เมื่อนาฬิกาบอกเวลาไม่เที่ยงตรง! ส่องบทเรียนและจุดเจ็บปวดของแบรนด์ SEIKO
โดย : Ying
SEIKO แบรนด์ดังฝั่งเอเชียที่ไม่ควรมองข้าม
SEIKO (เซย์โกะ) นาฬิกาแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น นาฬิกาแบรนด์นี้มีจุดเริ่มต้นมาจาก นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นนามว่า คินทาโร่ ฮัตโตริ เขาได้เริ่มเปิดร้านนำเข้านาฬิกาในปี ค.ศ. 1881 ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ผลิตนาฬิกาแบบเต็มตัวในปี ค.ศ. 1892 โดยเขามีโรงงานชื่อว่า Seikosha ตลอดระยะเวลากว่า 130 ปี เขาได้ผลิตนาฬิกาออกมาหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาแขวน นาฬิกาพก นาฬิกาข้อมือ รวมไปถึงนาฬิการุ่นประวัติศาสตร์ของโลกอีกหลายรุ่นด้วยกัน อีกทั้ง SEIKO ยังเติบโตจนมีการแตกเครือออกไปเป็น Suwa Seiko (ซูวะเซย์โกะ) และ Daini Seiko (ไดนิเซย์โกะ) เพิ่ม อีกด้วย
คินทาโร่ ฮัตโตริ
นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของ SEIKO และนาฬิกาทีวีเรือนแรกของโลก
Voice Note นาฬิกาอัดเสียงได้ เรือนแรกของโลก และ UC-2000 นาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นคอมพิวเตอร์เรือนแรกของโลก
หลังจากที่ผันตัวมาผลิตนาฬิกาเป็นของตัวเองในที่สุด SEIKO กลายมาเป็นแบรนด์ที่ผู้คนให้ความสนใจกันมากขึ้น เพราะถ้ายึดกันตามความเป็นจริงในยุคสมัยนั้นเมื่อพูดถึงนาฬิกาดีๆ สักเรือน ผู้คนจะนึกถึงแบรนด์จากทางฝั่งยุโรป หรือนาฬิกาที่มีคำกำกับว่า swiss made ก่อนเสมอ แต่นาฬิกาแบรนด์ญี่ปุ่นอย่าง SEIKO กลับได้เป็นที่ยอมรับและถูกยกให้เป็นนาฬิกาที่มีคุณภาพแบรนด์หนึ่งเลย ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่า เป็นของดีที่ราคาไม่แพงเลยสักนิด
วันหนึ่งในปี ค.ศ. 1964 จุดเปลี่ยนสำคัญอีก 1 จุดของ SEIKO ก็เกิดขึ้น จุดเปลี่ยนที่สามารถล้มล้างภาพจำเดิมๆ ที่ว่านาฬิกาดีต้องแบรนด์จากยุโรป ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็น แบรนด์นาฬิกาที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่จับเวลาในการแข่งขันระดับโลก ถึง 2 รายการดังนี้
- กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 18 ที่กรุงโตเกียว ในปี ค.ศ. 1964
- การแข่งขันรายการ IAAF World Championships ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ. 1987
- การแข่งขันรายการ IAAF World Championships ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1991
- กีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 25 ที่กรุงบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ในปี 1992
- การแข่งขันรายการ IAAF World Championships ที่กรุงสตุทการ์ท ประเทศเยอรมนี ในปี ค.ศ. 1993
การแข่งขันรายการใหญ่ระดับโลก
การได้รับความไว้วางใจให้จับเวลาในการแข่งขันกีฬาระดับโลกถึง 5 ครั้ง แน่นอนว่าส่งผลทำให้ยอดขายของ SEIKO เพิ่มขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น แล้วยังทำให้คนเล่นนาฬิกาและคนทั่วไปเห็นว่า SEIKO คือพระเอกที่สมบูรณ์แบบ คือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของเวลา คือนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้ว มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
" ในวันที่ความเที่ยงตรงของนาฬิกา กลายเป็นจุดต่ำสุดของ SEIKO "
ความจริงที่เจ็บปวด และบทเรียนราคาแพงของ SEIKO ในปี 1964
จุดที่ทำให้ SEIKO ได้รับบทเรียนราคาแพงนั่นก็คือตอนที่ Grand Seiko (นาฬิกาในเครือ SEIKO) ได้ประกาศออกไปว่านาฬิกา Chronograph ของแบรนด์มีความแม่นยำสูงมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากการทดสอบกันเองภายในแบรนด์เท่านั้น จริงๆ แล้วแบรนด์ไม่เคยส่งนาฬิกาไปทดสอบความเที่ยงตรงจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลกอย่าง The European Chronometer Official Association เลย
เมื่อเกิดการเรียกร้องมากขึ้น SEIKO จึงนำนาฬิกาของแบรนด์ในเครือทั้ง Suwa Seiko และ Daini Seiko เข้าทำการทดสอบกับ Neuchatel Astronomical Observatory และผลการทดสอบก็ทำให้ทาง SEIKO ต้องตะลึงเมื่อ
- Suwa Seiko ได้ลำดับที่ 144
- Daini Seiko ได้ลำดับที่ 153
จากผลการทดสอบในครั้งแรกทำให้ SEIKO ได้รับบทเรียนราคาแพงและยังเกิดความอับอายอย่างที่สุด ทางแบรนด์นำความเจ็บช้ำนั้นกลับมาเป็นแรงผลักดันในการพัฒนานาฬิกาของตนเอง และเมื่อเข้าการทดสอบครั้งที่สองทางแบรนด์ก็พานาฬิกามาไกลแบบก้าวกระโดด และเป็นการก้าวกระโดดไปไกลเลยทีเดียวเมื่อ
- Suwa Seiko ได้ลำดับที่ 12
- Daini Seiko ได้ลำดับที่ 4,5,7
ในการทดสอบครั้งที่ 3 นาฬิกาจากทั้ง 2 แบรนด์อยู่ในลำดับที่ 2,4 และ 8 เอาชนะนาฬิกาจากฝั่งสวิตได้สบายมาก แต่การทดสอบในครั้งนั้นเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการทดสอบกลางคัน ทำให้ผลการทดสอบในครั้งนั้นเป็นโมฆะไป ทางแบรนด์จึงต้องส่งนาฬิกาของตนเข้าไปทดสอบที่ Geneva Observatory ผลทดสอบออกมาว่านาฬิกาของ SEIKO ได้ลำดับที่ 4-10
ใบประกาศเมื่อครั้ง SEIKO ส่งนาฬิกาเข้าทดสอบความเที่ยงตรงกับ Neuchatel และ Geneva
"หน้าที่ของนาฬิกาคือบอกเวลาที่เที่ยงตรง" เราจะเห็นว่าผลการทดสอบครั้งแรกของ SEIKO เรียกว่าเลวร้ายยิ่งนัก การผลิตนาฬิกาออกมาแต่ไร้ซึ่งความเที่ยงตรง ถือได้ว่าเป็นจุดตกต่ำของแบรนด์เลยก็ว่าได้ เป็นธรรมดาที่คนเรานั้นจะพลาดกันได้ แต่สิ่งสำคัญคือ เมื่อพลาดแล้วเกิดการแก้ไขหรือไม่? ซึ่งจากการทดสอบในครั้งที่ 2,3 และ 4 ทำให้เห็นว่า SEIKO นำบทเรียนที่ได้รับในครั้งแรกกลับมาแก้ไข จนกลับมาเป็นแบรนด์ที่ได้รับมอบหมายให้จับเวลาในการแข่งขันกีฬาระดับโลกอีกครั้ง เราจึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า
" ความเที่ยงตรงของนาฬิกาเป็นทั้งจุดต่ำสุด-จุดสูงสุดของ SEIKO
และความเที่ยงตรงนี้แหละ ที่ทำให้ SEIKO กลับมาอยู่จุดที่สูงกว่าเดิม "
💙 อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้ที่นี่
- รู้จัก Foot Locker ขาใหญ่แห่งวงการราคาป้าย ขวัญใจสายสนีกเกอร์ !
- Nothing Phone (2) สมาร์ทโฟนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เริ่ม 24,990 บาท
- Marketeer สัมภาษณ์ผู้บริหาร “ปันโปร” ต่อยอดจุดยืน “More For Life” เจาะอินไซต์ผู้บริโภค สู่การมอบ “คุณค่า” ที่มากกว่า
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : seikowatches.com/ Auction House / observatory.watch
โดย Ying
ฺ𝘉𝘰𝘰𝘬 • 𝘊𝘰𝘧𝘧𝘦𝘦 • 𝘞𝘢𝘭𝘬𝘪𝘯𝘨 • 𝘍𝘳𝘦𝘦𝘥𝘪𝘷𝘪𝘯𝘨