Apple Store เซ็นทรัลเวิลด์ ส่งไม้ต่อความยิ่งใหญ่จากสาขาไอคอนสยาม
โดย : MilD
Apple ยึดทำเลทองใจกลางเมือง สี่แยกราชประสงค์
พร้อมเปิดสาขาที่ 2 ของไทย "Apple Central World" อย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 63 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป
รอช้าไม่ได้! ต้องพาไปชม Apple Store สาขาใหม่กันหน่อยแล้วว~
หลังจากต้องรอคอยกันมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปี นับตั้งแต่ Apple ได้ปักหมุดเปิดสาขาแรกในไทย ที่ศูนย์การค้า ICONSIAM เมื่อช่วงปลายปี 2561 ซึ่งตอนนั้นถือว่ากระแสแรงมากๆ ไม่ว่าใครที่แวะมาเดินไอคอนสยามแล้ว ก็ต้องแวะไปเช็คอิน ถ่ายรูปร้าน Apple Iconsiam กันให้ได้เลย ข่าวตอนนั้นก็บอกว่าไม่ได้เปิดแค่สาขาเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกสาขานึง ทำเลตั้งอยู่ใจกลางเมืองอีกแห่งนึงด้วย ซึ่งในที่สุดก็รู้ว่าจะตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า centralwOrld บริเวณสี่แยกราชประสงค์นั่นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าแพลนจะเปิดเมื่อไหร่
ภาพบรรยากาศร้าน Apple Iconsiam ซึ่งด้านหน้าจะเป็น ICONSIAM Park
และในที่สุดร้าน Apple Store สาขาที่ 2 ของประเทศไทย "Apple Central World" ก็ได้ฤกษ์อวดโฉมพร้อมให้ทุกคนได้มาเยี่ยมชมกันได้แบบ Official แล้วในวันที่ 31 ก.ค. 63 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เป็นวันศุกร์สิ้นเดือนพอดี แบบนี้ไม่ต้องกลัวเหงา เพราะเหล่าสาวกพร้อมมากแน่นอน ซึ่งใครที่จะไปในวันเปิดตัวก็ต้องจองคิวออนไลน์ล่วงหน้าก่อนด้วย และคิวก็ได้ถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว แต่เราจองทันด้วย 555 ก็ต้องเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันหน่อยแล้วล่ะ
ที่นี่ก็คือ Apple Central World สาขาที่ 2 ของประเทศไทย
ซูมเข้าไปที่ Logo ซะหน่อย ไม่ว่าใครมาแล้วก็ต้องแชะรูปตรงนี้
ความจริงยังมีโลโก้อีกอันนึง อยู่ทางด้านแยกราชประสงค์ด้วยแหละ
ผู้คนมาต่อคิวเข้าแถวรอเข้าภายในร้านเยอะเลย สำหรับวันแรกเฉพาะคนที่จองคิวมาแล้ว
พื้นที่ Product Zone บริเวณชั้น 1 และ 2 กว้างขวาง สนใจตัวไหนจัดเลย
โซน Forum บริเวณชั้น 2 พร้อมจอ Video Wall สำหรับจัดเซสชั่น Today at Apple ในอนาคต
คราวนี้ลองมาดูกันว่าร้าน Apple Central World จะมีจุดเด่นอะไร น่าสนใจกันบ้าง?
Apple Central World ดีไซน์โดยใช้กระจกโดยรอบ มองเห็นได้ทุกทิศทาง
Apple Central World ได้เลือกใช้สถาปัตยกรรมอย่างโดดเด่น ออกแบบโดยใช้กระจกทั้งหมดเป็นครั้งแรกของโลก ทำให้สามารถมองเห็นภายในร้านได้แบบรอบทิศทาง ไม่อยู่จะอยู่มุมไหนก็ตาม อยู่ใต้หลังคา Tree Canopy ที่ยื่นออกมา ตกแต่งโดยใช้แผ่นไม้มาต่อกันอย่างไร้ที่ติ โดยภายในแกนกลางของไม้ ก็คือโครงสร้างหลักของร้านด้วยนั่นเอง โดยรอบของแกนไม้เป็นบันไดวน ซึ่งทำมาจากสแตนเลสขัดเงา ทำให้ดูมีมิติและสวยงามมากขึ้น สามารถเดินเชื่อมต่อระหว่างชั้นบน ชั้นล่าง และชั้นใต้ดิน
มองจากภายนอกคือสะดุดตาเว่อร์ เห็นทุกอย่างภายในร้านได้ทั้งหมด
ส่วนบริเวณภายนอกร้าน ก็สร้างบรรยากาศได้อย่างลงตัวสุดๆ มีทั้งม้านั่งให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ พร้อมประดับด้วยต้นหูกระจงโดยรอบอีกด้วย แวะมาตอนช่วงเย็นๆ แดดไม่ร้อน คือต้องดีมากแน่นอน
ภายในดีไซน์ Tree Canopy ได้อย่างสวยงาม ไร้ที่ติ แผ่นไม้มาเรียงกันแบบไร้รอยต่อ
บริเวณชั้นล่าง จะสังเกตว่าบนเพดานไม่มีช่องแอร์เลย เพราะลมจะมาจากแผงรูใต้โต๊ะนั่นเอง
ถึงจะเป็น Apple Store สาขาที่ 2 ในไทย แต่ไม่เป็นสองรองใคร
แม้ว่าจะเปิดเป็นสาขาที่ 2 ของประเทศ แต่รับรองได้เลยว่าความยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับสาขาแรกแน่นอน อย่าง Apple Iconsiam ก็จะโดดเด่นเรื่องความโปร่งของเพดานที่สูงถึง 2 ชั้น ทำให้รู้สึกสบายสุดๆ เวลามาใช้บริการภายในร้าน พอมองออกไปด้านนอก ก็จะเห็นวิวของ ICONSIAM Park และแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยงาม
วิวภายนอกร้าน Apple Iconsiam สวยงามมากๆ ไม่มีอะไรมาบังทิวทัศน์เลย
ส่วนร้าน Apple Central World ถือว่ามีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าสาขาแรก มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และตั้งอยู่ในทำเลทองดีที่สุดของกรุงเทพฯ เลย สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งโครงสร้างของร้านได้แยกออกมาจากศูนย์การค้า centralwOrld อย่างสิ้นเชิง ลงทุนเจาะเสาเข็มทุกอย่างใหม่หมด เพื่อให้ร้านออกมาอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และจะกลายเป็นแลนด์มาร์คในระดับโลก ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก เวลาเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯ ก็ต้องแวะมาเช็คอิน เหมือนกับเวลาที่เราไปเที่ยวเมืองนอก เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง หรือญี่ปุ่น แบบนั้นเลย
Apple Central World ตั้งอยู่ทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ บริเวณสี่แยกราชประสงค์
โครงสร้างของร้านแยกออกมาจากศูนย์การค้า centralwOrld เลย
ทางเข้าไปยังร้าน Apple Store มีทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน
ถ้าหากใครจะเดินทางมาที่ร้าน Apple Central World สามารถใช้ทางเข้า-ออกได้ถึง 2 เส้นทาง ตามนี้เลยยย~
1) บริเวณชั้น 1 ลานด้านหน้าศูนย์การค้า จะเรียกว่าเป็นทางเข้าหลักก็ได้แหละ เพราะเมื่อเข้ามาภายในร้านแล้ว จะพบกับ Product Zone โชว์สินค้าจาก Apple ให้ได้ทดลองใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch, AirPods, Mac รวมถึงอุปกรณ์เสริมแบบครบครัน
2) บริเวณชั้น 2 เชื่อมต่อจาก BTS Skywalk ก็สามารถเดินมาถึงร้านได้เลย ซึ่งเดินทางสะดวกสุดๆ นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีชิดลม, สยาม หรือราชดำริ แล้วเดินอีกแค่นิดหน่อยก็ถึงร้านแล้ว โดยบริเวณทางเดินจะประดับตกแต่งด้วยต้นไม้ และที่นั่งโทนไม้อย่างสวยงาม
ทางเข้า-ออกของร้าน บริเวณชั้น 2 เชื่อมต่อกับ BTS Skywalk ได้เลย
บริเวณทางเดินเข้าศูนย์ฯ ก็ตกแต่งให้บรรยากาศเข้ากันได้อย่างดี
แต่ในช่วงที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ทางร้านจำเป็นต้องคัดกรองก่อนเข้าร้าน จึงให้เข้าที่ประตูชั้น 1 และออกที่ประตูชั้น 2 โดยทั้ง 2 ชั้น สามารถเชื่อมต่อกันได้ด้วยบันไดวนสแตนเลส และลิฟต์โดยสารทรงกระบอก ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี บรรยากาศภายในลิฟต์ทรงกระบอกนี้เป็นยังไง ต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ
มองจากภายนอกเหมือนจะมีแค่ 2 ชั้น แต่ยังมีชั้นใต้ดินอีกด้วย
ถ้าสังเกตจากภายนอกของ Apple Central World ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ 2 ชั้น คือชั้น 1 ระดับพื้นถนนเดียวกับศูนย์การค้า และชั้น 2 เชื่อมต่อกับทางเดิน BTS Skywalk เท่านั้น แต่ความจริงแล้วที่นี่ยังมีชั้นใต้ดิน (B1) ลึกลงไป ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้อง Board Room สำหรับรับรองผู้ประกอบการ คู่ค้า นักพัฒนา เพื่อให้คำปรึกษาและพูดคุยทางธุรกิจได้ รวมถึงห้องน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อีกด้วย
บันไดวนทำจากสแตนเลส เชื่อมต่อระหว่างชั้นใต้ดิน ชั้นล่าง และชั้นบน ดีไซน์สวยมากๆ
เค้าใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ขนาดบันไดยังเริ่ดขนาดนี้
ลิฟต์ทรงกระบอก ทำจากแสตนเลส มีความโดดเด่นอย่างมากเลย
พนักงานร้าน Apple Central World สามารถสื่อสารได้ถึง 17 ภาษา
ด้วยความที่สาขาตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ แบบนี้ ก็ต้องมีชาวต่างชาติจากทั่วโลก เดินทางแวะมาเยี่ยมเยียน สัมผัสบรรยากาศร้านที่โดดเด่นของ Apple Central World กันอย่างแน่นอน ก็เลยทำให้พนักงานของร้านจะต้องสื่อสารได้อย่างหลากหลาย ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย เพราะพนักงานที่นี่สามารถจะสื่อสารได้มากถึง 17 ภาษาเลย ไม่ต้องกลัวที่จะพูดคุยกับพนักงานอีกแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าใจกันแน่นอน
โดดเด่นด้วยคำว่า "กรุงเทพ" ภาษาไทย ในโลโก้แอปเปิ้ล
ในช่วงแรกที่ร้าน Apple Central World ยังไม่ได้เปิดเป็นทางการ เป็นความลับอยู่แหละเนาะ ก็จะถูกปิดทับด้วยสติกเกอร์สีดำ และโลโก้แอปเปิ้ลที่มีคำว่า กรุงเทพ ภายในหลากหลายสีสัน พร้อมกับชื่อเต็มของกรุงเทพฯ โดยรอบของร้าน "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" และนี่ถือเป็นโลโก้ของร้าน Apple Central World ส่วนโลโก้ของร้าน Apple Iconsiam จะมีสัญลักษณ์จะเป็นสีทอง ลักษณะคล้ายกับอักษร อ นั่นเอง
เห็นดีไซน์โดดเด่นแบบนี้ รู้เลยว่านี่คือร้าน Apple ในประเทศไทยนั่นเอง
ชื่อเต็มของกรุงเทพมหานคร เอามาเรียงต่อกัน จะพอดีรอบร้านเลย
Apple Central World เขียนไม่เหมือนกับศูนย์การค้า centralwOrld
อ้างอิงจากการเขียนรายชื่อสาขาของเว็บไซต์ Apple จะพบว่าจะสะกดชื่อสาขาแบบนี้ Apple Central World ไม่ได้ใช้หลักการเขียนตามที่ศูนย์การค้า centralwOrld ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นตัวอักษรเล็กทั้งหมด ยกเว้นตัว O เป็นตัวใหญ่ ซึ่งเป็นกิมมิคที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปรับปรุงศูนย์การค้าและโลโก้ใหม่
"จะต้องเขียนว่า Apple Central World ไม่ใช่ Apple centralwOrld นาจา"
สำหรับใครที่ได้เข้าชม Apple Central World ในวันแรกที่เปิดอย่างเป็นทางการ จะได้รับของที่ระลึกตอนออกจากร้านด้วย เป็นสมุดคู่มือสำหรับลูกค้าในวันเปิดตัวร้าน พร้อมกับกล่องขนาดไม่ใหญ่มากอีก 1 อัน ภายในกล่องจะมีอะไรบ้าง เรามา Unbox กันหน่อยดีกว่า ข้างในก็จะมีถุงผ้าขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ คิดว่าน่าจะกันน้ำนะ พร้อมกับสติกเกอร์โลโก้ร้านอีก 1 อัน
🌈 สรุปให้ก่อนแวะไปชม 🌈
• Apple Central World เป็นสาขาที่ 2 ในประเทศไทย ต่อจากสาขาแรกที่ Apple Iconsiam ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด ออกแบบจากแนวคิด Tree Canopy ใช้กระจกรอบด้าน มองเห็นร้านได้ 360 องศาไปเลย
• ในวันที่ 31 ก.ค. 63 ซึ่งเป็นวันแรกที่เปิดบริการอย่างเป็นทางการ จะต้องจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ก่อนเท่านั้นตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 63 เป็นต้นไป สามารถต่อคิวที่หน้าร้านได้ตามปกติ และต้องปฏิบัติตามหลัก Social Distancing
• อยากมา Apple Central World แนะนำใช้รถไฟฟ้า BTS ไวสุด สามารถเลือกลงได้ถึง 3 สถานี ไม่ว่าจะเป็นสยาม, ชิดลม หรือราชดำริ ระยะทางเทียบแล้วพอๆ กันเลย เดินบน Skywalk เชื่อมต่อถึงร้านได้เลย สบายเว่อร์
ทำความรู้จักกับ Apple Central World ให้มากขึ้น
คลิกเลย https://www.apple.com/th/retail/centralworld
โดย MilD
รักที่จะเรียนรู้ อยู่อย่างมีชีวิตชีวา เพราะไม่ว่าโปรโมชั่นจะอยู่ที่ไหน เราต้องตามหามันให้เจอ <3
บทความ ที่คุณอาจจะสนใจ