิ่มความตึ้บ, มาตรฐานทนน้ำ IP53 (กันฝน กันน้ำฉีดใส่), แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จ 68W บอกเลยว่าเป็นมือถือที่ให้สเปคมาคุ้มสุด ๆ แล้วในราคาเรตนี้
iPhone SE (เริ่ม 17,900.-)
จุดขาย
- ระบบ iOS หนึ่งเดียวในราคาระดับนี้
- เครื่องเล็กกะทัดรัด
- ชิป A15 แรงเหลือเฟือ
- ทนน้ำระดับ IP67 ลงน้ำจืดลึก 1 ม. ได้ 30 นาที
แม้จะไม่ได้เปิดตัวในปีนี้ แต่ที่เอามารวมด้วยเพราะในงบ 10,000 - 20,000 บาท ก็สามารถหาซื้อ iPhone ใช้ได้เหมือนกันนะ โดย iPhone SE (Gen 3) มีราคาเริ่มต้นที่ 17,900 บาท สำหรับรุ่น 64GB, ราคา 19,900 บาท สำหรับรุ่น 128GB และราคา 23,900 บาท สำหรับรุ่น 256GB
และถึง iPhone SE Gen 3 จะวางขายมาตั้งแต่ปี 2565 แล้ว แต่ชิป A15 ยังแรงเหลือเฟือใช้งานลื่น ๆ ไปได้อีกยาวเลย นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นอยู่ที่ตัวเครื่องเล็กกะทัดรัดใช้งานมือเดียวได้สบาย และยังได้มาตรฐานกันน้ำ IP67 ลงน้ำจืดลึก 1 ม. ได้เป็นเวลา 30 นาที นอกจากนี้ระบบ iOS ก็ยังเป็นจุดขายของค่ายนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเสถียร,ความลื่น และความปลอดภัยขั้นสุดอีกต่างหาก
OnePlus Nord CE 3 Lite 5G (10,990.-)
จุดขาย
- จอ LCD 6.72" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลัง 108MP
- ลำโพงสเตอรีโอเสียงดัง
- มีรูหูฟัง 3.5 มม.
- รองรับ microSD Card
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
เป็นมือถือรุ่นที่มีราคาเบาที่สุดในลิสต์แล้ว แต่สเปครวม ๆ ก็ให้มาแบบน่าสนใจเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอรีเฟรชเรทไหลลื่น 120Hz, กล้องหลัง 108MP ที่ช่วยให้ซูมดิจิทัลได้ชัดกว่า, ลำโพงสเตอรีโอพร้อมระบบเสียง Ultra Volume Mode 200% เพิ่มความดังขึ้นไปได้ถึง 200% แบบเสียงไม่แตกด้วย, แบตเตอรี่ใหญ่ 5000 mAh รองรับชาร์จ 67W นอกจากนี้ยังเป็นมือถือไม่กี่รุ่นที่มากับรูหูฟัง 3.5 มม. และช่องใส่ microSD Card (แบบ Hybrid) อีกต่างหาก
OnePlus Nord 3 5G (19,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.74" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลังเซนเซอร์ SONY ความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้องเซลฟี่ 16MP
- สเปคแรง Dimensity 9000
- ลำโพงสเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 80W
มือถือตัวท็อปของลิสท์นี้ แน่นอนว่าต้องมากับสเปคแบบแน่นเปรี๊ยะ ๆ ทั้งหน้าจอ OLED สีสันสดสวย รีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz โดยปรับอัตโนมัติระหว่าง 40/ 45/ 60/ 90/ 120Hz ช่วยประหยัดแบตเตอรี่, สเปคแรงจัดด้วยชิป Dimensity 9000 มากับ RAM 16GB ความจุ 256GB ใช้งานลื่น ๆ ได้อีกยาว และอีกหนึ่งจุดขายของมือถือรุ่นนี้ก็คือเซนเซอร์กล้อง IMX890 จากค่าย SONY ความละเอียด 50MP + ระบบกันสั่น OIS ด้วย ส่วนแบตเตอรี่ก็ให้มา 5000 mAh ใช้งานได้ข้ามวันแบบไม่ต้องลุ้น แถมด้วยระบบชาร์จไวจัดถึง 80W
OPPO Reno10 5G (13,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.7" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลัก 64MP
- กล้อง Telephoto ซูม Optical 2x เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 32MP
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้องหน้า 32MP
- ลำโพงสเตอรีโอ
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
รุ่นน้องเล็กสุดของซีรีส์ Reno10 ที่บอกเลยว่าคุ้มค่าตัวกว่าซีรีส์ก่อนหน้าของค่าย OPPO โดยจุดเด่นสุด ๆ คือ กล้อง Telephoto ซูม Optical 2X ใช้เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 32MP (ซูมแบบดิจิทัลสูงสุด 20X) เพราะมือถือราคาระดับนี้หายากมากที่จะให้กล้องซูม Telephoto มาด้วย นอกจากนี้ยังได้จอ AMOLED 120Hz, ลำโพงสเตอรีโอ, ชาร์จไว 67W และน้ำหนักเบาแค่ 185 กรัมเท่านั้นเอง
OPPO Reno10 Pro 5G (17,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.7" ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลักเซนเซอร์ SONY ความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Telephoto ซูม Optical 2x เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 32MP
- กล้อง Ultrawide เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 8MP
- กล้องเซลฟี่เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 32MP
- แบตเตอรี่ 4600 mAh รองรับชาร์จไว 80W
รุ่นพี่กลางของซีรีส์ Reno10 เพิ่มค่าตัวขึ้นมาอีก 4,000 บาท ได้ชิป Snapdragon 778G, หน้าจอขนาดเท่าเดิมแต่ความละเอียดมากขึ้นเป็น 1.5K, อัปเกรดกล้องหลักมาใช้เซนเซอร์ตัวเทพ IMX890 ความละเอียด 50MP + ระบบกันสั่น OIS และได้กล้อง Ultrawide เซนเซอร์ IMX355 ความละเอียด 8MP กล้อง Telephoto ซูม Optical 2x เซนเซอร์ SONY ความละเอียด 32MP แถมด้วยกล้องหน้าเซนเซอร์ IMX709 ความละเอียด 32MP + ระบบกันสั่น EIS ส่วนแบตเตอรี่หดลงนิดหน่อยเหลือ 4600 mAh แต่ชาร์จแรงขึ้นเป็น 80W
realme 11 Pro (12,999.-)
จุดขาย
- ตัวเครื่องได้ดีไซเนอร์จาก GUCCI ช่วยออกแบบ
- จอ AMOLED 6.7" FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลักความละเอียด 100MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้องเซลฟี่ 16MP
- ลำโพงสเตอรีโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
มือถือราคาไม่แรงมากแต่มากับหน้าจองาม ๆ รีเฟรชเรทไหลลื่น พร้อมสเปคใช้งานทั่วไปได้แบบสบาย ๆ ด้วยชิป Dimensity 7050 RAM 8GB ความจุ 128GB จุดเด่นอีกอย่างคือกล้องหลังความละเอียดสูง 100MP พร้อมระบบกันสั่น OIS เพิ่มความนิ่งให้การถ่ายวิดีโอ และเพิ่มความคมชัดให้กับการถ่ายภาพนิ่ง และยังมีลำโพงสเตอรีโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos เพิ่มความตึ้บ ส่วนแบตเตอรี่ให้มาจุใจ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
realme 11 Pro+ (16,990.-)
จุดขาย
- ตัวเครื่องได้ดีไซเนอร์จาก GUCCI ช่วยออกแบบ
- จอ AMOLED 6.7" FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลักความละเอียด 200MP ระบบกันสั่น SuperOIS
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้องเซลฟี่ 32MP
- ลำโพงสเตอรีโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 100W
รุ่นพี่เพิ่มราคามาอีก 4,000 บาท ได้อัปเกรด RAM เป็น 12GB / ความจุ 512GB, กล้องหลังได้ความละเอียดถึง 200MP พร้อมระบบกันสั่น SuperOIS แบบนิ่งจัด ๆ และได้กล้อง Ultrawide 8MP เพิ่มมาอีกตัว ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh เหมือนกัน แต่ชาร์จเร็วขึ้นอีกเป็น 100W
Samsung Galaxy A34 5G (11,999.-)
จุดขาย
- จอ sAMOLED 6.6" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลักความละเอียด 48MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้องเซลฟี่ 13MP
- ถ่ายวิดีโอ 4K 30fps ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง
- ลำโพงสเตอรีโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- มาตรฐานทนน้ำ IP67 (ลงน้ำจืดได้ 1 ม. เป็นเวลา 30 นาที)
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จ 25W
มือถือแบรนด์ยอดฮิตราคาเป็นมิตรแค่หมื่นนิด ๆ แต่คุ้มสุดด้วยหน้าจอสวยสดสู้แดดแบบ sAMOLED รีเฟรชเรทสูง 120Hz สเปคใช้งานในปัจจุบันได้สบายไม่ติดขัด เรื่องกล้องนี่บอกเลยว่าคุ้มเข้าไปอีก เพราะราคานี้แล้วได้ระบบกันสั่น OIS ด้วย จะถ่ายวิดีโอก็เนียนนิ่ง จะถ่ายรูปก็คมกริบ เรื่องเสียงก็กระหึ่มด้วยลำโพงคู่ Dolby Atmos แถมยังทนน้ำ IP67 อีกต่างหาก
Samsung Galaxy A54 5G (13,999.-)
จุดขาย
- จอ sAMOLED 6.4" ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
- กล้องหลักความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide 12MP
- กล้องเซลฟี่ 32MP
- ถ่ายวิดีโอ 4K 30fps ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง
- ลำโพงสเตอรีโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- มาตรฐานทนน้ำ IP67 (ลงน้ำจืดได้ 1 ม. เป็นเวลา 30 นาที)
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จ 25W
รุ่นนี้เพิ่มเงินอีก 2,000 บาท เพื่ออัปเกรดสเปคให้แรงขึ้นมาอีกนิด เล่นเกม 3D ได้ลื่นกว่า ได้กล้องความละเอียดสูงขึ้นโดย เฉพาะกล้อง Ultrawide 12MP และกล้องหน้า 32MP ส่วนการถ่ายภาพทั่วไปรุ่นนี้จะได้ฟีเจอร์พิเศษ All Pixel Auto Focus เพิ่มเข้ามา ช่วยให้จับโฟกัสได้แบบแม่นยำและรวดเร็วกว่า สำหรับดีไซน์เครื่องก็ต่างกันนิดหน่อยตรงที่รุ่นนี้หน้าจอเป็นแบบเจาะรูแทน นอกนั้นจะเหมือน ๆ กับรุ่นบน ทั้งลำโพงคู่, กันน้ำ, ขนาดแบตเตอรี่+ชาร์จ
vivo V29 5G (เริ่ม 14,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.78" ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz
- ความจุสูงสุด 512GB
- กล้องหลักความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- แฟลชแบบวงแหวน
- กล้อง Ultrawide 8MP
- กล้องเซลฟี่ 50MP, มีออโต้โฟกัส, มุมกว้าง
- แบตเตอรี่ 4600 mAh รองรับชาร์จไว 80W
มือถือเครื่องเพรียวบางน้ำหนักแค่ 186 กรัม พร้อมดีไซน์ฝาหลังแบบระยิบระยับถูกใจสาว ๆ (หนุ่ม ๆ ก็ถูกใจได้ไม่ว่ากัน) มากับสเปคใช้งานทั่วไปได้ลื่น ๆ แถมยังมีหน้าจอ AMOLED ความละเอียดสูง 1.5K รีเฟรชเรท 120Hz อีกต่างหาก แต่จุดขายของรุ่นนี้คือกล้องหลัง 50MP มีระบบกันสั่น OIS พร้อมแฟลชแบบวงแหวนที่มีความนวลเนียน เหมาะสุด ๆ สำหรับการถ่ายภาพบุคคลเพราะจะให้สีผิวที่เนียนเป็นธรรมชาติกว่า ส่วนกล้องเซลฟี่ก็ความละเอียดสูงถึง 50MP และยังมีระบบออโต้โฟกัสซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่มือถือระดับนี้ไม่ค่อยจะให้มาด้วย
Xiaomi 13T (15,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.67" ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 144Hz
- สเปคแรงเหลือเฟือ
- กล้องหลังร่วมพัฒนากับ LEICA
- กล้องหลักเซนเซอร์ SONY ความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- กล้อง Ultrawide 12MP
- กล้อง Telephoto 50MP, ซูม Optical 2X / ซูม Digital 20X
- กล้องหน้า 20MP
- ลำโพงสเตอรีโอ, ระบบเสียง Dolby Atmos
- มาตรฐานทนน้ำ IP68 ลงน้ำจืดได้ 1.5 ม. เป็นเวลา 30 นาที
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
มือถือสเปคโหดราคาคุ้มจัด ๆ ต้องยกให้ Xiaomi เค้าเลย โดยรุ่นนี้นอกจากจะมีหน้าจอแจ่ม ๆ สเปคแรง ๆ แล้ว จุดขายสุด ๆ ของเค้าก็คือกล้องหลังที่ร่วมมือกันพัฒนากับแบรนด์กล้อง LEICA ซึ่งปกติจะมีอยู่เฉพาะในมือถือระดับเรือธงเท่านั้น แถมยังเด็ดสุดด้วยกล้องซูม Telephoto ความละเอียดสูง 50MP ด้วย
สเปคส่วนอื่น ๆ ก็จัดมาให้ครบทั้งชิปตัวแรง + RAM 12GB / ความจุ 256GB, กันน้ำกันฝุ่น IP68, ลำโพงคู่ Dolby Atmos, แบตเตอรี่อึด+ชาร์จไว
Xiaomi 13T Pro (เริ่ม 19,990.-)
จุดขาย
- จอ AMOLED 6.67" ความละเอียด 1.5K รีเฟรชเรท 144Hz
- สเปคแรงระดับเรือธงในราคา 20,000 บาท
- ความจุแบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB - 1TB
- กล้องหลังร่วมพัฒนากับ LEICA
- กล้องหลักเซนเซอร์ SONY ความละเอียด 50MP ระบบกันสั่น OIS
- ถ่ายวิดีโอ 8K
- กล้อง Ultrawide 12MP
- กล้อง Telephoto 50MP, ซูม Optical 2X / ซูม Digital 20X
- กล้องหน้า 20MP
- ลำโพงสเตอรีโอ, ระบบเสียง Dolby Atmos
- มาตรฐานทนน้ำ IP68 ลงน้ำจืดได้ 1.5 ม. เป็นเวลา 30 นาที
- รองรับ Wi-Fi 7
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับชาร์จไว 120W
แต่ถ้าใครอยากจัดให้สุด เพิ่มอีก 4,000 บาท จะได้มือถือที่มีสเปค+ฟีเจอร์ในระดับเรือธงที่ค่าตัวไม่เกิน 20,000 บาท ได้อัปเกรดขึ้นมาใช้ชิปตัวแรง Dimensity 9200+ และความจุแบบ UFS 4.0 เริ่มต้น 512GB อ่าน-เขียนข้อมูลเร็วปรื๊ด ๆ, ระบบชาร์จไวสุดขั้ว 120W แถมยังรองรับ Wi-Fi 7 ด้วย (ตอนนี้ยังใช้ไม่แพร่หลาย แต่มีไว้เผื่ออนาคต)
ส่วนเรื่องกล้องสเปคจะคล้าย ๆ กับรุ่นบนเลย แต่พิเศษกว่าตรงที่รองรับการถ่ายวิดีโอได้ถึง 8K คมชัดบาดตาบาดใจ
ใครสนใจรุ่นไหนก็ลองไปเล่นตัวจริงกันก่อนที่จะตัดสินใจซื้อตามร้าน หรือในงาน Thailand Mobile Expo ดูก่อนก็ได้นะครับ เพราะไม่แน่ว่าบางรุ่นอาจจะมีสเปคโดนใจ แต่รูปร่างหน้าตาหรือ UI การใช้งานบางอย่างอาจจะไม่ถูกจริตเราก็ได้นะ
โดย Xyanyde
เรื่องเทคโนโลยี หรืออะไรที่มันล้ำ ๆ ขอให้บอกเท้อออ
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ