สรุปให้! มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เฟส 2 ลดดอกเบี้ย-ขยายเวลาชำระหนี้ เริ่ม 1 ก.ค. 63
โดย : MilD
ธปท. เคาะมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ในระยะที่ 2
"ลดอัตราดอกเบี้ย-ลดค่างวด-แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาว"
พร้อมปรับเพิ่มเพดานวงเงิน ให้ลูกหนี้ที่มีความสามารถชำระเงินคืน
เพื่อช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างต่อเนื่อง
ปรบมือให้กับทุกคนหน่อยเร็ว ทุกคนเก่งมากค่ะ ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกัน กำลังจะครบ 1 เดือนแล้ว ทุกอย่างดูมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น หลายธุรกิจก็กลับมาเปิดได้อีกครั้งนึง แต่จะมีธุรกิจบางประเภทที่อาจจะต้องรออีกสักพักนึงก่อน ใจเย็นๆ กันหน่อยเน้อออ
แม้ว่าจะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายทางแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการระบาดแค่ระลอกแรก ก็ทำให้เศรษฐกิจของเราพังไม่น้อยเลย ตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัวออกมาติดลบ ประชาชนต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ธุรกิจปิดตัวเจ๊งไปก็เยอะ บางคนตกงาน ไม่มีงานทำ เงินที่จะเอามาใช้จ่ายไม่เพียงพอกับรายจ่ายแต่ละเดือน ไหนจะยังมีภาระทางการเงินอีกเพียบรออยู่ กู้หนี้ยืมสินเอาไว้มากมาย จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายล่ะ แบบนี้ก็ต้องหาตัวช่วยหน่อยแล้ว
ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่สถานการณ์แพร่ระบาดวิกฤติหนัก ทำให้สถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ ก็ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเพียบ ไม่ว่าจะเป็นพักชำระหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย, ปรับลดอัตราชำระเงินคืนขั้นต่ำ หรือปล่อยกู้สินเชื่อดอกเบี้ยอัตราพิเศษ เป็นต้น แต่หลายมาตรการจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 มิ.ย. 63 หรือช่วงไตรมาสที่ 2 นี้แล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้าง ยังไม่คลี่คลายไป บางคนก็ยังต้องหยุดงานอยู่เลย จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระของประชาชนทุกคน เชื่อว่าไม่มีใครรอดจากสถานการณ์นี้ไปได้ เจ็บกันหมดแหละ งั้นเรามาดูว่ามาตรการช่วยเหลือที่ออกมาเพิ่มเติม จะสามารถช่วยพวกเราได้มากน้อยแค่ไหนกัน?
มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้า "บัตรเครดิต"
ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์
• ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 18% เหลือ 16% ต่อปี (ลดลง 2%) ทุกคนจะได้ปรับลดเหมือนกันหมด เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 63 เป็นต้นไป
ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 63
• ปรับเพิ่มวงเงินจากเดิมสูงสุด 1.5 เท่า เป็นสูงสุด 2 เท่าของรายได้ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี รายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/เดือน และมีความต้องการใช้วงเงินเพิ่มเติมจากเดิม โดยขยายวงเงินเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64
• สำหรับคนที่มีสถานะลูกค้าปกติ ผ่อนชำระได้อยู่ แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สามารถแปลงเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 เดือน หรือขยายระะยะเวลาชำระหนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 12% ต่อปีโดยพิจารณาวงเงินที่เหลือตามความสามารถในการชำระหนี้คืน
• ส่วนคนที่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระเงินคืนได้แล้ว มีสถานะเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) สามารถเข้ารับบริการ "คลินิกแก้หนี้" ผ่านเว็บไซต์ https://www.debtclinicbysam.com ซึ่งให้บริการโดย บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ให้บริการที่เรามีภาระผูกพันอยู่ ตามความสามารถชำระคืนของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งมีแนวทางแก้ไขลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้
มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้า "สินเชื่อบุคคล"
ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์
• ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 28% เหลือ 25% ต่อปี (ลดลง 3%) ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ ทุกคนจะได้ปรับลดเหมือนกันหมด เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 63 เป็นต้นไป
ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 63
• ปรับเพิ่มวงเงินจากเดิมสูงสุด 1.5 เท่า เป็นสูงสุด 2 เท่าของรายได้ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีประวัติการชำระเงินที่ดี รายได้ไม่ถึง 30,000 บาท/เดือน และมีความต้องการใช้วงเงินเพิ่มเติมจากเดิม โดยขยายวงเงินเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64
• สำหรับลูกหนี้ของสินเชื่อบุคคล โดยยังสามารถจ่ายเงินคืนได้อยู่ แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และต้องการความช่วยเหลือ ก็มีมาตรการช่วยเหลือให้เลือกได้ตามความต้องการเลย
- แบบวงเงินหมุนเวียน เช่น บัตรกดเงินสด สามารถขอลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ ตามความสามารถในการชำระคืน หรือแปลงเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 เดือน หรือขยายระะยะเวลาชำระหนี้ คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปีโดยพิจารณาวงเงินที่เหลือตามความสามารถในการชำระหนี้คืน
- ผ่อนชำระเป็นงวด สามารถขอลดค่างวด 30% คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี
• ส่วนคนที่ประสบปัญหาไม่สามารถชำระเงินคืนได้แล้ว มีสถานะเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) สามารถเข้ารับบริการ "คลินิกแก้หนี้" ผ่านเว็บไซต์ https://www.debtclinicbysam.com ซึ่งให้บริการโดย บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ให้บริการที่เรามีภาระผูกพันอยู่ ตามความสามารถชำระคืนของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งมีแนวทางแก้ไขลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้
มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้า "สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์"
ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์
• ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยจากเดิม 28% เหลือ 24% ต่อปี (ลดลง 4%) ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ ทุกคนจะได้ปรับลดเหมือนกันหมด เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ส.ค. 63 เป็นต้นไป
ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 63
• สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ สามารถขอลดค่างวด 30% คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 22% ต่อปี
• ส่วนกลุ่มที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามมาตรการช่วยเหลือปกติ ก็สามารถเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ให้บริการที่เรามีภาระผูกพันอยู่ ตามความสามารถชำระคืนของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งมีแนวทางแก้ไขลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ และชะลอการยึดทรัพย์หลักประกัน กรณีที่อยู่อาศัย หรือยานพาหนะที่ลูกหนี้ใช้สร้างรายได้ออกไปก่อน เพราะลูกหนี้ที่มีพฤติกรรมดีอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 จะได้ใช้ทำมาหากินสร้างรายได้ และนำเงินกลับมาจ่ายคืนอีกครั้งนึง
ถ้าหากลูกหนี้คนไหน มีปัญหาไม่สามารถเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ได้ สามารถติดต่อผ่านช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213 เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไปได้เช่นกัน
มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้า "สินเชื่อเช่าซื้อ"
ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 63
• สำหรับลูกหนี้ที่ยังปกติอยู่ แต่ได้รับผลกระทบ สามารถเลือกได้จาก 1 ใน 2 ของมาตรการช่วยเหลือ ไม่จำกัดเงินวงเงินสูงสุด (1) เลื่อนชำระค่างวด ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน หรือ (2) ลดค่างวด โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้
• ส่วนกลุ่มที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามมาตรการช่วยเหลือปกติ ก็สามารถเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ให้บริการที่เรามีภาระผูกพันอยู่ ตามความสามารถชำระคืนของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งมีแนวทางแก้ไขลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ และชะลอการยึดทรัพย์หลักประกัน กรณีที่อยู่อาศัย หรือยานพาหนะที่ลูกหนี้ใช้สร้างรายได้ออกไปก่อน เพราะลูกหนี้ที่มีพฤติกรรมดีอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 จะได้ใช้ทำมาหากินสร้างรายได้ และนำเงินกลับมาจ่ายคืนอีกครั้งนึง
ถ้าหากลูกหนี้คนไหน มีปัญหาไม่สามารถเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ได้ สามารถติดต่อผ่านช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213 เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไปได้เช่นกัน
มาตรการช่วยเหลือสำหรับลูกค้า "สินเชื่อบ้าน"
ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ เพื่อเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 63
• สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่มีสถานะปกติ และต้องการรับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน สามารถเลือกได้จาก 1 ใน 3 ของมาตรการช่วยเหลือที่กำหนด ไม่จำกัดวงเงินสูงสุด (1) เลื่อนชำระค่างวด ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน หรือ (2) เลื่อนชำะเงินต้น 3 เดือน พร้อมลดดอกเบี้ยตามความเหมาะสม หรือ (3) ลดค่างวด โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ เลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะ
• ส่วนกลุ่มที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) ประสบปัญหาไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ตามมาตรการช่วยเหลือปกติ ก็สามารถเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้กับผู้ให้บริการที่เรามีภาระผูกพันอยู่ ตามความสามารถชำระคืนของลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งมีแนวทางแก้ไขลักษณะเดียวกับคลินิกแก้หนี้ และชะลอการยึดทรัพย์หลักประกัน กรณีที่อยู่อาศัย หรือยานพาหนะที่ลูกหนี้ใช้สร้างรายได้ออกไปก่อน เพราะลูกหนี้ที่มีพฤติกรรมดีอาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 จะได้ใช้ทำมาหากินสร้างรายได้ และนำเงินกลับมาจ่ายคืนอีกครั้งนึง
ถ้าหากลูกหนี้คนไหน มีปัญหาไม่สามารถเข้าสู่การปรับโครงสร้างหนี้ได้ สามารถติดต่อผ่านช่องทาง “ทางด่วนแก้หนี้” ของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร. 1213 เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีไปได้เช่นกัน
สิทธิพิเศษเพิ่มเติม สำหรับลูกหนี้ที่ยังสามารถชำระคืนได้ปกติ
ไม่ต้องน้อยใจไปก่อนล่ะ สำหรับลูกค้าที่ยังสามารถชำระหนี้คืนได้ตามปกติ แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือที่ออกมา สถาบันการเงินแต่ละแห่ง ก็สามารถออกสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมอบให้ได้ เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย หรือให้เป็นเงินคืนพิเศษ (Cashback) เป็นกรณีไปได้ เพื่อจูงใจให้ยังคงสถานะจ่ายคืนเหมือนเดิม แต่ความจริงแล้วหากเราเป็นลูกหนี้ที่ยังคงสามารถจ่ายเงินคืนได้ตามกำหนด มีข้อดีอีกเยอะแยะเลย
• ภาระผูกพันลดลงเรื่อยๆ พอเราจ่ายเงินคืนตามกำหนดแล้ว ก็ทำให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง หรือไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเลย (กรณีจ่ายบัตรเครดิตคืนเต็มจำนวน) เป็นผลดีกับตัวเองอีกต่างหาก
• เครดิตของตัวเราสูงขึ้น เมื่อเรายังสามารถจ่ายเงินคืนได้ตามปกติ เป็นการรักษาเครดิตที่ดีเอาไว้ อนาคตเวลาทำธุรกรรมทางการเงินก็ไม่มีปัญหา ขอกู้ที่ไหนก็มีแต่คนอยากอนุมัติให้ เพราะรู้ว่ายังไงก็ได้เงินคืนแน่นอน
• หมดความเครียดทางการเงิน อันนี้เป็นเรื่องของจิตใจนิดหน่อย ถ้าเราเป็นหนี้คนอื่นอยู่ จิตใจก็จะกังวลอยู่ตลอด เปรียบเทียบกับคนที่จ่ายเงินคืนตามกำหนดได้ตลอดเวลา ก็สบายใจหายห่วง ไม่มีอะไรต้องคิดเยอะแยะ ทำให้สามารถใช้เวลาไปกับเรื่องอื่นๆ ได้อีกเยอะเลย
"การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ" ยังคงใช้ได้ในทุกวันนี้
🌈 ปันโปรสรุปให้ 🌈
• มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย จะช่วยเหลือทั้งในส่วนของลูกหนี้เอง รวมถึงสถาบันการเงินที่ได้ปล่อยกู้เงินด้วย เพราะแต่ละฝ่ายล้วนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจกันทั้งนั้น เพราะถ้าใครคนนึงไปไม่รอดแล้ว ก็สามารถล้มกันหมดได้
• แต่ละมาตรการมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันออกไป แนะนำให้ตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วน ก่อนยอมรับเงื่อนไขทุกครั้ง โดยแต่ละธนาคารก็มีช่องทางไม่เหมือนกัน สามารถติดต่อสถาบันการเงินที่เราทำธุรกรรมได้เลย เพื่อขอความช่วยเหลือ ยังไงก็ต้องมีทางออกแน่นอน
• ถ้ายังมีความสามารถจ่ายเงินคืนอยู่ก็ให้ทำตามปกติไป เพราะเป็นผลดีกับตัวเราเองด้วย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เข้าร่วมมาตรการได้ เพราะเบี้ยวจ่ายแล้วหนีหายไป ไม่จ่ายหนี้ ผลเสียก็ตกที่ตัวเราเอง หากถูกขึ้นบัญชีดำขึ้นมา อนาคตจะลำบากแล้วนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย
โดย MilD
รักที่จะเรียนรู้ อยู่อย่างมีชีวิตชีวา เพราะไม่ว่าโปรโมชั่นจะอยู่ที่ไหน เราต้องตามหามันให้เจอ <3
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ