ไขข้อสงสัย! ล้างจมูกอย่างถูกวิธีต้องทำอะไรบ้าง?
โดย : ncp
ล้างจมูกให้ถูกวิธีและปลอดภัย
ไม่ยากอย่างที่คิด...แค่ทำตามขั้นตอนดังนี้
ช่วงนี้เชื้อโรคเยอะ ฝุ่น PM ก็แยะ ดังนั้นการล้างจมูกจึงถือได้ว่ามีประโยชน์และจำเป็นต่อตัวเรามากๆ เพราะสิ่งนี้จะช่วยชะล้างทำความสะอาดทั้ง น้ำมูก หนองบริเวณโพรงจมูก เชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้โพรงจมูกของเรานั้นสะอาด , ลดเชื้อโรค ของเสีย สารก่อภูมิแพ้ , ทำให้หายใจโล่ง สะดวก , ลดอาการระคายเคืองและที่สำคัญป้องกันการลุกลามของเชื้อโรคจากจมูกและไซนัสไปสู่ปอดได้อีกด้วย ฉะนั้นเพื่อเป็นการป้องกันในเบื้องต้น เรามาดูกันดีกว่าว่าการล้างจมูกที่ถูกวิธีนั้น ต้องทำอะไรบ้าง!
ใครบ้างนะที่ควรล้างจมูก ?
การล้างจมูกถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำเองได้ที่บ้าน เพื่อช่วยทำความสะอาดให้จมูกของเราหายใจได้โล่งขึ้น ซึ่งกลุ่มคนที่ควรทำ ได้แก่ คนที่เป็นหวัด คัดจมูกและมีน้ำมูกข้นๆ หรือเสมหะเป็นจำนวนมากจนรู้สึกว่ารบกวนการหายใจ , คนที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากโรคภูมิแพ้ , คนที่เป็นไซนัสอักเสบ - โรคหอบหืดต้องพ่นยาอยู่เป็นประจำ เป็นต้น แต่สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่ได้มีอาการและจัดอยู่ในกลุ่มดังกล่าวที่ได้บอกไปในข้างต้น หากรู้สึกว่าตนเองอยากล้างหรือทำความสะอาดจมูกก็สามารถทำได้เช่นกันแต่ไม่จำเป็นต้องทำเป็นกิจวัตรหรือทำเป็นประจำ
การล้างจมูก ควรล้างบ่อยแค่ไหน ?
ความถี่ในการล้างจมูกนั้น หากเพื่อนๆ เรียนรู้ขั้นตอนและทำได้อย่างถูกวิธี การล้างและทำความสะอาดบ่อยๆ ก็ไม่ได้มีผลเสียและผลกระทบอะไรต่อสุขภาพ แต่หากในกรณีที่เกิดอาการปวดหัว เวียนหัว หูอื้อ เพื่อนๆ ควรปรับเปลี่ยนวิธีการล้างจมูก เนื่องจากภายในโพรงจมูกของเราด้านหลังจะมีช่องติดกับคอ หูชั้นกลาง โดยจะเป็นท่อเชื่อมระหว่างกัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้น้ำเกลือไหลลงมาในคอได้ (อาการดังกล่าวไม่ได้อันตรายแต่อย่างใด แค่ถ้าหากเกิดขึ้นจริงๆ ก็แนะนำให้ปรับเปลี่ยนทิศทางในการฉีดทำความสะอาดเท่านั้นจ้า)
อุปกรณ์ล้างจมูกมีแบบไหนบ้าง
1.แบบใช้กาล้างจมูก อุปกรณ์นี้จะเป็นการล้างแบบดั้งเดิม โดยวิธีการก็ไม่ยากเพียงแค่นำเกลือทะเลมาผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นนำไปกรอกใส่กาแล้วค่อยนำมาล้างและทำความสะอาดจมูก
2.แบบหยดน้ำเกลือ Normal Saline วิธีนี้เหมาะสำหรับเด็กเล็กๆ โดยจะทำการหยดลงไปที่จมูกเพียงแค่ 2-3 หยด เพื่อให้น้ำมูกละลายตัว จากนั้นค่อยใช้ลูกยางดูดน้ำมูกออกมา และจึงเช็ดทำความสะอาดบริเวณจมูกอีกครั้ง
3.ชุดล้างจมูกแบบสำเร็จรูป ในปัจจุบันมีชุดสำเร็จรูปสำหรับล้างจมูกโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเราได้มากเลยทีเดียว โดยสิ่งนี้เพื่อนๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปกันได้เลย
4.ซื้ออุปกรณ์มาทำเองที่บ้าน ซึ่งประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังนี้ น้ำเกลือ , กระบอกฉีดยา , ถ้วยสำหรับใส่น้ำเกลือและที่รองขณะล้าง เพียงเท่านั้นเราก็สามารถล้างจมูกได้เองแล้วจ้า
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1.น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9%
2.กระบอกฉีดยาพลาสติก (ขนาด 5-10-20 ml.) / ขวดล้างจมูก
3.ภาชนะสำหรับใส่น้ำเกลือ
4.ภาชนะสำหรับรองน้ำเกลือขณะล้างจมูก
วิธีการล้างจมูก
1.ขั้นตอนแรกนำน้ำเกลือที่เราจะใช้ล้างจมูกมาอุ่น (ให้อุณภูมิพอเหมาะ)
2.เตรียมภาชนะสำหรับรองน้ำเกลือให้เรียบร้อย แล้วใช้กระบอกฉีดยาดูดน้ำเกลือ เริ่มจากน้อยๆ ก่อน (ผู้ใหญ่ใช้ประมาณ 10-15 ซีซี / เด็กใช้ประมาณ 5 ซีซี)
3.โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มหน้าเล็กน้อยและควรล้างข้างที่มีอาการคัดน้อยกว่าอีกข้างก่อน
4.นำปลายกระบอกฉีดยาเข้าที่ไปรูจมูกเล็กน้อย ให้อ้าปากค้างไว้แล้วหายใจเข้าเต็มที่ และกลั้นหายใจไว้
5.ดันกระบอกสูบเบาๆ ให้น้ำเกลือไหลอย่างช้าๆ
6.เมื่อล้างและทำความสะอาดจมูกเสร็จเรียบร้อย ให้เพื่อนๆ สั่งน้ำมูก / น้ำเกลือที่ค้างอยู่ออกมา
7.ล้างอุปกรณ์ต่างๆ ให้สะอาด (สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ใช้กระบอกฉีดยาที่ทำจากแก้ว หลังจากที่ล้างทำความสะอาดแล้วให้นำมาต้มในน้ำเดือดสักครู่ประมาณ 5 นาที แล้วผึ่งให้แห้ง) เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วจ้า
ข้อควรระวัง
การล้างจมูกถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งง่ายๆ ที่เราสามารถทำเองที่บ้านได้ก็จริง แต่อย่างไรก็ควรระมัดระวังในเรื่องของการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำเกลือ ภาชนะ กระบอกฉีดยาหรือขวดล้างจมูก ต้องสะอาดเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ถัดมาอีกหนึ่งข้อ หลังจากฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกควรสั่งน้ำมูกออกทันที ไม่ควรกลั้นหายใจเพื่อกักน้ำเกลือให้ค้างไว้เพราะอาจส่งผลทำให้น้ำเกลือไหลย้อนไปในไซนัสได้ และสุดท้ายการสั่งน้ำมูกควรสั่งเบาๆ และที่สำคัญอย่าอุดรูจมูกอีกข้างเด็ดขาดเพราะพฤติกรรมเช่นนี้อาจส่งผลให้แก้วหูของเรานั้นทะลุได้
🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈
◘ น้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูก เพื่อนๆ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไปได้เลยจ้า
◘ ก่อนล้างจมูกควรอุ่นน้ำเกลือก่อน เพราะหากไม่ได้อุ่นอาจทำให้หลังจากที่ล้างจมูกแล้วมีอาการคัดจมูกตามมาได้
◘ การล้างจมูก สามารถทำได้วันละ 2 ครั้ง แนะนำเป็นช่วงตื่นนอนตอนเช้าและก่อนเข้านอน
- ขอบคุณแหล่งที่มา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ โรงพยาบาลสุขุมวิท -
โดย ncp
^^