กยศ. ปรับเงื่อนไขปี 63 เพิ่มค่าครองชีพ เกณฑ์ใหม่ แล้วดีกว่าเดิมยังไง?
โดย : MilD
กยศ. ปรับเกณฑ์รายได้ครอบครัวให้สูงขึ้น
เปิดโอกาสให้คนที่ขาดแคลนทุน แต่อยากเรียนต่อ
แถมเพิ่มเงินค่าครองชีพในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้
พร้อมลดเงินต้น-ดอกเบี้ยสำหรับสาขาเป็นที่ต้องการของตลาดอีกด้วย
"การศึกษา" ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในชีวิตก็ว่าได้ ไม่มีใครเกิดมาจะรู้ไปทุกอย่างหรอก ถ้าเราไม่ใช่ Genius อัจฉริยะขนาดนั้น 55 แต่เอาจริงๆ นะ ทุกคนจะมีวันนี้ได้ก็ต้องเริ่มจาก 0 ทั้งนั้นแหละ ก็อยู่ที่ความพยายามและโอกาสที่จะเข้ามาละ พรสวรรค์ยังไงก็ไม่เท่าพรแสวงหรอก ยังเชื่อว่าเป็นแบบนี้เสมอนะ ถ้าอยากเรียนอะไร ก็ต้องได้เรียน!
(ถ้าอยากเรียนต่อมหาลัยดังๆ แต่ไม่มีเงินเพียงพอ ก็มากู้ยืมเงินเรียนกับ กยศ.ได้)
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก คนที่อยากเรียน อ้าว ดันไม่มีเงินเรียนเฉย แต่คนที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง กลับไปอยากเรียนก็มี ชีวิตเหมือนเล่นตลกอะไรเลย ยอมแพ้ไม่ได้ค่ะ ตัวช่วยมีอยู่เสมอ ถ้าอยากเรียนต่อ แต่ขาดแคลนเงินเพื่อการศึกษาต้องมาที่นี่ "กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา" หรือ กยศ. นี่แหละจะช่วยคุณเอง
ปรับเกณฑ์ใหม่ เพิ่มโอกาสเรียนต่อ ให้กว้างกว่าเดิม
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา แสดงว่าไม่ใช่ให้เปล่า แต่จะต้องใช้คืนด้วย หลายคนมีความคิดที่ไม่ค่อยถูกต้อง ถ้าไม่ใช้คืนเนี่ยมีแต่ผลเสียล้วนๆ เลยนะ เครดิตก็เสีย อนาคตจะทำอะไรก็ลำบากไปหมด เรียนจบแล้ว หางานทำได้ก็นำมาจ่ายคืน เพื่อให้เงินก้อนนี้จะได้เอาไปให้คนอื่นที่ต้องการใช้เรียนต่อได้อีกด้วย แต่ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเนี่ย จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ก็คือ
1) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ (กยศ.) พูดง่ายๆ ก็คือฐานะค่อนข้างยากจน ไม่มีกำลังเพียงพอที่เรียนต่อได้ด้วยตัวเอง ก็มีความจำเป็นต้องมากู้ยืมเงินเพื่อไปเรียนต่อ
2) เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาในสาขาที่เป็นความต้องการหลัก (กรอ.) ซึ่งมีความชัดเจนของการผลิตกำลังคนและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ
โดยทั้ง 2 แบบ จะมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน รวมถึงจำนวนเงินสูงสุดที่จะขอกู้ได้ด้วย ส่วนใหญ่คนก็กู้เงินประเภทที่ 1 เป็นหลักแหละ ซึ่งแต่ละปีก็มีจำนวนไม่น้อยเลย แต่ในปี 63 เค้าได้เปลี่ยนเกณฑ์การยื่นขอกู้เงิน กยศ. ใหม่แล้ว โดยจะดูจากรายได้ของครอบครัว มาใช้ในการพิจารณา หมายถึงรายได้ของทุกคนในบ้านรวมกัน ถ้าอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ก็ต้องเอารายได้ทุกคนมารวมกันแล้ว หากไม่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็สามารถทำเรื่องขอกู้เงินได้นั่นเอง
• เกณฑ์เดิม : 200,000 บาท/ปี (เฉลี่ยเดือนละ 16,667 บาท)
• เกณฑ์ใหม่ : 360,000 บาท/ปี (เฉลี่ยเดือนละ 30,000 บาท)
จะเห็นว่าเกณฑ์ใหม่เนี่ย ถือว่าปรับขึ้นมาจากเดิมเยอะพอสมควรเลย ถือว่าเปิดโอกาสให้คนมากกว่าเดิม เพราะช่วงนี้มีปัญหารายล้อมตัวมาก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สาธารณสุข รายจ่ายเยอะมาก ก็เป็นทางเลือกให้คนที่อยากเรียน แต่มีปัญหาเรื่องเงินอยู่ ก็สามารถทำเรื่องขอกู้ได้ง่ายกว่าเดิม
เรียนต่อสาขาเป็นที่ต้องการ
ลดดอกเบี้ย-ลดเงินต้น สูงสุด 50%
ยิ่งไปกว่านั้น! ความพีคอยู่ที่ถ้าเลือกเรียนในสาขาที่เป็นความต้องการของตลาดด้วยแล้ว จะถูกคิดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ แถมลดเงินต้นให้อีก 30-50% เพิ่มเติมไปอีก ประเทศก็ได้สิ่งที่กำลังขาดแคลนอยู่ เราก็จ่ายคืนน้อยลง วินวินมากแม่ ช่วยแบ่งเบาภาระของตัวเองและครอบครัว แถมยังช่วยประเทศในอีกทางนึงด้วย เกร๋ๆ เนาะ ถือเป็นโอกาสดีในช่วงวิกฤติแบบนี้ ไม่ได้มีแต่เรื่องร้ายๆ เสมอไปหรอก เรามาดูกันว่าจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร ถ้าขอกู้ยืมเงินแล้วเลือกเรียนสาขาที่เป็นความต้องการในตอนนี้
• จบระดับปริญญาตรี : อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้นอีก 30%
• จบระดับอาชีวศึกษา (สายอาชีพ) : อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 0.5% ต่อปี และได้ส่วนลดเงินต้นอีก 50%
สิทธิพิเศษทั้งหมดนี้ เฉพาะปีการศึกษา 2562-2566 เท่านั้น
เค้าลดดอกเบี้ยให้ครึ่งนึง แถมยังลดเงินต้นสูงสุด 50% อีก น่าสนใจแค่ไหนถามใจดู!
อยากรู้กันแล้วอะสิว่าสาขาไหนบ้างที่จะได้รับสิทธิพิเศษดีๆ แบบนี้ คือเหมือนจ่ายดอกเบี้ยครึ่งเดียว แถมลดเงินต้นสูงสุดครึ่งนึงเลย คือไม่ได้มีบ่อยๆ แน่นอน โดยสายอาชีวะ/สายวิชาชีพที่ยังขาดแคลนสู่ตลาดแรงงานทั่วประเทศ ประกอบด้วย
10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
- อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
- อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
- อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
- การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
- อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร
- อุตสาหกรรมหุ่นยนต์
- อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์
- อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
- อุตสาหกรรมดิจิทัล
- อุตสาหกรรมแพทย์ครบวงจร
3 โครงสร้างพื้นฐาน
- อุตสาหกรรมระบบราง
- อุตสาหกรรมพาณิชย์นาวี
- อุตสาหกรรมโลจิสติกส์
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา)
เพิ่มเงินค่าครองชีพ ให้อีก 600 บาท/เดือน
นอกจากค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาแล้ว ยังสามารถขอกู้เงินเพื่อค่าครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีวิต ได้อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันก็ได้ขยายเพดานวงเงินสูงสุดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เข้าใจว่าใช้ชีวิตลำบากมากกว่าเดิมเลยปรับเพิ่มให้จากเดิมอีก 600 บาท/เดือน สำหรับทุกระดับการเรียนเลย ถือว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่ กยศ. เข้าใจว่าคนที่กู้เงินเรียนกำลังเจออะไรอยู่ ต้องช่วยกันต่อไป
• ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : เดิมเดือนละ 1,200 บาท ปรับเป็นเดือนละ 1,800 บาท หรือปรับเป็นปีละ 21,600 บาท
• ระดับปริญญาตรี หรืออาชีวศึกษา (ปวช./ปวส.) : เดิมเดือนละ 2,400 บาท ปรับเป็นเดือนละ 3,000 บาท หรือปรับเป็นปีละ 36,000 บาท
บางคนอาจจะขอกู้เงิน เฉพาะค่าเล่าเรียนเพียงอย่างเดียวก็ทำได้ อันนี้จะเป็นทางเลือกให้สำหรับคนที่มีความต้องการใช้เงินเพิ่มเติมนั่นเอง
ลงทะเบียนยื่นแบบขอกู้ ผ่านทางออนไลน์ได้แล้ว!
ถึงจะอยู่ในช่วงที่พวกเราต้องรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) จะทำธุระอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ก็ยังสามารถยื่นเรื่องขอกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย ด้วยระบบ e-Studentloan ผ่านเว็บไซต์ กดทำรายการได้ตลอดเวลา จะอยู่ที่ไหนก็ทำได้หมด คลิกเลย > https://ppro.pro/2WNIu6E
🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈
- กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ถือว่าคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำมากสำหรับการให้กู้ยืมเงิน คิดดอกเบี้ยอัตราปกติเพียง 1% ต่อปีเท่านั้นเอง และระะยะเวลาผ่อนชำระคืนสูงสุดถึง 15 ปี คือบอกเลยว่าเริ่ดมากจริงๆ
- ถ้าอยากจ่ายดอกเบี้ยคืนน้อยกว่าเดิม แนะนำให้สมัครเรียนสาขาที่กำหนด ซึ่งเป็นความต้องการของตลาดในตอนนี้ จะได้ทั้งจ่ายดอกเบี้ยลดลงครึ่งนึง แถมเงินต้นก็ลดลงอีกด้วย อนาคตก็สดใส เพราะจบมาแล้วยังไงก็มีงานทำ
- เมื่อกู้ยืมเงินมาแล้ว ก็อย่าลืมคืนเงินเค้าด้วยนะ จะได้เป็นเงินทุนสำหรับรุ่นต่อๆ ไป ให้ได้เรียนหนังสือตามที่คาดหวังไว้ ช่วงนี้อาจจะลำบากหน่อย เค้าออกมาตรการช่วยเหลือพักชำระหนี้ให้สูงสุด 2 ปีด้วยนะ
โดย MilD
รักที่จะเรียนรู้ อยู่อย่างมีชีวิตชีวา เพราะไม่ว่าโปรโมชั่นจะอยู่ที่ไหน เราต้องตามหามันให้เจอ <3
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ