25 ปีแห่งความทรงจำ The Lion King 2019 เจ้าป่าคืนบัลลังก์!
โดย : Amazing Can
The Lion King 2019: การกลับมาของราชาผู้ทรนง
ถ้าพูดถึงภาพยนตร์แอนิเมชั่นในตำนานจากค่าย Walt Disney แล้วล่ะก็ เชื่อได้เลยว่า "The Lion King" ต้องเป็นเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของใครหลายๆ คน ตลอดระยะเวลา 25 ปี (ฉายเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2537) กับเรื่องราวการผจญภัยของ "ซิมบ้า (Simba)" สิงโตผู้เป็นจ้าวแห่งสัตว์ป่าทั้งมวล ซึ่งเรื่องนี้เคยกวาดรางวัลออสการ์ ใน 2 สาขา คือ ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลง Can You Feel the Love Tonight) และเตรียมกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้งในแบบ Live Action
แต่ก่อนจะไปปลดปล่อยจินตนาการกันกลางทุ่งหญ้าสะวันนา มาดู 5 ข้อ ที่ต้องรู้ก่อนไปดูหนังเต็มๆ กัน 👍🏽 👍🏽
1. ผลงานจากผู้กำกับ The Jungle Book
จากผลงานการกำกับของ "จอน ฟาฟวโร (Jon Favreau)" ผู้กำกับและนักแสดงมากฝีมือที่หลายคนคงคุ้นหน้ากันดี ซึ่งล่าสุดเฮียเค้าก็เพิ่งไปเล่นบท "แฮปปี้ โฮแกน (Happy Hogan)" ใน Spider-man Far From Home สบตากับป้าเมย์ปิ๊งๆ ส่วนผลงานกำกับนั้น ผ่านมาแล้วทั้ง "Ironman ภาค 1-2" (ร่วมแสดงในภาคที่ 3) และ "The Jungle Book-เมาคลี ลูกหมาป่า" ที่สร้างขึ้นมาได้แบบสมจริงสุดๆ ด้วยเทคนิคการสร้างภาพยนตร์สุดล้ำสมัย
แน่นอนว่าการกำกับ "The Lion King" ในครั้งนี้ จะเป็นการเนรมิตรเหล่าสัตว์ป่าใน Pride Rock แดนทรนงให้ออกมากู่ร้องก้องไปทั่วโลกอีกครั้ง ซึ่งจอนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าในฉบับไลฟ์แอคชั่นนี้จะไม่ได้รีเมคจากฉบับการ์ตูนทั้งหมดแบบฉากต่อฉาก แต่จะเป็นการเล่าในแบบที่ต่างออกไป พร้อมยังคงคอนเซปต์ที่แฟนๆ อยากเห็นเอาไว้ แถมงานนี้ยังบอกใบ้อีกว่าในหนังจะมีเซอไพรส์แบบที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
2. การกลับมาของตัวละครที่คุณหลงรัก
มาดูกันชัดๆ เลยระหว่างแบบวอร์ชั่นแอนิเมชั่นปี 1994 กับแบบไลฟ์แอ็คชั่นปี 2019
ซิมบ้า (ตอนเด็ก)
ท่ามกลางชีวิตน้อยใหญ่ใน Pride Rock แดนทรนง "ซิมบ้า" สิงโตน้อยก็ได้เกิดขึ้นพร้อมเสียงกู่ร้องของบรรดาสัตว์ทุกเผ่าพันธุ์ที่ต่างกรูเข้ามาเป็นพยานร่วมยินดีกับเจ้าป่าในอนาคตของพวกเค้า ในวัยเด็กซิมบ้าก็ใช้ชีวิตแบบซุกซนตามประสาลูกสิงโตทั่วไปตามธรรมชาติ โดยมีมูฟาซาและซาราบีผู้เป็นพ่อและแม่คอยดูแล ซึ่งมูฟาซาผู้เป็นพ่อก็ได้คอยพร่ำสอนถึงสัจธรรมชีวิตและคุณสมบัติของการเป็นเจ้าป่าที่ดีในการรักษาสมดุลชีวิตของบรรดาสัตว์ในดินแดนแห่งนี้
ซิมบ้าได้ยินพ่อพูดเสมอว่าห้ามไปที่ดินแดนต้องห้ามอย่าง "สุสานช้าง" เด็ดขาด แต่ด้วยความซน อยากรู้อยากเห็น เจ้าสิงโตน้อยก็ไปขอซาราบีผู้เป็นแม่ว่าจะไปเล่นที่หนองน้ำกับ "นาล่า" สิงโตเพศเมียที่เป็นเพื่อนสนิท ซึ่งแม่ก็ให้แต่ต้องมี "ซาซู" นกเงือกเลขาคนสนิทของพ่อตามไปดูด้วย แต่เจ้าสิงโตทั้งสองก็ยังใช้ทริลหลอกล่อแอบหนีซาซูไปที่สุสานช้างจนได้เจอกับกลุ่มไฮยีน่าที่จ้องขย้ำตาเป็นมัน ทว่าโชคดียังดีที่มุฟาซามาช่วยเอาไว้ได้ทัน จนกระทั่งชะตาพลิกผันอีกครั้งด้วยความไร้เดียงสา กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ทำให้ซิมบ้าต้องกำพร้าพ่อและถูกสการ์ขับไล่ออกจากแดนทรนงไปด้วยใจที่บอบช้ำ
ซิมบ้า (ตอนโต)
ระหว่างทางที่ต้องผจญภัยนอกดินแดน ซิมบ้าได้พบกับหมูป่า "พุมบ้า" และเมียร์แคท "ทีโมน" 2 เพื่อนซี้อารมณ์ดีที่พาซิมบ้ามาใช้ชีวิตแบบลุยๆ ไปไหนไปกันด้วยคติที่ว่า "ฮาคูน่า มาทาท่า" ที่แปลว่า Don't worry อย่ากังวลไปเลยเพื่อน! เจ้าสิงโตน้อยเลยได้สนุกไปกับเพื่อนๆ จนเติบใหญ่ ก่อนจะได้มาเจอกับนาล่าเพื่อนซี้ตอนเด็กโดยบังเอิญ จนได้รู้ว่าตั้งแต่สการ์ขึ้นเป็นเจ้าป่า แดนทรนงก็เข้ายุคมืดกลายเป็นดินแดนแห้งแล้งทันที เธอเลยขอให้ซิมบ้าช่วยกลับไปกอบกู้แดนทรนงคืนมาแต่ซิมบ้าไม่ไป ทำให้ราฟิกิ ลิงหมอดูต้องมาโน้มน้าวโดยการพาซิมบ้าไปเจอกับวิญญาณของพ่อที่เฝ้าดูอยู่บนฟากฟ้า ก่อนจะเปลี่ยนใจมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อปลดปล่อยแดนทรนงให้คืนความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง
นาล่า (ตอนเด็ก)
"นาล่า" เป็นรักแรกและรักเดียวของซิมบ้าที่สนิทกันตั้งแต่เล็กๆ คอยไปไหนไปกันตลอดเวลา วิ่งเล่นด้วยกันยันวิ่งหนีฝูงไฮยีน่าด้วยกันแบบเอาเป็นเอาตาย
นาล่า (ตอนโต)
ระหว่างที่มาออกล่านอกแดนทรนง โชคชะตาก็นำพาให้นาล่ากลับมาเจอกับซิมบ้าอีกครั้ง ทำให้หัวใจของสิงโตสาวที่กำลังห่อเหี่ยว หมดหวังได้กลับมามีกำลังใจขึ้นอีกครั้ง ทั้งการได้เจอเพื่อนเก่าที่ต่างก็รักกัน ทั้งการมีหวังว่าเจ้าป่าที่แท้จริงอย่างซิมบ้าจะช่วยกลับไปกอบกู้ดินแดนที่มืดดับด้วยมือสการ์ให้กลับมาสดใสเหมือนวันวาน
มูฟาซา
ตั้งแต่วันที่ซิมบ้าลืมตาดูโลกก็มี "มูฟาซา" ผู้เป็นพ่อคอยชี้ทาง และตัวอย่างที่ดีในการเป็นราชสีห์ผู้คอยดูแลสัตว์น้อยใหญ่ในแดนทรนงให้อยู่อย่างผาสุข มูฟาซาคอยบอกลูกชายเสมอว่าการเป็นเจ้าป่าที่ดีนั้นคือการให้เกียรติทุกชีวิตรอบตัวตั้งแต่สัตว์ใหญ่ไปจนถึงสัตว์ตัวน้อยๆ อย่างมด และต้องรู้ต้องเข้าใจการรักษาสมดุลของวัฏจักรชีวิตให้ดี ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไปในห่วงโซ่อาหาร สิงโตกินละมั่ง >> สิงโตตายกลายเป็นหญ้าให้ละมั่งแทะเล็ม ชีวิตมันก็แบบนี้เอง แม้ในตายจากไปก็ยังคอยเฝ้ามองจากฟากฟ้า เตือนสติลูกชายให้ไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร
สการ์
"สการ์" คือ วายร้ายผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์วินาศสันตะโรทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ เป็นจอมขบถที่ไร้น้ำใจ ไม่เคยคิดถึงความเป็นญาติมิตรใดๆ วันที่ซิมบ้าเกิดแล้วมีพิธีเจิม มันก็ไม่ได้เข้าร่วม แถมยังคอยวางแผนพิฆาตสองพ่อลูกเพื่อชิงบัลลังก์มาเป็นของตนให้ได้ และยังพาพวกฝูงหมาไฮยีน่ามาร่วมปกครองแดนทรนงจนเละไม่เป็นท่า
ซาราบี
ซิมบ้าโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น มีแผ่นหลังของพ่อคอยปกป้องคุ้มครอง มีอ้อมกอดของแม่คอยดูแล ซึ่งซาราบีจะค่อนข้างตามใจลูกมากกว่ามูฟาซา พอลูกโกหกว่าจะไปเล่นที่หนองน้ำก็ยอมให้ไป
ราฟิกิ
เจ้าลิงแมนดริลจอมกวนนี้เป็นเหมือนพ่อหมอประจำแดนทรนงเลยทีเดียว เป็นผู้ทำหน้าที่พิธีปลุกเสกเจิมซิมบ้าว่าที่เจ้าป่าในอนาคต ราฟิกิมีความสนิทสนมกับมูฟาซาและครอบครัวซิมบ้า และคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด อีกทั้งยังเป็นคนที่เรียกสติให้ซิมบ้ากลับมามีแรงฮึดสู้อีกครั้งในช่วงเวลายากลำบาก
ทีโมนและพุมบ้า
เมียร์แคทและหมูป่าสองเพื่อนซี้ที่ช่วยชีวิตซิมบ้าไว้ระหว่างทาง ช่วยให้สิงโตน้อยได้ลืมความเจ็บปวดในอดีต เวลาคิดไรไม่ออกก็พูดไปว่า "ฮาคูน่า มาทาท่า" อย่ากังวลไปไย และสอนซิมบ้าให้รู้จักกินอยู่แบบบ้านๆ เจอหนอนก็กินหนอนไป จนทั้งสามกลายเป็นเพื่อนซี้ที่คอยร่วมทุกข์ร่วมสุขแต่นั้นมา
ซาซู
ซาซูเป็นนกเงือกฉลาด แสนรู้ พูดเก่ง คอยเป็นหูเป็นตาให้มูฟาซารายงานความเป็นไปในแดนทรนงอยู่ทุกเช้า ฝูงยีราฟเป็นยังไง ฝูงลิงทำอะไรอยู่
บลาๆๆ ช่วยให้งานของมูฟาซาง่ายขึ้น
กลุ่มไฮยีน่า
ในสุสานช้างคืออาณาเขตต้องห้ามที่เป็นบ้านของกลุ่มไฮยีน่า 3 เกลอ ประกอบด้วย เช็นซี, บันไซ และเอ็ด หมาไนจอมเจ้าเล่ห์และหิวโหยตลอดเวลา และกลายเป็นลูกสมุนของสการ์ ทำเรื่องชั่วๆ ไม่ว่าพวกมันจะไปที่ไหน ที่นั่นก็จะมีแต่ความแห้งแล้ง อดอยาก
3. ฉากเด็ดในตำนาน
อันนี้ไม่เล่าเยอะ ให้ภาพมันเล่าเรื่องเลยละกัน
4. บทเพลงฮิตในความทรงจำ
เริ่มที่เพลงนี้เลย "Circle of Life" ที่ใช้เป็น Intro เปิดเรื่องและติดหูกันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่จริงๆ มันไม่ได้อ่านว่า "นาสิเพนย่า" นะจ๊ะ มันเป็นภาษาซูลูที่อ่านว่า "Nants-in-gon-ya-ma-ba-gi-thi-ba-ba (นาน-ซิน-กอน-ยา-มา-บา-คิ-ถิ-บาบา)" แปลว่า สิงโตปรากฎตัวแล้วท่านเอ๋ยยย เป็นบทเพลงที่เล่าถึงเรื่องราวของราชสีห์ผู้เป็นเจ้าเหนือสัตว์ทั้งปวง และวัฏจักรชีวิตที่อยู่ร่วมกันในป่าใหญ่
"Can you feel the love tonight" เพลงรักหวานซึ้งที่ถ่ายทอดความรักความผูกพันระหว่างซิมบ้ากับนาล่า โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และดื่มน้ำในบ่อด้วยกัน ซึ่งงานจะได้เอลตันจอห์น (Elton John) นักร้องชื่อดัง เจ้าของเสียงทรงพลังเตรียมกลับมามีส่วนร่วมกับโปรเจกต์นี้อีกครั้งโดยมี "บียอนเซ่" และ "ทิมไรซ์" คนเขียนเนื้อเพลงต้นฉบับมาร่วมแจมด้วย
และที่ขาดไม่ได้เลยคือเพลง "Hakuna Matata" ที่ซิมบ้า ทีโมนและพุมบ้าร้องบรรเลง ออกสเต็ปไปด้วยกัน บทเพลงที่ชวนทุกคนมาปลดปล่อยความกังวลทั้งปวงแล้วมาใช้ชีวิตกันให้สนุก นอกจากนี้ยังมีเพลง "I just can't wait to be king" ที่ซิมบ้า นาล่า และซาซูร้องด้วยกัน ด้วยความที่ซิมบ้าตอนอยากโตเป็นเจ้าป่าไวๆ และเพลง "Be prepared" ที่สการ์ร้องกับพวกไฮยีน่าในการเตรียมตัวชิงบัลลังก์
5. บียอนเซ่ก็มา! ร่วมพากย์เสียงในภาค Live Action
งานนี้ไม่ได้มาเล่นๆ แน่นอน เพราะได้ "บียอนเซ่ (Beyoncé)" ราชินีเพลงป๊อบแห่งยุคมาพากย์เสียงเป็นนาล่า สิงโตสาวใจแกร่ง ซึ่งจอน ฟาฟวโรผู้กำกับได้ออกมาพูดเองเลยว่ารูปแบบการเคลื่อนที่ของนาล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการแสดงของควีนบี รวมไปถึงการออกแบบฉากต่อสู้ของพวกสิงโตก็มาจากการออกแบบท่าเต้นอันทรงพลังของเธอ
ส่วนบทพากย์ไทยก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นบียอนเซ่เมืองไทยอย่าง "แก้ม เดอะสตาร์" ที่ถึงกับเนื้อเต้นและภูมิใจที่ได้พากย์บทเดียวกับไอดอลของเธอ
นอกจากนี้เรายังจะได้ฟังเสียง "เจมส์ เอิร์ล โจนส์ (James Earl Jones)" เจ้าของเสียงมูฟาซาในภาคแอนิเมชั่นในตำนาน กลับมาพากย์เสียงเดิมอีกครั้ง เรียกได้ว่างานนี้ถูกใจคอหนังดิสนีย์เต็มๆ ห้ามพลาด!! 17 ก.ค. นี้ คมเขี้ยวแห่งราชาจะกลับมาผงาด ทุกโรงภาพยนตร์!
โดย Amazing Can
เขียน Content เล่นดนตรี มีใจรักหมา