จ่ายล่าช้า ผิดนัดชำระ เริ่มคิดดอกเบี้ยแบบใหม่ ดีกว่าเดิมยังไง?

ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ใช้วิธีคำนวณแบบใหม่ เป็นประโยชน์สำหรับลูกหนี้มากขึ้น
เริ่มมีผลแล้วตั้งแต่ 1 พ.ค. 63 เป็นต้นไป
แล้วแตกต่างจากเดิมยังไงหรอ? ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนนน~

---

ในชีวิตของทุกคนเนี่ย คงไม่มีใครอยากจะเป็นหนี้หรอกจริงมั้ย แต่บางทีเราก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายเพียงพอที่จะได้ตามสิ่งที่หวังไว้ไปซะทั้งหมด ก็จำเป็นต้องกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อจุดประสงค์อย่างใดอย่างนึง เช่น ซื้อบ้าน, ซื้อรถ, เพื่อการศึกษา หรือนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็จะมีสินเชื่อแต่ละประเภทให้ได้ยื่นขอกันมากมาย ยิ่งเดี๋ยวนี้สินเชื่อประเภทเดียวกัน ก็ยังมีแยกออกไปอีกเยอะมาก ทุกคนสามารถขอกู้เงินได้ แต่จะกู้ผ่านมั้ยก็อีกเรื่องนึงนะ

หลังจากเปลี่ยนสถานะกลายเป็นลูกหนี้แล้ว ทุกคนก็ต้องจ่ายเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในตรงตามกำหนด เพราะถ้าหากจ่ายช้า ดอกก็จะงอกขึ้นมาอีก จนบางทีก็งงว่าต้องจ่ายเยอะขนาดนี้เลยจริงอ๋อ สมัยก่อนจ่ายช้าเพียงครั้งเดียว ทำให้ชีวิตพังได้เลยล่ะ จ่ายดอกเบี้ยกันอ้วก แต่ตอนนี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย เริ่มใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ ตั้งแต่ 1 พ.ค. 63 เป็นต้นไป แตกต่างจากเดิมเยอะอยู่ ใครเป็นลูกหนี้ก็ต้องศึกษาให้เข้าใจเล้ยย!

ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับ "ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้" จะถูกคิดก็ต่อเมื่อเราจ่ายเงินล่าช้ากว่าที่กำหนด ซึ่งความจริงสายไปแค่วันเดียวก็ถือว่าจ่ายล่าช้าแล้ว แต่บางแบงก์อาจจะอนุโลมให้ 1-2 วัน จะเกิดดอกงอกขึ้นมาจากที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดตามปกติอยู่แล้ว กลายเป็นดอกเบี้ยปกติที่จ่าย + ดอกเบี้ยจ่ายล่าช้า คือโดนดอก 2 ต่อไปอีก แบงก์อาจจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไป แต่วิธีการคำนวณจะใช้รูปแบบเหมือนกันหมด

---

เปรียบเทียบการคำนวณดอกเบี้ย แบบเก่า VS แบบใหม่

---

รูปแบบการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบเดิมกับแบบใหม่ มันต่างกันยังไงนะ? เรื่องอัตราดอกเบี้ยก็คือเท่าเดิมเลย ไม่ได้มีการปรับลดลง แต่ไม่เหมือนเดิมตรง "เงินต้น" ที่นำมาคิดดอกเบี้ยเนี่ยแหละ จำนวนไม่เท่าเดิมอีกต่อไป

รูปแบบการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่เปลี่ยนไป จะเป็นธรรมกับลูกหนี้มากกว่าเดิม

• การคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบเก่า : จะคำนวณจากยอดคงเหลือของเงินต้นที่เหลืออยู่ทั้งหมด เช่น ในงวดที่ผิดนัดชำระยังเหลือเงินต้นอยู่ 2 ล้านบาท ก็จะเอาดอกเบี้ยผิดนัดชำระ คูณด้วย 2 ล้านบาททั้งก้อน ยิ่งถ้าผิดนัดชำระงวดต้นๆ ด้วยแล้ว เงินต้นยังเยอะอยู่ก็โดนอ่วมแน่นอน

• การคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ : จะคำนวณจากเงินต้นในงวดนั้นๆ เพียงอย่างเดียว ไม่นำเงินต้นของงวดที่เหลือมารวมด้วย ก่อนอื่นต้องแยกก่อนว่าเงินค่างวด เป็นเงินต้นเท่าไหร่ เป็นดอกเบี้ยเท่าไหร่ เช่น ค่างวด 30,000 บาท เงินต้น 5,000 บาท และดอกเบี้ยของงวดนี้ 25,000 บาท ถ้าหากเกิดผิดนัดชำระขึ้นมา ก็จะคิดจากเงินต้นเท่ากับ 5,000 บาท คูณด้วยดอกเบี้ยผิดนัดชำระ 

แถมเพิ่มเติมก็คือ จะมีช่วงผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระ (Grace Period)ให้ด้วย อาจจะกำหนดว่ากี่วันก็ว่ากันไป แต่ถ้ายังไม่จ่ายอีก ก็จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระย้อนหลังตั้งแต่ก่อนช่วงผ่อนผันเลย จะช่วยให้คนตัดสินใจจ่ายเงินคืนมากขึ้น เพราะไม่ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระในช่วงต้นนั่นเอง

(ขอบคุณภาพประกอบจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย)

จากตัวอย่างในภาพ จะเห็นว่าดอกเบี้ยผิดนัดชำระจากเดิม ต้องจ่ายถึง 27,443.84 บาท แต่พอลองคำนวณแบบใหม่แล้ว จะจ่ายเพียง 57.53 บาทเท่านั้นเอง คือหายไปเยอะมากจริงๆ แสดงว่าก่อนหน้านี้ถ้าใครผิดนัดชำระเงินงวดนึง ก็คือต้องจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดชำระมากกว่าเงินต้นในงวดนั้นซะอีก ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ถูกต้องกว่าเดิม จะเอาการผิดนัดชำระในงวดนี้ มาตัดสินสำหรับการจ่ายคืนในงวดที่เหลืออยู่ทั้งหมดไม่ได้อีกแล้ว

การคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ จะช่วยให้ลูกหนี้มีความสามารถในการจ่ายเงินคืนได้สูงขึ้น ยิ่งช่วงนี้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายคนไม่มีรายได้ หรือรายได้ลดลง ยิ่งมีความเสี่ยงจะผิดนัดชำระได้มากกว่าเดิม จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายคืน พอจ่ายเงินล่าช้าขึ้นมา ก็จะถูกคิดดอกเบี้ยแบบไม่ถูกเอาเปรียบนั่นเอง แต่ไม่ได้แปลว่าพอเห็นคิดดอกเบี้ยน้อยลงแบบนี้แล้ว งั้นก็ผิดนัดชำระ ไม่จ่ายคืนดีกว่า เพราะจะขึ้นประวัติการจ่ายเงินในเครดิตบูโรด้วย มันไม่เวิร์คอย่างแรง ต่อไปจะกู้เงินลำบากไปอีก ชำระคืนตรงเวลาเนี่ยแหละดีที่สุดแล้ววว!

วิธีคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ ไม่ใช่การขอความร่วมมือนะ แต่สถาบันการเงินทุกแห่งจะตัองปฏิบัติตาม เพราะมีผลบังคับใช้แล้ว ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดก่อนวันที่ 1 พ.ค. 63 ก็แล้วแต่ตกลงกันระหว่างลูกหนี้กับธนาคารว่าจะเป็นยังไง 

---

สินเชื่อประเภทไหน จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่บ้าง?

---

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเริ่มใช้วิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ กับสินเชื่อ 3 ประเภท ทั้งหมดตามนี้เลย

• สินเชื่อที่อยู่อาศัย (รวมสินเชื่อบ้าน และรีไฟแนนซ์)

• สินเชื่อ SMEs สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย

• สินเชื่อส่วนบุคคล (กู้ยืมแบบมีกำหนดระยะเวลา)

เวลาจะซื้อบ้านใหม่ เงินไม่พอ ก็ต้องขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยนี่แหละ

เราจะสังเกตเห็นว่าสินเชื่อทั้งหมดเนี่ย จะมีระยะเวลาผ่อนชำระที่ชัดเจนว่า กี่เดือน กี่ปี ก็สามารถกำหนดได้ว่าต้องจ่ายทั้งหมดกี่งวด งวดละกี่บาท แบ่งเป็นเงินต้นเท่าไหร่ ดอกเบี้ยแต่ละงวดกี่บาท คือมีการตกลงกันไว้ตั้งแต่เริ่มยื่นขอสินเชื่อแล้ว ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกับสินเชื่อบัตรเครดิต ซึ่งขึ้นอยู่กับยอดใช้จ่ายในแต่ละรอบบัญชี เวลาผิดนัดชำระก็จะดูตามยอดใช้จ่ายได้เลย

---

ลูกหนี้จะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?

---

เอ๊ะ สรุปแล้วการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระแบบใหม่ นี่มันยังดียังไงกัน? คนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ ก็หนีไม่พ้น "ลูกหนี้" นี่แหละ ธนาคารคงจะไม่แฮปปี้ เพราะจะได้รับดอกเบี้ยส่วนนี้น้อยลงกันถ้วนหน้า

• ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ลดลง เพราะการคำนวณแบบใหม่เนี่ย จะคิดจากฐานของเงินต้นเฉพาะงวดนั้นๆ ไม่ได้นำเงินต้นทั้งก้อนมาคิดดอกเบี้ย 

• ลูกหนี้จะมีความสามารถในการจ่ายคืนได้มากกว่าเดิม เพราะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยผิดนัดชำระเยอะเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว ก็มีเงินเหลือมาจ่ายหนี้ในงวดที่เหลืออยู่นั่นเอง

• มีความเป็นธรรมมากขึ้น การคำนวณดอกเบี้ยเป็นไปตามรูปแบบในต่างประเทศ

• เพิ่มช่วงเวลาผ่อนผันสำหรับลูกหนี้ที่จะจ่ายคืนได้ โดยไม่ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระด้วย เหมือนแบบชั้นให้โอกาสสุดท้ายเทอแล้วนะประมาณนั้น :)

---

🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈

---

• การจ่ายเงินล่าช้าเนี่ย แม้ว่าจะแค่ 1 เดือนก็ตาม นอกจากจะต้องเสียดอกที่งอกเพิ่มขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ร้ายแรงกว่าก็คือเสียประวัติ เพราะข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปยังบริษัทเครดิตบูโร ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เก็บข้อมูลการทำธุรกรรมต่างๆ อีกด้วย

• พอเราติดเครดิตบูโรแล้ว ก็เหมือนเป็น Blacklist เวลาจะไปติดต่อขอกู้เงินจากที่อื่นก็จะไม่ผ่าน เพราะสถาบันการเงินจะขอข้อมูลจากเครดิตบูโรมาวิเคราะห์ พอเห็นว่าเราจ่ายเงินไม่ตรงเวลา เครดิตก็จะเสีย สุดท้ายก็จะไม่ได้รับอนุมัติให้กู้เงิน

• การจ่ายหนี้คืนให้ตรงเวลา ถือเป็นวินัยที่ทุกคนควรจะมี เมื่อเอาเงินคนอื่นมาแล้วก็ต้องจ่ายคืน อนาคตถ้าจะต้องกู้เงินอีก ใครก็อยากให้ เพราะรู้ว่าเราจะต้องจ่ายคืนแน่นอน

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบบทความจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย