ปันโปรมัดรวม 10 ภาพยนตร์ Sci-Fi โลกอนาคตที่ไม่ควรพลาด!
โดย : imnat
ชอบที่สุด! หนังเกี่ยวกับโลกอนาคตเนี่ย
ถ้าชอบเหมือนกัน ต้องห้ามพลาดบรรดาหนังเหล่านี้!
ช่วงนี้กระแส NEW NORMAL มาแรงเอามากๆ เรียกได้ว่าไม่ใช่แค่เราเองที่จะต้องตื่นตัว แต่ทุกคนในสังคมก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อต้อนรับกับความเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยเช่นกัน และเพื่อให้เข้ากับกระแสเราเลยขนเอาบรรดาหนัง Sci-Fi โลกอนาคตที่น่าสนใจ และสามารถหาดูได้ใน Netflix มาแนะนำกันถึง 10 เรื่อง
ซึ่งโดยปกติแล้วหนังแนวโลกอนาคตที่เราเห็นกัน มักจะมีเส้นเรื่องอยู่ 2 แบบ คือ Utopia หรือดินแดนในอุดมคติ สงบสุข ไร้ความขัดแย้ง กับ Dystopia หรือดินแดนอันไม่พึงประสงค์ เต็มไปด้วยความขัดแย้งและรุนแรง
ซึ่งส่วนใหญ่หนังที่เราดูๆ กันมักจะเป็นแนว Dystopia เหตุผลคือด้วยบริบทของหนังสามารถเข้าถึงคนดูได้ง่ายกว่า บางเหตุการณ์ที่เห็นในหนัง บางคนอาจจะเคยเจอในชีวิตจริงกันมาแล้ว และเพราะความเข้าถึงง่ายแบบนี้จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบกัน
และสำหรับหนังแนว Utopia นั้นไม่ใช่ว่าไม่มี แต่อาจจะมีในสัดส่วนที่น้อยกว่าหรือถูกนำไปผสมผสานกับความเป็น Dystopia ก่อนเพื่อความสนุกสนานของเรื่อง ยกตัวอย่างหนังแนว Utopia ที่ได้รับความนิยมกัน เช่น Back to the Future หรือ Tomorrowland ที่สร้างสรรค์ดินแดนในอุดมคติออกมาได้ประทับใจคนดูกันถ้วนหน้า แล้วดินแดนในอุดมคติของเพื่อนๆ ล่ะเป็นแบบไหน หวังว่าจะไม่มีหน้าตาเหมือนดินแดนในหนังทั้ง 10 เรื่องนี้กันนะ
The Hunger Games
ประเดิมกันด้วยหนังขวัญใจผู้ชมทุกเพศ ทุกวัยอย่าง The Hunger Games ที่สร้างมาจากนวนิยาย Sci-Fi ขายดี ที่พอถูกสร้างเป็นหนังแล้วก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยเนื้อเรื่องของ The Hunger Games นั้นดำเนินด้วยตัวละครหลักอย่าง แคตนิส เอฟเวอร์ดีน เด็กสาววัย 16 ที่อาศัยอยู่ในเขต 12 ของเมืองหลวงแห่งหนึ่ง
ซึ่งในทุกๆ ปีผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตทั้ง 12 เขตของเมืองหลวงแห่งนี้จะต้องส่งตัวแทนมาเข้าร่วมการแข่งขันเกมล่าเกม หรือ The Hunger Games โดยมีกติกาง่ายๆ คือ เอาชีวิตรอดจนกว่าจะจบเกม เพียงเท่านี้คุณก็ถือว่าเป็นผู้ชนะแล้ว
โดย The Hunger Games นั้นจะพาเราไปทำความรู้จักกับความเป็นมนุษย์ในหลายๆ ด้าน ผ่านมุมมองของตัวละครทุกตัวไม่เว้นแม้แต่ แคตนิส เอฟเวอร์ดีน นางเอกของเรื่องเอง การแข่งขันเกมล่าเกมนี้จะทำให้ทุกคนลุ้นและเอาใจช่วย พร้อมกับสะท้อนแง่มุมของสังคมผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง รับรองว่าดูจบแล้วพวกเราอาจจะได้อะไรกลับมาไม่มากก็น้อย แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับการดูแน่นอน
และเมื่อเร็วๆ นี้ทาง Lionsgate ได้มีการประกาศเตรียมตัวสร้างภาคย้อนอดีตของ The Hunger Games อย่าง The Ballad of Songbirds And Snakes ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับ President Snow ออกมาแล้ว แฟนๆ The Hunger Games ได้เวลานับวันรอกันได้เลย ใครที่ยังไม่ได้ดูหรือดูแล้วอาจจะลืมเนื้อหากันไป ได้เวลาฟื้นความทรงจำกันใหม่แล้วจ้า
The Maze Runner
The Maze Runner สร้างมาจากหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่ประกอบไปด้วยภาคต่อถึง 3 ภาค เรื่องราวของโทมัส เด็กหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่กลางทุ่งกว้างที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงขนาดใหญ่ ที่ทุ่งกว้างแห่งนี้โทมัสได้เจอกับบรรดาเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกัน ซึ่งประกอบไปด้วยหัวหน้า รองหัวหน้า ชาวค่าย และนักวิ่ง
โดยนักวิ่งเท่านั้นที่จะสามารถออกไปสำรวจนอกกำแพงขนาดใหญ่ได้ว่าเบื้องหลังกำแพงนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งนี่เป็นปริศนาที่คาใจโทมัสมาตลอดระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในทุ่งกว้างแห่งนี้ จนวันหนึ่งโชคชะตาได้นำพาให้เค้าออกไปสัมผัสโลกภายนอก ก่อนจะพบกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝันตามมาอีกมากมาย ส่วนจะเป็นอะไรนั้นติดตามต่อได้ในเรื่องเลยจ้า
Divergent
Divergent ถือเป็นหนังที่ขนเอานักแสดงชื่อดังมารวมไว้คับคั่ง อาทิ เชลีน วูดลีย์, ไมลส์ เทลเลอร์ รวมไปถึงเคต วินสเล็ต เจ้าของรางวัลออสการ์ก็ร่วมมาแจมในหนังเรื่องนี้ด้วย โดย Divergent เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนทั้งหมด 5 กลุ่มที่ถูกจัดแบ่งออกไปตามลักษณะนิสัย อันได้แก่ กลุ่มผู้เสียสละ, กลุ่มผู้กล้า, กลุ่มคนมีปัญญา, กลุ่มคนซื่อสัตย์ และกลุ่มคนรักสงบ
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่สมาชิกของกลุ่มมีอายุครบ 16 ปีจะสามารถเลือกตัวตนของตัวเองได้ว่าอยากจะไปอยู่ในกลุ่มไหน ซึ่งถ้าได้เลือกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก หรือหากใครมีคุณสมบัติไม่เพียงพอกับการเป็นสมาชิกในกลุ่มนั้นๆ ก็จะถูกกำจัดให้มาอยู่รวมกันกับคนยากจนอดอยาก ที่อาศัยอยู่กันอย่างปลีกวิเวก และไม่ได้รับการยอมรับจากคนทั้ง 5 กลุ่มที่ได้กล่าวไป
เรื่องราวสนุกขึ้นเมื่อนางเอกของเราพบว่าตนเองนั้นเป็นพวก Divergent คือสามารถเข้าได้กับคนทุกกลุ่ม และมีความคิดสติปัญญาที่แตกต่างจากคนกลุ่มอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งพวก Divergent นี้ไม่ได้รับการยอมรับจากคนกลุ่มไหนเลย แถมถ้ามีใครรู้ตัวตนที่แท้ของเธอ เธอจะสามารถถูกกำจัดได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นเรื่องราวที่เราจะเห็นกันในหนังเรื่องนี้คือการเอาตัวรอดของนางเอกในการปกปิดตัวตนที่แท้จริง พร้อมกับการทำในสิ่งที่เธอรัก ซึ่งสุดท้ายแล้วบทสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องไปติดตาม!
I Am Legand
I Am Legand เรื่องราวของชายหนึ่งคนกับสุนัขหนึ่งตัว คู่หูที่ยังหลงเหลืออยู่ในมหานครนิวยอร์ก หลังถูกกลุ่ม Seeker ไล่ล่า ซึ่งเค้ายังมีความหวังว่าจะยังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่ เลยได้ทำการออกตามหา พร้อมกับคิดค้นวิธีการรักษาเชื้อร้ายที่ทำให้ทุกคนในเมืองกลายเป็นพวก Seeker หรือถ้าพูดในภาษาที่เข้าใจง่ายก็คือพวกซอมบี้นั่นเอง
เรื่องราวเหงาๆ (แต่เข้มข้น) ระหว่างคู่หูคู่นี้ทำให้พวกเราอดที่จะตามลุ้น ตามเอาใจช่วยกันไม่ได้ และถึงแม้ว่าเขาจะมีเพียงแค่สุนัขตัวเดียว แต่สุนัขนี่แหละคือเพื่อนแท้ในยามยากตัวจริงเสียงจริง ลองไปดูพร้อมกับคิดตามกันไปด้วย ถ้าหากว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกันนี้กับสุนัขเพียงตัวเดียวจริงๆ เราจะแก้ปัญหาอันใหญ่หลวงนี้ไปได้อย่างไร สำหรับตัวแอดนั้นขอพนมมือไว้ล่วงหน้าเลยจ้า
V for Vendetta
ดูหนังเรื่องนี้จบ ทุกคนอาจจะตกหลุมรักวี หรือชายผู้สวมหน้ากากคนนี้เหมือนกันกับแอดแน่นอน สำหรับ V for Vendetta เรื่องนี้ถ้าให้พูดว่าเป็นหนังเสียดสีสังคมโดยเฉพาะการเมืองก็คงจะไม่ผิด แถมตัวหนังยังแฝงสัญลักษณ์ต่างๆ เอาไว้มากมาย รวมไปถึงหน้ากากนี้ด้วยเช่นกัน
อุดมการณ์ของวีนั้นคือการทำให้เสียงจากประชาชนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง หลังถูกยึดอำนาจไปโดยรัฐบาล ซึ่งนางเอกก็จะเป็นตัวแทนของคนดูอย่างเรานี่แหละที่จะค่อยๆ ทำความรู้จักกับชายผู้สวมหน้ากากคนนี้ไปเรื่อยๆ เป้าหมายที่แท้จริงของเค้าคืออะไร ตัวตนที่แท้จริงของเค้านั้นเป็นใคร V for Vendetta เรื่องนี้รวมคำตอบทุกอย่างไว้หมดแล้ว!
The Platform
คุก ไม่ใช่สถานที่อันน่าปรารถนาสำหรับใครทั้งนั้น โดยเฉพาะคุกใน The Platform แห่งนี้ยิ่งไม่น่าปรารถนาเข้าไปกันใหญ่ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าคุกในหนังเรื่องนี้เป็นคุกที่เราไม่สามารถเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้เลย ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน โลกภายนอกเป็นอย่างไร รู้กันแค่เพียงว่าเรากำลังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่มีจุดสูงสุดและต่ำสุดอยู่ที่ 33 ชั้น
โดยแต่ละชั้นสามารถสลับสับเปลี่ยนผู้อยู่อาศัยได้ตลอดเวลา วันหนึ่งเราอาจอยู่ในจุดสูงสุด แต่พอมาอีกวันเราอาจจะถูกลดระดับลงมาอยู่ในจุดต่ำสุดก็ได้ ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีวิธีการปรนนิบัติที่ไม่เหมือนกัน สังเกตได้จากอาหารการกินในแต่ละวัน ผู้ที่อยู่ชั้นบนๆ จะได้กินของดีรสชาติเยี่ยม แต่เมื่อถูกส่งต่อลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างๆ อาหารรสชาติเยี่ยมเหล่านั้นก็จะเหลือเพียงแค่เศษอาหารเละๆ ที่เดาไม่ออกกันเลยว่าก่อนหน้านี้มันเคยมีหน้าตาอย่างไร
ตัวหนังสะท้อนสังคมมนุษย์เราได้อย่างดี มีความดิบ ไม่ได้โลกสวย ถือเป็นสังคม Dystopia ที่ค่อนข้างชัดเจน และแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะเข้าไปใช้ชีวิตอยู่กันแน่นอน
Star Trek
ถูกทำออกมาในหลายเวอร์ชันมากๆ สำหรับ Star Trek เรื่องนี้ ซึ่งเวอร์ชันที่เราจะแนะนำกันนั่นก็คือเวอร์ชันในปี 2009 นำแสดงโดย คริส ไพน์, แซกราคี ควินโต พร้อมด้วยนักแสดงคนอื่นๆ อีกมากมาย ถือว่าเป็นการรวมตัวที่ไม่ธรรมดา และเนื้อหาเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
โดย Star Trek บอกเล่าเรื่องราวของโลกที่ไม่มีการแบ่งแยกออกเป็นประเทศอย่างที่เราเป็นกันทุกวันนี้ ทุกอย่างถูกรวมเข้าไว้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แบ่งแยกเป็นเผ่าพันธุ์แทน อันได้แก่ เผ่าพันธุ์มนุษย์, วัลแคน, คลิงออน, โรมูลัน และบอร์ค ในโลกของมนุษย์นั้นได้มีการก่อตั้ง United Earth Space Probe Agency (UESPA) ที่มีจุดประสงค์เพื่อทำการติดต่อกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในจักรวาล
ซึ่งเรื่องราวที่เราจะได้เห็นกันในหนังเรื่องนี้ก็คือมหากาพย์เรื่องราวการผจญภัยในโลกอนาคต ที่ไม่ได้มีแค่ความตื่นเต้นเร้าใจเท่านั้น แต่ตัวหนังยังสอดแทรกเรื่องราวของความรักและมิตรภาพลงไปให้พวกเราได้เรียนรู้กันด้วย
IO
IO หรือชื่อภาษาไทยว่า ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย หนังจาก Netflix เรื่องนี้จะพาเราทุกคนไปสำรวจโลกอนาคตหลังจากเกิดปัญหามลพิษจนทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก คนที่เหลือรอดก็ได้พาชีวิตของตนเองไปสร้างถิ่นฐานอยู่บนอวกาศกันหมด เว้นแต่แซม นักวิทยาศาสตร์ตัวเอกของเรื่องที่พยายามหาหนทางทำให้โลกกลับมาใช้ชีวิตอยู่ได้อีกครั้ง แต่ความตั้งใจของเธอนั้นจะต้องรีบทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ก่อนที่ยานรอบสุดท้ายที่จะไปยังดวงจันทร์ IO จะถึงกำหนดออกเดินทาง
การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้มีการแฝงความเป็นปรัชญาปนไซไฟนิดๆ ก่อนจะพ่วงด้วยความเหงาหน่อยๆ ของหญิงสาวคนเดียวที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพียงลำพัง ซึ่งคนดูอย่างเราต้องมาลุ้นกันว่าการตัดสินใจครั้งใหญ่ของเธอจะออกมาในทิศทางไหน จะช่วยโลกต่อไป หรือจะหนีไปอยู่บนดาวดวงใหม่อย่างดวงจันทร์ IO ดี
The Book of Eli
The Book of Eli เรื่องนี้เป็นหนังที่สอดแทรกความเป็นปรัชญาและศาสนาอยู่เยอะพอสมควร โดยโลกที่ปรากฏในหนังนั้นเป็นโลกหลังจากการผ่านสงครามล้างเผ่าพันธุ์มาแล้วกว่า 30 ปี ผู้คนในตอนนั้นเต็มไปด้วยความดิบเถื่อน สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและการมีชีวิตอยู่รอด
ตัวเอกของเรื่องอย่างอีไลมีภารกิจที่จะต้องทำนั่นก็คือการนำหนังสือเล่มหนึ่งไปส่ง ซึ่งระหว่างทางอีไลจะต้องพบเจอกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย แต่เค้าย่อมที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาไว้ซึ่งหนังสือเล่มนั้น รวมไปถึงจะต้องนำหนังสือไปส่งยังที่หมายให้เรียบร้อย
ซึ่งใครจะไปรู้ว่าหนังสือที่อีไลกำลังจะนำไปส่งนั้นสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมในตอนนั้นได้เลย แต่เราจะต้องไปลุ้นกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร การเดินทางในครั้งนี้ของอีไลจะสำเร็จไหม แอดบอกได้เพียงสั้นๆ ว่าถ้าไม่ได้ดูแล้วจะเสียใจ
The Cloverfield Paradox
สำหรับใครที่เคยดูซีรีส์ The Cloverfield คงจะพอรู้กันบ้างว่าจุดเด่นของ The Cloverfield นั้นอยู่ตรงที่ความคาดเดาไม่ได้ ซึ่งนี่ก็เป็นความรู้สึกที่พวกเราจะได้เจอใน The Cloverfield Paradox เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
โดยหนังเรื่องนี้ได้เล่าถึงนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งที่ถูกเรียกตัวมาให้ไปทำภารกิจสำคัญ ซึ่งนั่นก็คือการทดลองยิงพลังงานทดแทน ที่สามารถช่วยให้โลกมนุษย์ยุติสงครามแย่งชิงพลังงานได้ แต่ถ้ามันประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี เราคงไม่สามารถเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็นหนังแนว Dystopia ได้ ใช่แล้ว การทดลองยิงพลังงานทดแทนนี้ทำไม่สำเร็จ แถมยังพ่วงมาด้วยปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Paradox อันตามมาด้วยความวุ่นวายที่คาดไม่ถึงมากมาย
และอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าจุดเด่นของ The Cloverfield คือความคาดเดาไม่ได้ แอดเลยมั่นใจว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนอ้าปากค้างกันได้แน่นอน เพราะอะไรที่เราคิดว่าจะเกิด มันอาจจะไม่เกิด ส่วนอะไรที่เราไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิด มันกลับเกิดซะงั้น และหวังว่าหนังปิดท้ายอย่าง The Cloverfield Paradox เรื่องนี้จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังกันนะ
ปันโปรสรุปให้
- หนังจาก Netflix ทั้ง 10 เรื่องที่นำมาฝากกันนี้ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับดินแดนแห่งใหม่ในอนาคต ซึ่งก็มีหลากหลายเรื่องราวให้ได้ติดตามกัน ส่วนใครดูแล้วเกิดความรู้สึกหม่นๆ ได้เวลามาเติมพลังกันด้วยหนังแนว Feel Good ดีๆ ที่นี่ > คลิก
- สำหรับใครยังไม่เป็นสมาชิก Netflix แล้วกำลังคิดอยากจะสมัคร แต่ไม่รู้จะเลือกแพ็กเกจไหนดี แอดได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้แล้ว ลองเลือกดูกัน ที่นี่ เลย
โดย imnat
เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)