NEW MG VS HEV สปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกจาก MG ที่สุดของความล้ำ ขับสนุก และเร้าใจ เริ่มต้นเพียง 859,000.- เท่านั้น

 

MG เขาไม่เคยพัก ขยันทำเซอร์ไพร์สตลอด ล่าสุดเปิดตัว NEW MG VS HEVสปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกจาก MG สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ในตลาด B-SUV กับแนวคิด "ABSOLUTE" เป็นตัวตนขั้นสุด หลุดจากทุกมิติเดิม ๆ บอกเลยว่า หลุดจริง ! และมาพร้อมดีไซน์ เทคโนโลยี ฟังก์ชันการใช้งานล้ำ ๆ ที่ก้าวกระโดดไปอีกขั้น ไปร่วมเปิดมิติใหม่ของการเดินทางกับยนตรกรรมไฮบริดจาก MG ว่าจะมีอะไรใหม่ ๆ ให้ว้าว และน่าตื่นเต้นบ้าง 🚘

 

---

 

เจาะลึก NEW MG VS HEV สปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกจาก MG

 

สำหรับ NEW MG VS HEV สปอร์ตไฮบริดเอสยูวีรุ่นแรกจาก MG ที่เปิดตัวด้วยสีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ Mineral Green สะดุดตามาแต่ไกล บวกกับดีไซน์สปอร์ตยุคใหม่ทันสมัยสุด ๆ สัมผัสได้ถึงความล้ำทุกฟังก์ชันการใช้งาน เทคโนโลยี อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป และที่เลื่องลือเลยก็คือ สมรรถนะ ความสนุกเร้าใจของการขับขี่ อัตราเร่งดี จะขึ้นเหนือ ลงใต้ ก็ไม่หวั่น จนเราต้องขอเช็กสเปคตอกย้ำความครบเครื่องกันสักหน่อย 👇🏼 

 

 

NEW MG VS HEV ดีไซน์ภาษาใหม่ ลุคทันสมัย ฉีกกรอบเดิมของรถเอสยูวี

 

• กระจังหน้า Electrified Matrix Grille
• ไฟหน้าแบบ LED Projector เปิด-ปิดอัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Light)
• ไฟท้ายแบบ LED
• ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อม Aero Wheel Cover เพื่อช่วยลดแรงต้านลม
• เติมเอกลักษณ์ของขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยคิ้วสีฟ้า

 

 

---

 

NEW MG VS HEV กว้างขวางให้สัมผัสที่ดี อุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มาครบทุกตำแหน่งที่นั่ง

 

สปอร์ตไฮบริดเอสยูวี NEW MG VS HEV คันนี้ ภายในชัดเจนใน Modern & Stylish คอนโซลกลางด้านบนตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง คันเกียร์ตกแต่งลวดลาย Laser Pattern ให้ความรู้สึกหรูหรา เชื่อว่าถูกใจสายดีเทลตัวแม่ ห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมหลังคาซันรูฟให้ชมวิวท้องฟ้า และสัมผัสบรรยากาศภายนอกได้เต็มตาแบบพาโนรามา นอกจากนี้เบาะที่นั่งด้านหลัง สามารถปรับ-พับได้ 60:40 จึงเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ ให้จุของได้เยอะขึ้นได้อีก ถูกใจสายบ้าหอบฟางอย่างแน่นอน

 

 

---

 

NEW MG VS HEV เสิร์ฟหน้าจอ Dual Widescreen Cockpit คู่ใหญ่มว้ากกก

 

ครั้งแรกของยนตรกรรมในกลุ่ม B-SUV ที่มี Dual Widescreen Cockpit หน้าจอคู่ขนาดใหญ่มว้ากกก 12.3 นิ้ว 2 จอต่อกัน ความคมชัดระดับ HD หนึ่งจอเป็นจอแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard ขนาด 12.3 นิ้ว ในตำแหน่งผู้ขับขี่ เพื่อแสดงข้อมูลรถ ข้อมูลการขับขี่ ซึ่งสามารถแสดงข้อมูลได้อย่างหลากหลายรูปแบบ และที่เจ๋งสุด ๆ คือ โหมด Navigation ที่แสดงการนำทางได้โดยที่ผู้โดยสารเบาะหน้าสามารถใช้งานฟังก์ชันอื่น ๆ บนหน้าจอแบบ Touch Screen ขนาด 12.3 นิ้ว ได้ไปด้วย แบ่งกันใช้คนละจอไปเลย ไม่ต้องมาแย่งกันแล้ว

 

สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART และฟังก์ชันที่ต้องยอมเขาเลยก็คือ "กุญแจดิจิทัล" ที่ใช้สมาร์ทโฟนแทนกุญแจรถ สั่งการทำงานผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MG Thailand แอปฯ ที่รวบรวมข้อมูล และความเคลื่อนไหวของเอ็มจี เป็นอีกช่องทางการติดต่อสื่อสารให้กับลูกค้า และผู้ที่สนใจสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และร่วมกิจกรรมเพื่อสะสมคะแนนและใช้แลกซื้อสินค้าใน MG MALL ดาวน์โหลดวันนี้ รับฟรี 500 คะแนน 👍🏼 

 

ตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัลมาก ๆ แถมรถรุ่นนี้รองรับ Apple CarPlay และสามารถเล่นมัลติมีเดียในสมาร์ทโฟนระบบ Android รวมถึงมีแอปพลิเคชันฟังเพลงยอดฮิตอย่าง JOOX มาให้ด้วย อินเทรนด์สุด ๆ บริเวณคอนโซลหน้ามี Illuminated Touch Panel ใช้ควบคุมระบบปรับอากาศ และคอนโซลกลางดีไซน์ใหม่แบบ Double Layer เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น ด้านล่างยังมีที่เก็บของพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับได้ทั้ง Type C และ Type A แถมยังคิดเผื่อเรื่องความสะดวกสบายกับอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ที่แค่วางปุ๊บก็ชาร์ตได้เลย อีกทั้งยังมีช่องแอร์ ช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารเบาะหลังด้วยนะ

 

 

 

---

 

NEW MG VS HEV เทคโนโลยีล้ำ ที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย

 

ถึงจะเป็นสปอร์ตไฮบริดเอสยูวีน้องใหม่จาก MG แต่จัดเต็มเทคโนโลยีแบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่พร้อมคันเกียร์แบบ Electric Shift สามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ตามใจกว่า 3 รูปแบบ ทั้ง Eco Comfort และ Sport พร้อมทั้งระบบไฮบริดมาพร้อมด้วย KERS Mode ที่ช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ สามารถตั้งค่าได้ 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย

 

 

---

 

NEW MG VS HEV ยืนหนึ่งด้านสมรรถนะทรงพลัง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที

 

NEW MG VS HEV มากับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH ผสานขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้พละกำลังรวมสูงสุด 177 แรงม้า พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9 วินาที เท่านั้น หากเทียบกับรถในกลุ่มไฮบริดเอสยูวีด้วยกันถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

 

ส่วนอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 15-17 กม./ล. ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่และสภาพแวดล้อมด้วยนะ อุปกรณ์และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Synchronized Protection System ใส่มาให้ถึง 12 ระบบ ซึ่งเพียงพอสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน

 

• ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
• ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
• ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
• ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
• ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
• ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) อันนี้คือชอบมาก
• ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
• ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
• ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold)
• กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ High Definition ชัดสุด ๆ
• จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
• ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
• สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย 

 

 

---

 

NEW MG VS HEV ออกแบบมาให้เรา "เป็นตัวตนขั้นสุด"

 

สำหรับรถยนต์ NEW MG VS HEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย แบ่งออกเป็น รุ่น D จะมีสีภายในเป็นสีดำล้วน และมีสีตัวถังให้เลือก 3 สี คือ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red) และ รุ่น X มีสีให้เลือกทั้งแบบโมโนโทนและทูโทน

 

• แบบโมโนโทนมีสีภายในเป็นสีดำล้วน มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีดำ (Black Knight) และสีแดง (Scarlet Red)
• สีทูโทนมีสีภายในเป็นแบบทูโทนสีขาวสลับดำ มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเขียว (Mineral Green) สีเทา (Metal Ash Grey) และสีขาว (Arctic White) 

 

 

---

 

ต้องยอมรับว่า NEW MG VS HEV จัดเต็มอัดแน่นของใหม่ ทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และฟังก์ชันมาก ๆ มาถึงตรงนี้คงอยากรู้ค่าสินสอดของรถยนต์ B-SUV คันนี้กันแล้วว่าจะแพงสมกับความล้ำกันขนาดไหน แต่ขอกระซิบบอกตรงนี้เลยว่า เริ่มต้นเพียง 859,000 บาท เท่านั้น ราคาน่าจับต้อง น่าคบหามาก ส่วนความเหนือเรื่องสมรรถนะต้องหาโอกาสไปทดลองขับกันเอง ที่โชว์รูม MG กว่า 158 แห่งทั่วประเทศ หรือคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 👉🏼 คลิก