หนึ่งใน Iconic Item ที่ต้องมี ! " ผ้าพันคอ Gucci " ตำนานจากอิตาลี ไม่ได้มีดีแค่เสื้อผ้า

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer26 พ.ค. 2565 avatar writer2.7 K
หนึ่งใน Iconic Item ที่ต้องมี ! " ผ้าพันคอ Gucci " ตำนานจากอิตาลี ไม่ได้มีดีแค่เสื้อผ้า

 

เมื่อพูดถึงแบรนด์แฟชั่นที่มาแรง และมักจะสร้างความ " คาดไม่ถึง " ให้กับสายแฟได้อยู่ตลอด

คำตอบแรกที่ทุกคนนึกถึง จะเป็นแบรนด์ไหนไปไม่ได้นอกจาก Gucci

แบรนด์แฟชั่นสัญชาติอิตาลีที่ตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 101 เป็นที่เรียบร้อย

 

 

Gucci " ที่สุดของตำนานจากอิตาลี "

ผ่านมา 101 ปี กระแสก็ยังแรงดีไม่มีตก !

 

หากใครเป็นหนึ่งในสายแฟ หรือติดตามอัปเดตข่าวสารวงการแฟชั่นกันเป็นประจำ น่าจะรู้จักและเคยได้ยินชื่อของครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนปัจจุบันของ Gucci อย่างคุณ Alessandro Michele กันมาอยู่บ้าง ซึ่งจะบอกว่าลายเส้นความเป็น Gucci ผ่านสายตาของคุณ Alessandro คนนี้มีความน่าสนใจ ที่เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือ Mood & Tone ที่มีความแปลก และแหวกแนวไปจาก Gucci ยุคแรก ๆ อย่างสิ้นเชิง

 

ซึ่งเมื่อเราเอ่ยถึงแบรนด์ Gucci ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแบรนด์นี้เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมจากคนทั้งโลก อย่างล่าสุดก็เพิ่งคว้าตำแหน่ง หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่ฮอตที่สุดประจำ Q1 ของปี 2022 มา แถมยังเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้รวมในปี 2021 ให้กับบริษัท Kering หรือบริษัทแม่ของ Gucci ในสัดส่วนที่สูงถึง 35.2% ยิ่งไปกว่านั้น ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนเก่งยังได้รับรางวัล Trailblazer Awards จากเวที The Fashion Awards ในช่วงปลายปีที่ผ่านมานี้อีกด้วย รางวัลนอนมาซะขนาดนี้ ถ้าไม่เจ๋งจริง ทางเราก็ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรแล้ว

 

Alessandro MicheleAlessandro Michele ครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนปัจจุบันของ Gucci

 

ขอขยายความกันต่อนิส เผื่อเพื่อน ๆ คนไหนไม่รู้ว่าไอ้เจ้ารางวัล Trailblazer Awards นี้คือรางวัลอะไร จะบอกว่าเค้าเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้ที่มีความสามารถในการขับเคลื่อน ปลุกกระแส และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้กับวงการแฟชั่น ซึ่งการที่ Alessandro Michele ได้รับรางวัล ก็เหมือนเป็นการ ประกาศศักดา ไปในตัวว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สื่อทุกสำนัก รวมถึงเหล่าสายแฟทั้งหลาย เตรียมจับตาดูความเคลื่อนไหวของ Gucci กันให้ดี ๆ เพราะแบรนด์นี้ยังมีอะไรรอเซอร์ไพรส์ทุกคนกันอีกเพียบ 

 

สำหรับใครที่อยากจะรู้ที่มา-ที่ไปของแบรนด์นี้กันคร่าว ๆ จะบอกว่าจุดเริ่มต้นของ Gucci เค้ามาจาก กระเป๋าเดินทาง ซึ่งกระเป๋าเดินทางที่ว่าก็ไม่ไก่กานะจ๊ะ แต่เค้าเป็นกระเป๋าเดินทางสุดหรู ที่ทำออกมาเพื่อนักเดินทางกระเป๋าหนัก หลังจากนั้นก็มีการปรับเปลี่ยน Product จากกระเป๋าเดินทางก็เขยิบมาเป็นกระเป๋าถือสำหรับคุณผู้หญิง อย่างกระเป๋าที่เป็น Iconic ของแบรนด์มาตั้งแต่ยุคแรก ๆ เลยก็ได้แก่เจ้า Bamboo Bag ใบนี้

 

Bamboo Bag Iconic Handbag ที่สร้างชื่อให้กับ Gucci

 

หลังจากนั้น Gucci ก็ได้ปรับเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองมาเรื่อย ๆ ตามความชอบและความถนัดของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ที่รับตำแหน่งอยู่ในตอนนั้น อย่างที่ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงกันอยู่พักใหญ่ ก็ได้แก่สไตล์แฟชั่นที่หวือหวา มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องเพศแบบโจ่งแจ้งของ Tom Ford ที่ตอนนี้ก็ได้ออกมาทำแบรนด์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จนมาถึงสไตล์ของ Alessandro Michele ที่ได้ปรับลุคของ Gucci ให้มีสีสันและจับต้องได้มากขึ้น ซึ่งดูเหมือนว่าการพลิกโฉมของ Alessandro ครั้งนี้ เป็นการพลิกโฉมที่ประสบความสำเร็จเกินคาด จนกลายเป็นลายเส้นที่ชัด และสร้างเอกลักษณ์ให้ Gucci ไปแล้วเรียบร้อย

 

และต่อให้หลายคนจะรู้จักกับแบรนด์ Gucci ผ่านเสื้อผ้า, กระเป๋า, รองเท้า หรือแม้แต่พรีเซนเตอร์ แต่จะบอกว่าจริง ๆ แล้ว Product ที่น่าสนใจของ Gucci ไม่ได้มีอยู่แค่นี้ ถ้าไม่นับการคอลแลปส์กับแบรนด์ต่าง ๆ ที่สามารถเรียกกระแสฮือฮาได้อยู่ตลอด จะบอกว่าไลน์ Accessories ของเค้าก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นที่วันนี้เราจะหยิบมาพูดถึงกันนั่นก็คือ ผ้าพันคอ ที่มักจะมาพร้อมกับลวดลาย Iconic ของแบรนด์ ที่นอกจากจะมีลาย GG ที่หลายคนอาจจะเคยผ่านตากันมาบ้างแล้ว เค้ายังมีลวดลายอื่น ๆ ที่น่าสนใจ แถมยังมาพร้อมกับสตอรี่ในตัวเอง และที่สำคัญต้องบอกไว้ ณ ตรงนี้เลยว่าแต่ละลวดลายของเค้าก็ยังคงคอนเซ็ปต์อย่าง Timeless Design ที่ต่อให้เราจะหยิบจับมาใช้งานเมื่อไหร่ ก็ยังคงความทันสมัยได้อยู่ตลอด  

 


 

เปิดคอลเลกชันลายพิมพ์ที่น่าสนใจของ Gucci

พร้อมป้ายยาไอเทมที่ควรมีติดตู้ !

 

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า Tastes ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  สำหรับไอเทมที่เราหยิบมาป้ายยา บางคนอาจจะมองว่าไอเทมอย่างผ้าพันคอเป็นอะไรที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องมีก็ได้ เพราะซื้อมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพันออกไปไหน อากาศเมืองไทยร้อนซะขนาดนี้ ในขณะที่บางคนอาจจะไม่เกี่ยง คือต่อให้จะใช้พันคอในชีวิตจริงไม่ได้ แต่เราก็สามารถเอามา Mix and Match เป็นผ้าผูกผม, โพกผม หรือบางคนอาจจะเอามาผูกกระเป๋าเก๋ ๆ แทน แค่นี้ก็ถือว่าได้ใช้แล้ว

 

เอาเป็นว่าทางเราเลยอยากจะขอขึ้นคำเตือนไว้ก่อน ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความชอบ คือถ้าใครที่รักในแบรนด์นี้อยู่แล้ว และอยากจะรู้ดีเทลของลวดลายต่าง ๆ ของทาง Gucci กันให้มากขึ้น เราก็หวังว่าคอนเทนต์นี้จะทำให้ทุกคนอินกับความเป็น Gucci กันได้มากกว่าเดิม ส่วนใครจะซื้อหรือไม่ซื้อ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกยูเลยโอเคไหม

 

 

อ่ะ เม้าท์มอยกันมาเยอะ ทางเราขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน สำหรับลวดลายแรกที่เราหยิบมาพูดถึงนี้ ว่ากันว่าเป็นลายพิมพ์ที่ถูกทำออกมา ครั้งแรกของ Gucci  โดยทาง Gucci เค้าได้เรียกลายพิมพ์นี้ว่า GG Diamond และอย่างที่หลายคนน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าตัวอักษร GG นี้ย่อมาจากชื่อของ Guccio Gucci ผู้ก่อตั้งแบรนด์

 

โดยเจ้าลาย GG Diamond เค้าก็ได้หยิบเอาเจ้า Logo ที่เป็น Signature ของแบรนด์มาผสมผสานกับรูปทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีการหมุนสลับกลับด้านให้มันดูเหมือนเพชรที่เชื่อมต่อถึงกัน โดยตัวลายได้ถูกวางไว้บนพื้นสีเข้มตัดกับสีของตัวลายพิมพ์ที่ทางแบรนด์เลือกใช้เป็นสีแดง สลับกับสีขาว ดูมีความเป็นสามมิติเบา ๆ แถมยังดึงความโดดเด่นของตัวอักษร GG ที่อยู่บนลายพิมพ์ออกมาได้ดี

 

 

ซึ่งครั้งแรกที่ได้มีการหยิบเอาลายนี้มาใช้ ทาง Gucci เค้าได้นำมันมาใช้กับพื้นผิวที่อยู่ด้านในของตัวกระเป๋าเดินทางก่อน หลังจากนั้นก็ได้มีการหยิบเอาลายนี้มาใช้กับ Product อื่น ๆ บ้าง อย่างที่เห็นจากภาพด้านบนก็จะเป็นตัว Pocket Square หรือผ้าที่เอาไว้สำหรับตกแต่งกระเป๋าเสื้อสูทของคุณผู้ชาย ช่วยเสริมลุคธรรมดา ๆ ให้ดูแพง ดูมีอะไรขึ้นมาได้ สำหรับค่าตัวของเจ้า Pocket Square ลาย GG Diamond ผืนนี้ มีค่าตัวอยู่ที่ ผืนละ 5,600 บาทโดยประมาณนะคะ

 


 

 

ถัดจากลายพิมพ์แรกกันไปแล้ว เรามาต่อกันที่อีกหนึ่งลายที่เรียกได้ว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับเค้ามากที่สุด ได้แก่ ลาย Ophidia GG ที่อยู่บนพื้นสีน้ำตาลแบบนี้ ซึ่งเราสามารถพบเห็นกันได้บ่อยมาก ไม่ว่าจากลวดลายของกระเป๋า, เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งผ้าพันคอเอง โดยลายพิมพ์นี้จะให้ความรู้สึกวินเทจ ดูมีสตอรี่ ที่สามารถ สื่อสารออกมาผ่านทางลวดลายนี้ได้เลย

 

โดยลาย Ophidia GG นี้ถือว่าเป็นลาย Iconic ของแบรนด์เลยก็ว่าได้ นอกจากจะให้ความวินเทจแล้ว ยังดูหรูหรา มีเรื่องราวในแบบที่ Gucci ต้องการจะสื่อสาร แต่ก็ใช่ว่าลาย Ophidia GG จะถูกทำออกมาให้ดูวินเทจได้อย่างเดียว เพราะทันทีที่ลายนี้ตกมาอยู่ในมือของ Alessandro Michele ซึ่งเราก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเค้าได้เปลี่ยนลุคของ Gucci ให้ดูมีสีสัน สนุกสนาน และจับต้องได้มากขึ้น ดังนั้นเค้าเลยได้ครีเอทเจ้า Ophidia GG นี้ออกมาใหม่ แถมยังสนุกสนานกว่าเดิม ด้วยการใส่สีสันให้ลายพิมพ์ ไปจนถึงการจับไปคอลแลปส์กับแบรนด์ดังต่าง ๆ จากเดิมที่ดูมีเอกลักษณ์อยู่แล้ว ก็ยิ่งทำให้ดูมีอะไรไปอีก

 

| ตัวอย่างผ้าพันคอพิมพ์ลาย Ophidia GG

 

 


 

 

ถัดจากงานลวดลาย เราขอเบรกด้วยโทนสีที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของทาง Gucci ที่ ไม่พูดถึงคงจะไม่ได้  เพราะ Gucci ได้หยิบเอา 2 คู่สีนี้มาเล่นบ่อยมาก ซึ่งนั่นก็ได้แก่ สีเขียว และ สีแดง 

 

สำหรับต้นกำเนิดของคู่สีเขียว และสีแดง ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1951 หลังจากที่ทาง Gucci ได้ออก Product ที่ผลิตด้วยหนัง รวมถึงสีโทนเข้ม ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมถึงต้องเป็นสีเขียวและสีแดง จากข้อมูลที่เราได้ไปทำการค้นคว้ามา ว่ากันว่า สีเขียวและสีแดงนี้เป็นการพรีเซนต์ให้เห็นถึงความภาคภูมิใจของแบรนด์ ที่ค่อย ๆ จุดประกายมาตลอดทุกยุคทุกสมัย ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอในคุณภาพรวมถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ จึงกลายเป็นที่มาของสีเขียว และสีแดงนี้นั่นเอง

 

ซึ่งนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ Gucci ได้หยิบเอาสีสันมาใส่ไว้ใน Product ของตัวเอง โดยแถบสีที่ว่านี้ประกอบไปด้วย แถบสีเขียวเข้ม 2 แถบ แถบสีแดง 1 แถบ โดยการวางแถบสีมักจะวางเรียงกัน 3 แถบ แถบสีแดงจะถูกวางไว้อยู่ตรงกลางเสมอ  ก่อนจะคร่อมด้วยแถบสีเขียว 2 แถบ ซึ่งเจ้าแถบสีทั้ง 3 แถบนี้ถูกนำไปโชว์ตัวอยู่บน Product หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือ, เข็มขัด, กระเป๋าสตางค์ หรือจะเป็นสายกระเป๋าคาดอกของคุณผู้ชายก็เคยมีมาแล้ว

 

 

จนกระทั่งถึงยุคของ Alessandro Michele ที่ถึงแม้ว่าเค้าจะหยิบเอาแถบสีออกมาเล่นน้อยกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่เค้าก็ไม่ได้ลืม 2 คู่สีอันเป็นเอกลักษณ์นี้เลย คือต่อให้ไม่ได้ถูกวางไว้เป็นแถบ ๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่ 2 คู่สีนี้ก็ยังคงถูกนำมาใช้บน Product ของ Gucci อยู่ ตัวอย่างเช่น 

 

 

จะเห็นได้ว่าต่อให้ Product ชิ้นนั้นจะไม่ได้วางคู่สีเรียงกันเป็น 3 แถบเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ยังคงให้ความรู้สึกว่านี่มันเป็นสีของ Gucci อยู่ดี ซึ่งตั้งแต่สมัยของ Alessandro Michele เป็นต้นมา เราจะได้เห็น Product ที่มีคู่สีอย่างสีเขียว และสีแดงนี้กันอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้อยู่ใน Pattern เดิม ๆ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาก็เท่านั้น

 


 

 

นอกจากลวดลายและโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ Gucci แล้ว ยังมีบรรดา Special Collection ที่ทาง Gucci มักจะชอบปล่อยออกมาเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยส่วนมากแล้วก็จะเป็นการหยิบเอาลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของแบรนด์ มาผสมผสานกับลวดลาย หรือการออกแบบใหม่ ๆ จนกลายมาเป็นสินค้าในคอลเลกชันพิเศษนั่นเอง

 

อย่างลวดลายด้านบนนี้ได้ถูกออกแบบโดยศิลปินชาวอิตาลีที่มีชื่อว่า ​Vittorio Accornero ซึ่งเป็นลวดลายที่อยู่บนผ้าพันคอลายโมโนแกรมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gucci ที่ถูกนำมาผสมผสานกับลายดอกไม้, แมลง รวมถึงพืชพันธุ์ต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 43 ชนิด ใช้สีทั้งหมด 37 สี ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็น หนึ่งในการออกแบบที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Gucci  โดยมีชื่อว่า Flora

 

Princess Grace Kellyเจ้าหญิงเกรซ เคลลี กับผ้าพันคอ Gucci ลาย Flora

 

โดยผ้าพันคอลายพิเศษนี้ได้ถูกนำไปมอบให้กับเจ้าหญิงเกรซ เคลลี แห่งโมนาโก เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1966 ซึ่งทางด้านของเจ้าหญิงเกรซเองก็เป็นแฟนตัวยงของ Gucci อยู่แล้ว ดังนั้นผ้าพันคอคอลเลกชันพิเศษนี้เลยเป็นเหมือนของขวัญที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อเจ้าหญิงเกรซโดยเฉพาะ แต่กระซิบว่าตอนนี้เราสามารถช็อปมาสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงเกรซได้เหมือนกันนะ แถมมีให้เลือกหลายแบบเลยล่ะ

 

 


 

นอกจากบรรดาลวดลาย Iconic ต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว จะบอกว่า Gucci เค้ายังมีไอเทม Accessories ที่น่าสนใจอีกเพียบ ถ้าให้ทางเราคัดไอเทมเด็ดที่ชอบมาป้ายยา เราขอป้ายยาทุกคนกันด้วยบรรดาไอเทมเหล่านี้

 

📌  Gucci Floral print silk scarf 📌

 

Floral print silk scarf

 

สำหรับไอเทมแรก ได้แก่ ผ้าพันคอที่ได้ Inspire มาจากลวดลายดั้งเดิมอย่าง Flora ที่ทางแบรนด์ได้หยิบมาครีเอทใหม่เป็นลวดลายอย่างที่เราเห็นกันด้านบน ซึ่งผ้าพันคอลาย Flora โฉมใหม่นี้ได้อยู่ในคอลเลกชันที่มีชื่อว่า Gucci Love Parade นั่นเอง โดยผ้าพันคอลายนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีฟ้า, สีเหลือง และสีแดง บอกเลยว่าดีงามทุกสีจริง ๆ นอกจากจุดเด่นอย่างลายดอกไม้ที่น่ารักแล้ว บริเวณขอบของตัวผ้าเค้ายังมีลวดลายของคำว่า Gucci เป็นกิมมิกเก๋ ๆ ให้ผ้าพันคอผืนนี้ดูมีอะไรอีกด้วย

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 16,938 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  Gucci Optical torchon print silk scarf 📌

 

Optical torchon print silk scarf

 

มาต่อกันที่ผ้าพันคออีกหนึ่งผืนที่อยู่ในคอลเลกชัน Gucci Love Parade เช่นเดียวกัน  สำหรับผ้าพันคอผืนนี้จุดเด่นเค้าจะอยู่ที่ลวดลาย ที่ให้ความรู้สึกวินเทจ และหรูหราไปพร้อมกัน มีการเล่นกับสีโทนชมพู, ส้ม ผสมงาช้าง อีกทั้งตัวผ้าของเค้ายังมีลวดลายที่มาจากวลีในภาษาละตินอย่างคำว่า Gucci Sine Amore Nihil ที่แปลว่า หากปราศจากความรัก ชีวิตก็ไร้ความหมาย  อยู่รอบ ๆ ทั้ง 4 ด้านของผ้าพันคอ หากใครที่เป็นสายวินเทจ และอยากได้ผ้าพันคอที่ให้ฟีลผู้ดี ๆ หน่อย ทางเราขอชูป้ายไฟไปที่ผืนนี้เลยจ้า

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 16,938 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  The North Face x Gucci wool Scarf 📌

 

The North Face x Gucci

 

มาในส่วนของงานคอลแลปส์กันบ้าง อย่างผ้าพันคอผืนนี้ทาง Gucci ได้จับมือคอลแลปส์กับ The North Face ที่ได้ร่วมกันออกแบบผ้าพันคอไหมพรมสีหวาน ๆ สามารถใช้ได้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง จากเดิมที่เราอาจจะติดภาพความสีสัน ความฉูดฉาดของ Gucci แต่งานคอลแลปส์นี้บอกเลยว่าเค้ามาในโทนมินิมอล ๆ ซึ่งถือว่าเป็นสไตล์ที่หาดูได้ยากจาก Gucci

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 19,854 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  Gucci Interlocking G Horsebit Silk Scarf 📌

 

Interlocking G Horsebit

 

ไหน ๆ ก่อนหน้านี้เราก็ได้พูดถึงโทนสีเขียว-แดง คู่หูโทนสีอันเป็นเอกลักษณ์ของ Gucci กันไปแล้ว เลยขอหยิบเอาผ้าพันคอผืนนี้มาป้ายยากันสักหน่อย ซึ่งนอกจากคู่หูสีเขียว และแดงแล้ว อีกหนึ่งความน่าสนใจของผ้าพันคอผืนนี้อยู่ที่ลวดลาย Horsebit อีกหนึ่ง Iconic ของแบรนด์ Gucci

 

สำหรับผ้าพันคอผืนนี้ได้หยิบเอาเจ้า Horsebit มาทำเป็นลวดลาย คู่กันกับแถบสีเขียว และแดง จนกลายเป็นการผสมผสานลวดลายที่สวยงามตามแบบที่เห็นกัน ก็คือซื้อผืนเดียว แต่เหมือนได้จุดเด่นของ Gucci ไปถึง 2 กันเลย

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 16,943 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  Gucci Feather neck bow 📌

 

Feather neck bow

 

เปลี่ยนบรรยากาศจากผ้าพันคอ มาหยุดอยู่ที่โบว์ผูกคอเส้นนี้กันบ้าง จะบอกว่ากิมมิกของโบว์ผูกคอเส้นนี้ นอกจากจะมีความอลังการดาวล้านดวงแล้ว ไอเดียของการออกแบบ เค้าได้แรงบันดาลใจมาจากอดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์ที่เคยสร้างชื่อให้กับ Gucci อย่าง Tom Ford ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า โบว์ผูกคอเส้นนี้เค้าแอบมีกลิ่นอายของความเซ็กซี่เบา ๆ ซึ่งตรงกับสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของอดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์อย่าง Tom Ford เป๊ะ

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 29,431 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  Gucci Interlocking G Stripe headband 📌

 

Interlocking G stripe headband

 

จะบอกว่าเหตุผลที่ทางเราหยิบเอาที่คาดผมอันนี้มา ก็เพราะว่าน้องเค้าทำให้เรานึกถึงยุคเก่า ๆ อย่างพวกเทปเต้นแอโรบิกสมัย โอ้ว จอร์ชมันยอดมาก  บวกกับโทนสีที่ทางแบรนด์เลือกใช้ ซึ่งได้แก่สีขาว สลับดำที่ให้ความเท่ และสปอร์ตในเวลาเดียวกัน ผู้ชายสามารถใช้ได้ ผู้หญิงก็สามารถใช้ได้ แม้ว่าลวดลายอาจจะดูเรียบ ๆ แต่ก็สามารถสร้างความโดดเด่นได้ด้วย Logo Gucci ที่อยู่บริเวณด้านหน้าอย่างที่เห็น

 

  • ราคา (โดยประมาณ) : 9,927 บาท
  • พิกัดช็อป : คลิก

 


 

📌  adidas x Gucci Stripe print cotton scarf 📌

 

adidas x Gucci stripe print

 

ปิดท้ายกันที่งานคอลแลปส์ล่าสุดระหว่าง adidas กับ Gucci ที่กำลังต่อคิวรอเปิดตัวให้ทุกคนได้จับจองเป็นเจ้าของกันในวันที่ 7 มิถุนายนที่จะถึงนี้ แต่ทางเราอดใจไม่ไหว เลยขอหยิบเอาผ้าพันคอสุดเก๋ผืนนี้มาป้ายยาให้กับทุกคนกันก่อน สำหรับกิมมิกของงานคอลแลปส์ครั้งนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นอายของแฟชั่นยุค 70s ที่มีความจัดจ้าน ผสมผสานกับความเป็น Sportswear ของ adidas จนกลายมาเป็นบรรดา Product ต่าง ๆ ที่ถูกดีไซน์ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า รวมไปถึงผ้าพันคอสุดแนวผืนนี้ ที่ถึงแม้ว่ายังไม่ได้มีการเคาะราคาอย่างเป็นทางการออกมา แต่สีสันและลวดลายบนผ้าก็คือได้ใจทางเราไปแล้วเรียบร้อย

 

  • นับถอยหลังเตรียมช็อปกันได้ที่ : คลิก

 


 

💭 นอกจากเราจะรู้จักกับแบรนด์ Gucci ผ่านบรรดา Product ต่าง ๆ ของเค้ากันอยู่แล้ว จะบอกว่าองค์ประกอบสำคัญอย่างพวกลายผ้า, Logo หรือว่าจะเป็นการเลือกใช้สีสันต่าง ๆ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้คนจดจำภาพของ Gucci ไปในทิศทางเดียวกัน และจะเห็นได้ว่าถึงแม้แฟชั่นของแบรนด์นี้จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ แต่องค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญต่าง ๆ มันไม่ได้หายไปด้วย มีแต่จะถูกนำมา Remind และพัฒนาให้ดีขึ้น จนกลายเป็นลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่อยู่ในกระแสของแฟชั่นได้อยู่เสมอ

 

ยังไงก็หวังว่าบรรดาข้อมูลต่าง ๆ ที่เราได้นำเสนอไป จะทำให้ทุกคนรู้จักกับ Gucci กันได้มากขึ้น ซึ่งเราก็ค่อนข้างมั่นใจเลยว่าในอนาคตข้างหน้า แบรนด์นี้น่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์พวกเรากันอีก และหวังว่าเราจะได้พบกันใหม่ในคอนเทนต์ Gucci ตัวถัดไป เอาอีกสัก 111 ปีดีไหม (ถ้าทุกคนยังไม่หายไปไหนกันอะนะ 😅 )

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่

 


แหล่งข้อมูลอ้างอิง  :  gucci, editorialist, lifestyleasia และ stockx

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น
Ninun Pss
Ninun Pss
Ee
ตอบกลับ | 2 ปีที่แล้ว 0