ตั้งสติก่อนสตาร์ท! มาอัปเดต กฎหมายจราจรปี 2566 ก่อนออกเดินทางกันเถอะ
โดย : Ying
ตั้งสติก่อนสตาร์ท ใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เมื่อช่วงกลางปี 2566 หลายคนน่าจะเห็นข่าวการเปลี่ยนแปลงกฎหมายจราจรมาบ้างแล้ว ทั้งการปรับกฎ และเพิ่มโทษ อีกทั้งปรับลดเกณฑ์ความผิดบางข้ออีกด้วย ซึ่งบทความนี้ก็อยากจะนำกฎหมายจราจรฉบับที่มีการอัปเดตล่าสุด (วันที่ 25/12/66) มาให้ทุกคนได้ดูกัน ถือเป็นการอัปเดตข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ เพื่อที่จะนำไปใช้บนท้องถนนได้อย่างถูกต้อง เวลาเดินทางไปเที่ยวช่วงหยุดยาวจะได้ไม่โดนใบสั่งกันนะ
กฎหมายจราจรฉบับอัปเดต รู้ไว้ก่อนออกเดินทาง
🚦
ช่วงหยุดยาวสิ้นปีแบบนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นช่วงเวลาของการเฉลิมฉลอง ผู้คนเดินทางไปปาร์ตี้ ไปเที่ยวไกลบ้าน รวมถึงเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ซึ่งหลายคนเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ รถสาธารณะ จึงทำให้ถนนทุกหนแห่งเกิดความหนาแน่นมากขึ้นกว่าปกติ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ตั้งสติก่อนสตาร์ทกันให้มากขึ้นด้วยนะ แต่นอกจากตั้งสติก่อนสตาร์ทแล้ว ก็ยังมีอีก 1 เรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญก็คือ เรื่องกฎหมายจราจรนั่นเอง เพราะบางข้อได้มีการอัปเดตให้เข้ายุคเข้าสมัยมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้รถใช้ถนนก็ควรที่จะรู้ไว้ทั้งเพื่อความปลอดภัยและจะได้ไม่โดนใบสั่งหรือค่าปรับกันด้วย
สำหรับการอัปเดตข้อกฎหมายจราจรที่เรานำมาบอกต่อนี้ เป็นกฎหมายที่เราคัดมาแล้วว่า มักจะมีคนทำผิดจนเกิดเป็นคดีความกันเป็นจำนวนมาก
เมาแล้วขับ
เมาแล้วขับคือคดีอันดับต้นๆ ของประเทศไทยเลย จากสถิติเมื่อช่วงสงกรานต์ 2566 ที่ผ่านมาพบว่า มีคดีขับรถขณะเมาสุราถึง 1,870 คดี อันนี้แค่ช่วงสงกรานต์นะ จริงอยู่ที่พอถึงช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เราก็อยากจะสังสรรค์กัน อยากจะส่งท้ายปีเก่า ปาร์ตี้ให้ลืมเธอ อะไรก็ว่าไป แต่ต้องไม่ลืมว่าแอลกอฮอล์มีส่วนทำลายสมองเป็นอย่างมาก ทำให้การคุณภาพในการควบคุมสติลดน้อยลง ตัดสินใจช้าลง การมองเห็นก็แย่ลงอีกด้วย
ในปัจจุบันกฎหมายกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเอาไว้ว่า ห้ามเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งบทลงโทษก็จะแยกตามความเสียหายที่เกิดขึ้นตามรูปด้านบนเลย เพราะฉะนั้นจำไว้ว่า เมาไม่ขับ ถ้าขับรถต้องไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ขับรถโดยประมาท
การขับรถโดยประมาทเกิดขึ้นได้หลายกรณีมีโทษหนักเบาตามความเสียหาย ถึงแม้จะไม่ใช่การเมาแล้วขับ แต่การขับรถโดยประมาทก็เป็นอีก 1 คดีที่เรามักจะพบตามข่าวบ่อยมากต่อให้ไม่ใช่ช่วงเทศกาลก็ตาม ขับรถไปเล่นมือถือไป ขับรถปาดซ้ายแซงขวา ตัดหน้าหมดไม่สนรถใคร อะไรแบบนี้มักจะนำพาไปสู่การเกิดอุบัติเหตุในที่สุด ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดก็ตาม
กรณีของการใช้มือถือขณะขับรถจนทำให้เกิดอุบัติเหตุก็พบเห็นกันมากขึ้น และกฎหมายก็มีการกำหนดโทษเรื่องการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถคือ ปรับไม่เกิน 4,000 บาท และจะถูกตัดแต้มใบขับขี่ด้วย 1 คะแนน เพราะฉะนั้นถ้ามีเหตุจำเป็นจะต้องใช้โทรศัพท์ขณะขับรถจริง ๆ แนะนำให้ใส่หูฟัง หรือใครที่ต้องเปิดแมพเพื่อดูทาง แนะนำให้มีที่ยึดเกาะเข้ากับตัวรถ ไม่ขับรถไปด้วยและหยิบมือถือขึ้นมาดูแมพไปด้วยนะ
ขับรถโดยไม่มี / ไม่พก / ถูกยกเลิกใบขับขี่
ใบขับขี่บัตรใบเล็กๆ ใบเดียวช่วยพกกันหน่อยเถอะ เพราะเป็นกฎหมายอีก 1 ข้อที่มีการเปลี่ยนแปลงให้โดนโทษปรับหนักขึ้น ในกรณีรถมอเตอร์ไซต์อาจจะคุ้นชินกันดีกับการถูกคุณตำรวจเรียก และขอดูใบขับขี่ แต่ในกรณีของรถยนต์นั้นอาจจะไม่ค่อยคุ้นกับสถานการณ์นี้สักเท่าไหร่ แต่ช่วงเทศกาลหยุดยาวที่ตำรวจจราจรทั้งประเทศให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยแบบนี้ จะโดนเรียกตรวจได้ง่ายๆ ถึงเราจะบอกว่า ผมมีนะครับแต่ไม่ได้เอามา นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะทำให้คุณตำรวจปล่อยเราไป
เพื่อป้องกันทั้งการเสียค่าปรับ โดนหักคะแนน และเสียเวลาเที่ยว แนะนำให้พกเถอะ แสดงความภูมิใจของเราออกไปให้โลกได้เห็นไปเลยว่า ฉันขับรถแบบถูกกฎหมายนะ
ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย และไม่สวมหมวกกันน็อค
ยุคนี้ยังมีคนไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ใส่หมวกกันน็อคอยู่อีกหรอ ? คำตอบคือ มีจ้า หลายคนอาจจะมองว่า ขับไปกินข้าวแค่ 10 กิโลเมตรไม่ต้องรัดเข็มขัดหรอกเดี๋ยวก็ต้องถอดแล้ว อยากจะบอกว่าไปแค่ปากซอยก็ต้องรัดจ้า ต่อให้เราขับรถดี ขับรถปลอดภัย สติเต็มร้อยแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่ารถคนอื่นจะขับโดยคำนึงถึงคนบนท้องถนนนะ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้มันดีเสมอ และคนขับขี่มอเตอร์ไซต์ก็เช่นกันนะ อย่าคิดแค่ว่าออกไปซื้อกับข้าวแค่ตรงตลาดนัดเอง ไม่ต้องใส่หรอกมันอึดอัด อยากจะบอกว่า ถึงหัวเราจะมีกะโหลกครอบอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสมองด้านในจะแข็งเท่ากระดูกนะ เพราะฉะนั้นต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถ เช่นกัน
ขับรถเร็วเกิดกำหนด / ฝ่าไฟแดง / ไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลาย
อยากจะเพิ่มเติมในกรณีของการขับรถเร็วเกินกำหนด ล่าสุดมีการปรับเกณฑ์เรื่องการใช้ความเร็วรถแล้วนะ ดังนี้เลย
บนทางด่วน
- รถยนต์ 4 ล้อ ไม่เกิน 100 กม./ชม.
- รถบรรทุกมากกว่า 2.2 ตัน,รถโดยสารเกิน 15 คน, รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ไม่เกิน 80 กม./ชม.
บนทางระดับดิน
- รถยนต์ 4 ล้อ ไม่เกิน 110 กม./ชม.
- รถบรรทุกมากกว่า 2.2 ตัน,รถโดยสารเกิน 15 คน, รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน ไม่เกิน 90 กม./ชม.
ส่วนในกรณีอื่นๆ อย่างไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย อันนี้เดิมทีอาจจะเป็นเรื่องของน้ำใจของคนใช้ถนนร่วมกัน แต่ปัจจุบันถูกกำหนดเป็นกฎหมายที่มีบทลงโทษด้วย เชื่อว่าหลายคนเคยเห็นข่าวเศร้าผ่านตามาบ้าง เพราะฉะนั้นแนะนำให้ทุกคนคอยสังเกตทางม้าลายให้ดี ถ้าเป็นในเขตชุมชนก็ควรจะขับช้าๆ ถ้าเห็นคนกำลังข้ามทางม้าลายก็ควรจะจอดให้คนข้ามถนนให้เสร็จก่อน จะดีที่สุด
นอกจากของการขับขี่ปลอดภัย เคารพกฎจราจร มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทางแล้ว ยังมีเรื่องของ อุบัติเหตุที่เกิดจากการหลับใน อีกเรื่องที่เราต้องให้ความสนใจเช่นกัน จากสถิติเทศกาลปีใหม่ 2565 พบว่า มีอุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับขี่หลับใน 64 ครั้ง ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย เพราะฉะนั้นก่อนการเดินทางทุกครั้งควรพักผ่อนให้เพียงพอล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ถ้าไม่มีเพื่อนนั่งรถไปด้วยแนะนำให้จอดพักทุก 2 ชั่วโมง หาของกินอย่าพวกชา กาแฟ หรือของที่มีรสเปรี้ยวมากิน เพื่อเพิ่มความสดชื่นระหว่างขับรถก็ถือเป็นอีกตัวช่วยที่ดีเลย สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนเที่ยวให้สนุก ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย และเดินทางโดยสวัสดิภาพจ้า
🚙
💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨