ตัวตึงอยู่นี่แล้ว ! "Nike Dunk" ผ้าใบแห่งปี 2022 มีดียังไง ทำไมคนถึงได้ตามล่าหาตัวกันนัก !
โดย : imnat
ถ้าถามว่ารองเท้าผ้าใบ "แบรนด์ไหน-รุ่นไหน"
ที่มีอิทธิพลมาตั้งแต่ปี 2021 ต่อเนื่องยาว ๆ มาจนถึงปี 2022
จากบรรดาตัวเต็งที่เข้ารอบทั้งหมด เราคิดว่าที่ 1 คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก Nike Dunk อดีตรองเท้าที่ถูกออกแบบมาไว้สำหรับใส่เล่นบาส ที่จู่ ๆ ก็ได้โดนสปอร์ตไลท์ส่องในวัยสามสิบปลาย ๆ จนกลายมาเป็นรองเท้าไลฟ์สไตล์ที่มีการพูดถึง และเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในช่วงปี - สองปีที่ผ่านมา
และถึงแม้ว่ามันจะ Out Of Stock ให้ชาวสนีกเกอร์เฮดหลายคนได้ปาดน้ำตากันอยู่บ่อยๆ และถึงแม้ว่าค่าตัวของมันจะมีแนวโน้มพุ่งทะยานไปอีกเรื่อย ๆ แต่ความต้องการใน Nike Dunk รุ่นนี้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเลย และอย่าว่างั้นงี้เลยนะ การที่เราจะหารองเท้าผ้าใบ Nike Dunk มาเป็นของตัวเองสักคู่ โดยเฉพาะรุ่นที่หายาก หรือว่ารุ่นที่ถูกนำออกมาวางขายในจำนวนจำกัดเนี่ย มีเงินอย่างเดียวใช่ว่าจะหาซื้อมาใส่กันได้นะ แต่เรายังต้องพกแต้มบุญมาด้วย เพราะไม่งั้นมันคงจะไม่ต่างอะไรจากคำว่า"บุญมี แต่กรรมบัง"
จุดเริ่มต้นของ Nike Dunk รองเท้าผ้าใบตัวตึง
ย้อนกลับไปในปี 1980 ในช่วงนั้นกีฬาบาสเกตบอลเป็นที่นิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกา แถมยังเป็นจุดกำเนิดของนักกีฬาบาสเกตบอลในตำนานหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ Michael Jordan ที่ถูกให้นิยามว่า เป็นนักกีฬาบาสเกตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ และด้วยความที่กีฬาบาสเป็นที่นิยมมาก ทาง Nike ที่ตอนนั้นเคยปล่อยรองเท้าสำหรับใส่เล่นบาสออกมาแล้วรุ่นหนึ่งอย่าง Nike Air Jordan 1 ก็เลยเกิดไอเดียที่อยากจะพัฒนารองเท้าสำหรับใส่เล่นบาสรุ่นใหม่ออกมา
ทาง Nike เลยได้มอบหมายให้ Peter Moore ผู้ที่เคยออกแบบรองเท้า Nike รุ่น Air Jordan 1 ทำการพัฒนารองเท้าสำหรับใส่เล่นบาสรุ่นใหม่นี้ขึ้นมา จนในปี 1985 ทาง Nike ก็ได้ปล่อยรองเท้าสำหรับใส่เล่นบาสรุ่นใหม่ออกมาจริง ๆ โดยมาในชื่อว่า Nike Dunk
Nike Dunk เปิดตัวมาพร้อมกับแคมเปญโปรโมทแรกอย่าง Be True To Your School ที่ทาง Nike ต้องการจะโฟกัสกลุ่มเป้าหมายไปที่ นักกีฬาบาสเกตบอลประจำมหาวิทยาลัย รวมไปถึงคนธรรมดาที่ Wannabe อยากจะเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลในอนาคต ซึ่งความน่าสนใจของแคมเปญนี้ คือ การใช้สีประจำมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา ในการใช้เป็นสีของรองเท้า ไม่ว่าจะเป็น
- มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น (แดง-ขาว)
- มหาวิทยาลัยมิชิแกน (น้ำเงินเข้ม-เหลือง)
- มหาวิทยาลัยเคนตักกี้ (น้ำเงินสด-ขาว)
- มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (กรมท่า-เทา)
- มหาวิทยาลัยไอโอวา (เหลือง-ดำ)
- มหาวิทยาลัยเนวาดาลาสเวกัส (แดง-เทา)
- มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ (ส้ม-ขาว)
ซึ่งในตอนนั้นกฎของกีฬาบาสได้มีการระบุเอาไว้ว่า เวลาที่มาแข่งขัน นักกีฬาจะต้องแต่งตัวให้ตรงกับสีของมหาวิทยาลัย เพื่อความชัดเจน และเป็นระเบียบ ดังนั้นการมาของ Nike Dunk Be True To Your School นอกจากจะเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่นักกีฬาบาสเกตบอลของมหาวิทยาลัยได้แล้ว ยังได้ลามไปถึงบรรดากองเชียร์ของทีมต่าง ๆ ที่ได้มีการแต่งตัวพร้อมกับสวมรองเท้า Nike Dunk ตบเท้าเข้ามาเชียร์ทีมบาสในดวงใจของตัวเองด้วยเช่นกัน
และหลังจากการมาของ Nike Dunk อิทธิพลของรองเท้าสำหรับใส่เล่นบาส ก็ได้แผ่วงกว้างไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ กีฬาสเก็ตบอร์ด โดย Nike Dunk เรียกได้ว่าเป็นรองเท้าขวัญใจนักกีฬาสเก็ตบอร์ดเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ถูก บวกกับการซัปพอร์ตเท้าที่ดี แม้จะไม่ได้ซัปพอร์ตได้แบบ 100% แต่ก็ถือว่าเป็นรองเท้าที่ตอบโจทย์มากที่สุด ณ เวลานั้น
จนทาง Nike รับรู้ถึงกระแสความนิยมของ Dunk ในหมู่นักกีฬาสเก็ตบอร์ด เลยตัดสินใจทำการเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ด้วยการให้ Sandy Bodecker ทำการพัฒนารองเท้ารุ่น Nike Dunk ให้ตอบโจทย์สำหรับการใส่เล่นกีฬาสเก็ตบอร์ดมากขึ้น
เลยได้กลายเป็นที่มาของ Nike SB Dunk ที่เปิดตัวตามหลังมาในปี 2002 โดย SB ที่ว่านี้ ย่อมาจากคำว่า Skateboard เพื่อเป็นการแบ่งแยกประเภทของกีฬาจากตัว Original Dunk อย่างชัดเจน ซึ่งแคมเปญโปรโมทแรกของตัว SB Dunk ทาง Nike ได้ดึงตัวโปรสเก็ตที่มีชื่อเสียง ณ ตอนนั้นจำนวนทั้งหมด 4 คน มาร่วมกันออกแบบรองเท้า Nike SB Dunk โดยทั้ง 4 คนที่ว่านี้ประกอบไปด้วย
- Gino Lannucci
- Reese Forbes
- Danny Supa (คนนี้เป็นลูกครึ่งไทยด้วยนะ)
- Richard Mulder
ซึ่งรองเท้า Nike SB Dunk ที่โปรสเก็ตทั้ง 4 คนเป็นคนออกแบบนี้ จะมีความแตกต่างกันตรงที่ "สี" โดยเราสามารถเรียงลำดับจากซ้ายไปขวาได้ตามนี้ Reese Forbes > Richard Mulder > Gino Lannucci > Danny Supa และหลังจากที่ปล่อยออกมา ปรากฎว่าเหล่านักกีฬาสเก็ตบอร์ดหลายคนก็ได้เบนเข็มจากรองเท้ารุ่น Nike Dunk มาหาตัว Nike SB Dunk กันมากขึ้น
แต่ใดใดก็ตาม เหรียญย่อมมี 2 ด้านเสมอ ต่อให้จะเปิดตัวไลน์ใหม่เพื่อให้รองรับสำหรับการใส่เล่นกีฬาเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันนักกีฬาสเก็ตบอร์ดบางคนก็ได้หันกลับไปซบอก Nike Dunk เหมือนเดิมก็มี ซึ่งในตอนนั้นทาง Nike ก็พยายามเพิ่มสีสันให้กับตัวรองเท้า Nike Dunk ทั้ง 2 รุ่นนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของสีใหม่ หรือการจับไปคอลแลปส์กับบรรดาแบรนด์ดังต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ทาง Nike ดูจะสนุกกับการเปิดตัวรองเท้า Nike Dunk ทั้ง 2 รุ่นนี้เอามาก ๆ
"สูญหาย" เพื่อที่จะได้ "ค้นพบ"
หลังจากมีการเปิดตัว Nike Dunk และ Nike SB Dunk ออกมา อย่างที่เราเคยได้ยินกันมาว่า วัฏจักรของวงการแฟชั่นมีการขับเคลื่อนไปอยู่ตลอด ความนิยมในตัวกีฬาก็ด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากความนิยมของรองเท้าทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นกระแสมาได้สักพัก Nike Dunk และ Nike SB Dunk ก็ได้เดินทางมาถึงจุดที่ "อิ่มตัว" บวกกับทาง Nike ที่ได้หันไปเอาดีกับการโปรโมทรองเท้ารุ่นอื่น ๆ แทน เลยทำให้ตั้งแต่ช่วงปี 2010 ที่ผ่านมา กระแสของ Nike Dunk ทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็ค่อย ๆ เฟดไปในที่สุด
Travis Scott ภาพจาก Instagram @travisscott
จนกระทั่งสิบปีต่อมา การปรากฎตัวของ Travis Scott แร็ปเปอร์ชื่อดัง ก็ได้ปลุกกระแสความนิยมของ Nike Dunk ให้ฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกครั้ง โดยการปรากฎตัวของ Travis Scott เขาได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบาย ๆ บวกกับการหยิบเอารองเท้าที่ในอดีตเคยได้ชื่อว่าเป็นรองเท้าสำหรับใส่เล่นบาสอย่าง Nike Dunk มาแมทช์กับเสื้อผ้าสบาย ๆ ของเขา จนทำให้ภาพจำของ Nike Dunk เกิดหักมุม เปลี่ยนไปเป็นรองเท้าสำหรับใส่เพื่อไลฟ์สไตล์ขึ้นมาทันที
ในเมื่อ Travis Scott นำ Nike Dunk มาใส่เดินเล่นชิว ๆ ได้
นับประสาอะไรกับคนธรรมดาอย่างเรา
ที่จะนำ Nike Dunk มาใส่เดินชิว ๆ ในวันสบาย ๆ ของเราบ้างไม่ได้
หลังจากนั้นมากระแสของการตามหา Nike Dunk รุ่นเก่า ๆ ก็ได้ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นที่มีคนดังใส่ หรือยิ่งแรร์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวมากเท่านั้น แม้ว่ารองเท้า Nike Dunk คู่นั้นจะเป็นรองเท้ามือสองก็ตาม
นอกจาก Travis Scott แล้ว ก็ยังมีบรรดาคนดังคนอื่น ๆ ที่ได้หยิบเอารองเท้า Nike Dunk และ Nike SB Dunk ออกมาใส่กันหลายคน หนึ่งในนั้นก็มี Virgil Abloh ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Off-White และครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนสำคัญของแบรนด์ Louis Vuitton ที่เคยได้คอลแลปส์กับทาง Nike Dunk ด้วยเช่นกัน
Travis Scott และ Virgil Abloh ผู้อยู่เบื้องหลังกระแสความนิยมของ Nike Dunk ภาพจาก Nice Kicks และ Placet Magazine
โดยทาง Nike พอได้เห็นกระแสการกลับมาของ Nike Dunk อีกครั้ง เลยได้ทำการปลุกกระแสเข้าไปอีก ด้วยการดึงตัวบรรดาเซเลบริตี้ทั้งหลาย มาร่วมกันคอลแลปส์กับ Dunk มันซะเลย ซึ่งหนึ่งในบรรดาเซเลบที่ว่านี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Travis Scott นั่นเอง
คอลแลปส์ Nike SB Dunk x Travis Scott ที่เปิดตัวในช่วงต้นปี 2020 ที่ผ่านมา
Dunk คู่นี้จัดว่าเด็ด !
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Nike Dunk ถูกพูดถึงและเป็นที่ได้รับความนิยมมาก ๆ นอกจากแรงขับเคลื่อนจากบรรดาศิลปิน ดารา หรือเซเลบริตี้ที่มีชื่อเสียงแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รองเท้า Nike Dunk แต่ละคู่ ล้วนมี "เรื่องราว" อะไรบางอย่าง ที่แอบแฝงอยู่ จนทำให้นอกจากเราจะได้ตัวรองเท้าไปครอบครองแล้ว เรายังจะได้เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ภายใต้ของรองเท้าคู่นั้น ๆ ไปอีกด้วย
ซึ่ง Nike Dunk แต่ละคู่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจในตัวของมันเอง เดี๋ยวเราจะขอยกตัวอย่าง Nike Dunk ขึ้นมาสัก 3 คู่ ว่าแต่ละคู่จะมีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจซ่อนตัวอยู่บ้าง 👀
| Nike SB Dunk Low Staple "NYC Pigeon"
เริ่มกันที่ Nike SB Dunk NYC Pigeon โดยรองเท้ารุ่นนี้เป็นหนึ่งในคอลเลกชันพิเศษของทาง Nike ที่เปิดตัวไปในปี 2005 โดยเป็น Exclusive Collection ได้แรงบันดาลใจมาจาก 4 เมืองสำคัญของโลก ได้แก่ London, Paris, Tokyo และ New York
โดยตัวแทนของเมืองนิวยอร์ก อย่าง Pigeon รุ่นนี้ ถูกออกแบบโดย Jeff Staple เจ้าของแบรนด์แฟชั่นสตรีทแวร์อย่าง Staple Design โดยความพิเศษของรุ่นนี้ คือ มีวางจำหน่ายแค่เพียง 150 คู่ทั่วโลก ซึ่ง 30 คู่ในนั้นถูกนำมาวางขายที่ร้านของ Jeff Staple ด้วยความแรร์ บวกกับอิทธิพลของ Exclusive Collection นี้ ก็ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์จราจลขึ้นที่บริเวณหน้าร้าน ในช่วงเช้าของวันที่เปิดจำหน่ายเป็นครั้งแรก โดยแฟนรองเท้า Nike Dunk จำนวนหลายร้อยคนได้บุกไปที่ร้านกันตั้งแต่เช้าตรู่เพราะต้องการแย่งชิง Nike SB Dunk NYC Pigeon ที่มีวางจำหน่ายอยู่แค่เพียงไม่กี่คู่มาเป็นของตัวเอง
นอกจากโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ลายปักนกพิราบก็เป็นอีกหนึ่ง Signature ที่โดนใจใครหลายคน !
เหตุการณ์ในครั้งนั้นนับได้ว่าเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ ที่ชาวสนีกเกอร์เฮดทั้งหลายจำได้ไม่มีลืม ทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่พิสูจน์ให้เราเห็นด้วยว่า พลังของรองเท้า Nike Dunk ที่ว่านี้ มีอิทธิพลกับคนมากแค่ไหน
ซึ่งถ้าใครอยากรู้ราคารีเซลของ Nike SB Dunk รุ่นนี้ บอกเลยว่าตอนนี้ราคาพุ่งแบบฉุดไม่อยู่แล้ว ใครที่อยากรู้ราคาคร่าว ๆ เราบอกก่อนเลยว่าให้กำยาดมกันไว้ให้ดี เพราะ Nike SB Dunk NYC Pigeon คู่นี้ ตอนนี้มีราคาอยู่ที่ $45,000 หรือประมาณ 1,500,000 บาทไทย !
| Ben & Jerry's x Dunk Low SB "Chucky Dunky"
หนึ่งใน Nike's Most Wanted Items เห็นสีสันสดใสพุ่งออกมาจากตัวรองเท้าแบบนี้ บทจะแย้งก็คือแย้งไม่ได้แล้วนะ เพราะสมแล้วกับการเป็นหนึ่งในรองเท้า Nike ที่คนต้องการตัวมากที่สุดจริง ๆ ใครจะไปคิดว่าแบรนด์ไอศกรีมชื่อดังอย่าง Ben & Jerry จะมาจับพลัดจับผลูคอลแลปส์กับ Nike SB Dunk เข้าจนได้
ที่สำคัญราคาป้ายตอนเปิดตัว ก็คือ น่ารักมาก อยู่ที่คู่ละ 3,200 บาทเท่านั้น แต่ตัดภาพมาที่ตอนนี้ ราคาก็คือพุ่งทะยานไปอยู่ที่ $5,493 หรือประมาณ 183,000 บาทไทย (อ้างอิงจากเว็บ StockX) และยิ่งถ้าเป็นไซซ์ที่หายากหน่อย ราคาก็คงอัปขึ้นไปมากกว่านี้อีกแน่นอน
หน้าตาของ Chucky Dunky คอลแลปส์พิเศษของทาง Nike กับ Ben & Jerry เปิดตัวในปี 2020
โดยความพิเศษของคอลเลกชันนี้คือการจับเอา "ภาพจำ" ของ Ben & Jerry มาใส่ไว้ที่ตัวรองเท้า Nike Dunk ไม่ว่าจะเป็นลายวัว ท้องฟ้า พื้นหญ้า สีสันสดใสต่าง ๆ คือมองแค่ปราดเดียวก็สามารถตอบได้เลยว่า แบรนด์ไหนมาทำคอลแลปส์ด้วย เป็นน่ารักมากเลยใช่ไหมล่า~
| Nike Dunk "Black White"
ยกตัวอย่าง Nike SB Dunk กันไป 2 คู่แล้ว สำหรับคู่สุดท้ายนี้เราขอหยิบเอาตัว Nike Dunk ที่ถูกพูดถึง ตามหา และต้องใช้แต้มบุญในการกดมากที่สุด กับ Nike Dunk Black White หรือที่คนคุ้นเคยกันในชื่อ Nike Dunk Panda 🐼
โดยที่มาของชื่อ Panda แทบไม่ต้องเดา หลายคนก็น่าจะรู้คำตอบว่ามันมาจาก "สีขาวและดำ" ของตัวรองเท้า แถม Nike Dunk คอลเลกชันนี้ก็ไม่ต้องอาศัยความพยายามในการพรีเซนต์ตัวเองมาก เพราะความโชคดีของมัน คือ การถูกปล่อยออกมาหลังจากที่กระแสของ Nike Dunk กลับมารันวงการอีกครั้ง แถมด้วย Colorway ของคอลเลกชันนี้เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เลยทำให้มันเป็นที่ต้องการของทุกคนได้ในทันที
ซึ่งทันทีที่ถูกเปิดตัวออกมา เจ้าแพนด้าของเราก็ได้ทำกระแสบน TikTok แพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี จนทำให้ความต้องการจากเดิมที่มีมากอยู่แล้ว ก็ยิ่งมากขึ้นไปอีก
โดยข้อดีของ Nike Dunk รุ่นนี้ ก็คือ ตัวสินค้ามีการถูกนำออกมาวางจำหน่ายอยู่เรื่อย ๆ เลยทำให้ราคาของมันไม่ได้สูงปรี๊ดมาก เหมือนกับบรรดารุ่นเก่า ๆ แรร์ ๆ ที่ไม่ได้มีการ Restock เกิดขึ้นแล้ว แต่ในความวางใจได้นั้น ก็มาพร้อมกับจำนวนที่จำกัด คือปล่อยออกมาปุ๊บ สินค้าก็ขึ้น Sold Out ปั๊บ จะว่าโอเวอร์ก็ได้ แต่มันคือเรื่องจริง !
โดย Nike Dunk Panda มีให้เลือกทั้งแบบข้อสั้น และข้อสูง มีตั้งแต่ไซซ์เด็ก ไปจนถึงไซซ์ผู้ใหญ่ และถึงแม้ว่ามันจะเพิ่งเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ ตัวสินค้าได้มีการถูกรีสต็อกไปแล้วกว่า 8 ครั้ง ซึ่งแว่ว ๆ มาว่า การรีสต็อกครั้งต่อไปน่าจะตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2023 ใครที่ก่อนหน้านี้สะสมแต้มบุญยังไม่มากพอ จังหวะนี้แหละ ต้อง ได้ แล้ว !
นอกจากนี้ยังมีตัว Nike Dunk Reverse Panda ด้วยนะ โดยโทนสีของเขาจะกลับสัดส่วนจากรุ่น Original จัดว่าสวยไม่แพ้กัน
ไขข้อสงสัย รีเซลแต่ละที ทำไมถึงได้แพ๊ง...แพง ?
มาถึงคำถามที่หลายคนสงสัย และเป็นคำถามที่ทางเราก็เคยสงสัยด้วยเช่นกัน กับคำถามที่ว่า ทำไม Nike Dunk รีเซลแต่ละที ราคามันถึงได้แพ๊งแพง ซึ่งถ้าใครได้อ่านเนื้อหากันมาตั้งแต่ต้น คิดว่าคงจะพอหาคำตอบกันได้แล้ว ว่าสาเหตุของมันสามารถมาจากปัจจัยอะไรได้บ้าง ซึ่งสาเหตุแรกที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็ได้แก่ อิทธิพลของบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะจากตัวของ Travis Scott เอง รวมไปถึงบรรดาเซเลบริตี้คนอื่น ๆ เอง
ซึ่งอิทธิพลที่ว่านี้ ส่งผลทำให้เกิด พฤติกรรมการเลียนแบบ ที่ถือว่าเป็น Effect ที่เป็นผลพลอยได้มาจากดารา หรือศิลปินที่เราชื่นชอบ ที่ทำให้จากรองเท้าผ้าใบที่ไม่เคยอยู่ในสายตา พอเห็นดาราที่เราชอบใส่ปุ๊บ มันเลยทำให้สินค้าชิ้นนั้น อยู่ในสายตาของเราขึ้นมาทันที
นอกจากนี้นักวิชาการบางคนยังมีการพูดถึง ทฤษฏีฝนหล่นจากฟ้า (Trickle-Down Effect) โดยใจความสำคัญของทฤษฏีนี้ คือ การเกิดปรากฏการณ์ทางกระแสแฟชั่น ที่ไหลมาจากดารา บุคคลที่มีชื่อเสียง หรือผู้ที่มีอิทธิพล ลงมาสู่บุคคลธรรมดา จนทำให้ภาพลักษณ์ของแฟชั่นสตรีทแวร์ ดู High End ขึ้นมาทันที
และผลกระทบที่ตามมาหลังจากนี้ ก็ได้ทำให้กลุ่มคนธรรมดาอย่างเรา ๆ เกิดอยากจะดู High End ขึ้นมา เหมือนกับบรรดาเซเลบเหล่านั้น เลยเกิดพฤติกรรมการหาซื้อมาครอบครองตาม เพราะอยากให้ตัวเองมีความรู้สึกเหมือนเป็นคนดังคนนั้น ๆ นั่นเอง
ซึ่งเมื่อตัวสินค้ามีผลกระทบกับคนได้มากขนาดนี้
ความต้องการของตัวสินค้า ก็ย่อม "สวนทาง" กับปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในตอนนั้นเป็นธรรมดา
มันเลยทำให้มูลค่าของตัวสินค้าต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น แถมบางคนยังมีจุดอ่อนอยู่ตรงที่ว่า ยิ่งหาได้ยาก ก็ยิ่งอยากจะครอบครอง เลยทำให้คนขายเก็งกำไรกันสุดฤทธิ์ โดยเฉพาะรุ่นหายาก หรือรุ่นที่มีคนดังใส่ ราคาก็จะยิ่งอัปขึ้น ๆ ส่วนคนที่กำลังอยากได้อยู่ ณ ตอนนั้น ก็จะมีความรู้สึกที่ว่า ถ้าเราได้มันมา ความรู้สึกคงจะไม่ต่างจากการเป็นผู้ชนะ ในขณะเดียวกัน ในสายที่ซื้อมาเพื่อเก็งกำไร ก็จะมีความสุขกับการเก็งราคาของตัวเอง เพราะรู้อยู่แล้วว่าความต้องการมันเพิ่มสูงขึ้น ต่อให้ตั้งราคาสูง แต่โอกาสในการขายออกก็ยังมีเยอะอยู่
เทียบความต่าง "2 โมเดล Dunk ตัวตึง !"
อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกของมือใหม่ใส่ Dunk ที่นอกจากจะทำการบ้านเกี่ยวกับบรรดารุ่นต่าง ๆ กันไปแล้ว ประเด็นเรื่องความต่างระหว่างรองเท้า Nike Dunk ทั้ง 2 รุ่น ก็เป็นอะไรที่ชวนให้ปวดหัวได้เหมือนกัน
เพราะต่อให้ชื่อรุ่นจะมีความต่างกัน ระหว่าง Dunk ธรรมดา กับ SB Dunk แต่เราก็พอจะรู้กันมาคร่าว ๆ แล้วว่า Nike SB Dunk ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโมเดล Dunk มันเลยทำให้ความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนี้ ถ้ามองเผิน ๆ เราแทบจะไม่สะกิดใจถึงความต่าง แต่ถ้าถามว่าจริง ๆ แล้วมันต่างกันไหม เราตอบให้เลยว่า ต่าง กัน มาก อยู่นะ
โดยเราจะขอตัดความต่างอย่างปีที่เปิดตัว กับจุดประสงค์ในการใส่ออกไป เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าตอนนี้คนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่สายนักกีฬา ก็หันมาใส่ Nike Dunk ทั้ง 2 รุ่นนี้มากขึ้นแล้ว เราเลยจะขอว่ากันที่ ความต่างของ 2 รุ่นนี้แบบเด่น ๆ แบบที่เห็นแล้ว วัดได้ กันไปเลยดีกว่า
(ซ้าย) Nike Dunk (ขวา) Nike SB Dunk
| ลิ้นรองเท้า และ เชือกรองเท้า
- Nike Dunk - ลิ้นรองเท้าของโมเดลนี้จะทำมาจากผ้าไนล่อน ที่มีจุดเด่นคือความบาง ในส่วนของเชือกรองเท้าจะมีจุดเด่นอยู่ที่ความ "บาง และ แบน"
- Nike SB Dunk - ลิ้นรองเท้าบุนวมหนา ที่สำคัญตัวเชือกรองเท้าจะมีความ "หนา และ กลม" ทำให้เวลาสวมแล้วจะรู้สึกถึงความกระชับ และง่ายต่อการบังคับทิศทางเวลาเล่นสเก็ต ยิ่งถ้าเป็นรุ่นใหม่ ๆ บนตัวลิ้นรองเท้าจะมีสกรีนคำว่า SB แปะลงไปด้วย
(ซ้าย) Nike Dunk (ขวา) Nike SB Dunk
| ลวดลายบนพื้นรองเท้า
- Nike Dunk - พื้นรองเท้าด้านนอกจะมีลวดลายที่ "น้อยกว่า" ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถยึดเกาะได้ดี เหมาะกับการเล่นบาส
- Nike SB Dunk - พื้นรองเท้าด้านนอกจะมีลวดลาย "มากกว่า" เพื่อเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะให้กับการเล่นสเก็ตบอร์ด นอกจากนี้ใต้พื้นรองเท้าด้านในบริเวณส้น มีการใส่แผ่น Zoom Air เพื่อเพิ่มความสบายในการสวมใส่ บวกกับช่วยลดแรงกระแทกได้ดีด้วย
(ซ้าย) Nike Dunk (ขวา) Nike SB Dunk
| รอยต่อด้ายบริเวณ Swoosh
- Nike Dunk - จะ มีรอยต่อด้าย บริเวณ Swoosh อันเป็นเอกลักษณ์
- Nike SB Dunk - จะ ไม่มีรอยต่อด้าย บริเวณ Swoosh
นอกจากนี้ทั้ง Nike Dunk และ Nike SB Dunk ยังมีความสูงของตัวรองเท้าให้ได้เลือกเหมือนกัน นั่นก็คือ Low กับ High แต่ความพิเศษของ Nike SB Dunk คือเขาจะมีความสูงของข้อแบบ Mid มาด้วย โดยจะมีเฉพาะรุ่น Exclusive บางรุ่นเท่านั้นนะ
และจากข้อมูลทั้งหมดนี้ ถ้าถามว่ารองเท้า Nike Dunk โมเดลไหนแลดูจะใส่สบายมากที่สุด ก็ต้องผายมือไปให้กับตัว Nike SB Dunk เขาเลยจ้า ความบุนุ่ม ความหนาใดใดคือต้องยกให้เลยจริง ๆ แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก จะหันมาเลือก Dunk ธรรมดาก็ได้นะ เพราะรองเท้ารุ่นนี้ของเขาก็สามารถซัปพอร์ตให้กับเราเวลาสวมใส่ เวลาเดินเหินใดใด อีกทั้งยังมีความนุ่มสบายประมาณหนึ่งอยู่แล้ว
รู้กันแบบนี้แล้ว น่าจะทำให้หลายคนพอจะจับจุดต่างของรองเท้าทั้ง 2 รุ่นนี้กันได้ อย่างสิ่งที่เราจะสังเกตหลัก ๆ ก็จะอยู่ที่ ลิ้นรองเท้า เพราะเชือกรองเท้าบางคนอาจจะเปลี่ยนไปใช้เชือกอื่นแทนก็ได้ แต่ตัวลิ้นรองเท้านี่แหละ น่าจะสามารถระบุตัวตนของเจ้า Nike Dunk คู่นั้นได้ว่าอยู่ในตระกูลไหน จะ Nike Dunk ธรรมดา หรือว่าจะ Nike SB Dunk กันแน่
🤽🏽 จากสนามบาส ลานสเก็ตบอร์ด ล่าสุด Nike Dunk ก็ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นไลฟ์สไตล์ไปเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งด้วยหน้าตาของรองเท้า Nike Dunk นับได้ว่าเป็นรองเท้าที่เราสามารถหยิบมาใส่กันได้เรื่อย ๆ ด้วยความที่ว่ามันเป็นผ้าใบ สามารถหยิบมาแมทช์กับอะไรก็นับว่าง่ายอยู่แล้ว
ที่สำคัญการครอบครอง Dunk ในตอนนี้ เหมือนเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเหมือนกันนะ คนที่ขายก็ฟันราคาสู้กันสุด ๆ ส่วนไอ้คนที่อยากได้นักอยากได้หนาอย่างเรา ๆ กะจะมาฝากความหวังไว้ที่การกดราคาป้าย แต่ก็ไม่วายขึ้นป้าย Sold Out ต่อหน้าซะงั้น
แต่ใดใดก็ตาม กระแสความนิยมของ Nike Dunk ก็ยังคงมีอยู่เรื่อย ๆ ต่อให้หลายคนจะมองว่ารองเท้าที่น่าจับตาในปีนี้จะตกไปอยู่ที่ Nike Air Jordan ก็ตาม ซึ่งพอได้ยินแบบนี้เท่านั้นล่ะ สาย Dunk หลายคนคงจะคาดหวังโมเมนต์ที่จะกดซื้อ Nike Dunk ได้แบบสบายใจกันสักที แต่เราขอทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า "สงคราม Dunk ยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร" อันดับแรกมาลุ้นรีสต็อกเจ้าตัว Nike Dunk Panda กันก่อนดีกว่า ว่าหนึ่งในบรรดาผู้ชนะสงครามครั้งถัดไป จะมีเราเป็นหนึ่งในนั้นไหม ?
อ่านบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่
- "Converse" รองเท้าผ้าใบที่มีทุกบ้าน หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ไม่มีเอ้าท์ !
- ราคานี้มาที่มา ! ไขข้อสงสัย ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงแพง ?
- เข้าใจหัวอกคนรักรองเท้า ผ่านซีรีส์ "Sneakerheads" ซีรีส์ที่จะทำให้เรา "กล้าต่อสู้" เพื่อเสียงหัวใจของตัวเอง
- SALOMON "จากลานสกี สู่แคตวอล์ก" การบรรจบกันของ 2 โลกขั้วตรงข้าม
- เปิดโพล "5 สนีกเกอร์ตัวเต็ง" ประจำปี 2023 แต่ละคู่จัดว่าเด็ด !
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : oaklandpostonline, esquire, investopedia, malemodelscene, goat, insidehook, highsnobiety, complex, stadiumgoods และ stockx
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)